อาจารย์ภาษาไทยเผยเด็กไทยยุคนี้พูดภาษาไทยไม่ชัด ส่วนหนึ่งเพราะกระแสแฟชั่นใส่เหล็กดัดฟัน ทั้งที่บางคนไม่มีความจำเป็น ขณะที่เยาวชนแนะเยาวชน เริ่มต้นวันภาษาไทยแห่งชาติปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องตนเอง ฝึกฝนการเขียน อ่านและพูดภาษาไทยให้ถูกต้องตามอักขระภาษาไทย โดยเฉพาะไม่บัญญัติศัพท์ใหม่ที่ไม่มีความหมาย หรือพูดภาษาไทยปนกับภาษาอังกฤษ
เนื่องในโอกาสวันภาษาไทยแห่งชาติ 29 กรกฎาคม นางรวิวรรณ นาชัยสิทธิ์ อาจารย์ภาษาไทยจากโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย กล่าวว่า สอนวิชาภาษาไทยมาตั้งแต่ปี 2513 เห็นปัญหาทุกปีในเรื่องการพูด เขียน และอ่านภาษาไทยของนักเรียน อย่างปัจจุบันที่เห็นชัดเจนคือ เด็กสมัยนี้พูดภาษาไทยไม่ชัด การออกเสียงเหมือนลิ้นแบ บางครั้งออกเสียงพยัญชนะต้นไม่ถูกต้อง ออกเสียงสูงๆ ต่ำๆ เกินกว่าจะเป็นภาษาไทย และการออกเสียงวรรณยุกต์จะออกเป็นเสียงสูงตลอด
“ส่วนหนึ่งเกิดจากนักเรียนขาดการคำนึงถึง คิดจะออกเสียง คิดจะพูดอย่างไรก็ได้ พูดเร็วมากไม่มีจังหวะจะโคน และติดนิสัยถึงการออกมาในรูปเพลง เร็วตามจังหวะเพลงไปเลย อย่างบางคนไม่มีความจำเป็นต้องดัดฟันก็ไปดัด ทำให้การออกเสียงไม่ชัดไปด้วย หรือการออกเสียงควบกล้ำ ออกเสียงตัว ร ชัด แต่พอถึงคำควบกล้ำแล้วจะเพี้ยนเลย บางคำไม่ควรมีควบกล้ำ ก็ไปออกเสียงควบกล้ำ ก็ต้องให้นักเรียนหรือเด็กวัยปัจจุบันแก้ไขและระวัง”
นางรวิวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับการเขียนนั้น สมัยก่อนมีภาษาถั่วงอก ปัจจุบันก็ยังมีอยู่ อย่างการเขียน ตัว ร จะออกลักษณะเป็นตัวอักษรต่างประเทศ เหมือนกับบางชาติที่ออกมาในรูปการ์ตูน และออกมาในลักษณะตัวเหลี่ยม ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของตัวอักษรไทย ซึ่งเป็นตัวอักษรหัวกลม นอกจากนี้การใช้รูปวรรณยุกต์ การวางรูปวรรณยุกต์ไม่ตรงที่ อย่างรูปสระ 2 ตัว คือ สระโอกับสระไอ อย่างเด็กจะเขียนคำว่าหัวใจ ซึ่งควรใช้สระไอไม้ม้วน ก็จะเขียนลักษณะของสระโอเหมือนกับเป็นหัวใจไปเลย
“สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นถือเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข ตอนระดับประถมจะเห็นว่านักเรียนพยายามปั้นลายมือตัวอักษรสวยมากเลย หัวกลม แต่พอมาถึงมัธยมฯ ตอนต้นจะเป็นในรูปของตัวอักษรด้วยและรูปของเครื่องเขียน เช่น ปากกาก็มีส่วน ถ้าใช้ปากกาลูกลื่น ตัวหนังสือไม่สวย แต่ถ้าปากกาหมึกซึมตัวหนังสือจะสวยกว่า หรือถ้าเป็นดินสอ ตัวหนังสือจะสวยกว่า” นางรวิวรรณกล่าว
ทางด้านนายวริษฐ์ ภู่ทอง นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย กล่าวว่า เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาตินี้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะกระตุ้นให้สังคม โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่ยังอยู่ในวัยเรียนหันมาคำนึงถึงคุณค่าของภาษาไทย ในฐานะเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งเห็นว่าเพื่อนๆ ปัจจุบันใช้ภาษาไทยในแง่มุมที่ไม่ถูกต้องนัก ฉะนั้นน่าจะถือเอาวันที่ 29 ก.ค.นี้ เริ่มศึกษาและปรับปรุงข้อบกพร่องตนเองให้ถูกต้อง และอนุรักษ์ภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาประจำชาติของไทยให้อยู่คู่กับประเทศไทยไปตลอด
“การพูดเขียนอ่านภาษาไทยของตนเอง เวลาที่สื่อสารกับคนส่วนใหญ่ได้รับคำแนะนำให้พูดควบกล้ำ ร ล ให้ชัด และไม่ใช้ภาษาที่สร้างขึ้นมาเอง เช่น จ๊าบ หรืออะไร เพราะเป็นภาษาที่ไม่มีความหมาย ก็ต้องระวังไม่ควรใช้ และอีกอย่างคำหยาบคายถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้ และการใช้ภาษาไทยคำภาษาอังกฤษคำก็เหมือนไม่เห็นคุณค่าของภาษาไทย เพราะภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ เป็นเอกลักษณ์ของชาติที่ประเทศอื่นไม่มี ดังนั้นควรหันมาใช้ภาษาให้ถูกต้อง ถ้าพูดภาษาไทยก็ภาษาไทยเลย ต้องยอมรับว่าอิทธิพลจากต่างชาติปัจจุบันมีมาก แต่ก็ไม่ควรให้อิทธิพลนั้นครอบงำ ทำให้ภาษาเราบิดเบือนไป” นักเรียนชั้น ม.6 กล่าว
ทางด้าน น.ส.เกริดา บำรุงญาติ นักเรียนชั้น ม.6 จากโรงเรียนเดียวกัน กล่าวว่า ภาษาไทยเป็นภาษาที่ไพเราะ เพราะมีการออกเสียงทั้งวรรณยุกต์ และมีสระที่รวมเป็นคำแล้วมีทำนองที่ไพเราะ อย่างไรก็ตาม เท่าที่เห็นเพื่อนๆ ปัจจุบันจะมีศัพท์ใหม่ที่ใช้คำย่อ ไม่พูดเต็มๆ คำ ทำให้ภาษาไทยผิดเพี้ยนไป เช่น คำว่า “ชิว ชิว” ที่ไม่มีความหมาย ทั้งนี้ในฐานะเป็นวัยรุ่นควรใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องเพื่อความหมายจะดำรงอยู่ต่อไปจนรุ่นลูกรุ่นหลาน