“ทักษิณ” กดปุ่มทำพิธีมอบถุงรับขวัญที่รพ.ราชวิถี แถมตั้งชื่อเด็กเกิดใหม่อีก 4 คนใน รพ.ราชวิถี แม่เด็กเป็นปลื้ม เผยถุงรับขวัญเป็นก้าวแรกเสริมพัฒนาการสมองเด็กไทย จะพัฒนาให้ดีขึ้นเหมาะกับเด็กแต่ละวัย แถมโชว์ไฮเทคคุยกับแม่เด็กที่ต่างจังหวัดโชว์ทั่วประเทศ ขณะที่ “น้องเต้า” ส่วนโผล่เซอร์ไพรส์ร่วมเป็นสักขีพยาน
วันที่ 28 กรกฎาคม 2548 ที่โรงพยาบาลราชวิถี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนาผู้บริหารระดับสูงและนักวิชาการจาก 5 กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพประชากรไทย ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนใน กทม.รวม กว่า 600 คน เรื่อง “ถุงรับขวัญเด็กแรกเกิด ก้าวแรกของการพัฒนาสมองเด็กไทย”
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวมอบนโยบาย และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “นโยบายรัฐบาลกับการพัฒนาเด็กไทยตั้งแต่แรกเกิด” ว่า การมอบถุงรับขวัญในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลได้มอบให้เฉพาะเด็กไทยทุกคนที่เกิดในประเทศไทย และเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงถือเป็นวันที่ดีในการเริ่มต้นรับมอบ การมอบถุงรับขวัญมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กไทยทุกคนที่เกิดมามีการพัฒนาการที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พัฒนาการที่ดีนั้นจะต้องมาจาก 2 ส่วน คือ พันธุกรรมที่มาจากพ่อและแม่ซึ่งมีผลต่อเด็ก และการเลี้ยงดูที่ถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยสิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้จะทำให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ดี มีการส่งเสริมเริ่มต้นการพัฒนาการอย่างถูกต้อง ด้านการสัมผัส การเรียนรู้ การพัฒนาอารมณ์ และสมอง ทั้งนี้สมองของเด็กเปรียบเหมือนกับมีด หากเริ่มต้นลับที่ดี มีก็จะมีความคม” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้ที่ประเทศอังกฤษได้มีการตั้งงบประมาณจำนวน 27 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท ในการจัดทำโครงการหนังสือหนังสือเล่มแรก(Book Start) เพื่อแจกให้กับเด็กในการพัฒนาการเรียนรู้ตามอายุ โดยแบ่งมอบเป็น 3 ช่วง คือ ตั้งแต่แรกเกิด-1 ขวบ, 1-2ขวบ และ ช่วง 3-4 ขวบ ซึ่งในเรื่องนี้ได้มอบให้สถาบันวิทยาการการเรียนรู้ (สวร.) นำไปศึกษาเพื่อจัดทำพัฒนาการในขั้นต่อไป เนื่องจากคุณภาพของคน คือคุณภาพของประเทศ หากประเทศไม่มีคนที่คุณภาพเพียงพอ เป็นเรื่องยากที่จะแข่งขันกับนานาประเทศได้
“ตอนที่ผมมีลูกชายคนแรก ซึ่งคลอดที่สหรัฐฯ ในช่วงเดือนธันวาคม ตามธรรมเนียมฝรั่ง ถือว่า เป็นคริสต์มาสเบบี้ ตอนออกจากโรงพยาบาลได้รับแจกถุงเท้าสีแดงสวมเท้าลูกมาให้ และเมื่อกลับถึงบ้านก็มีเมลเต็มไปหมด ซึ่งเป็นของแจกสำหรับเด็กจากบริษัทต่างๆ ที่ต้องการขายสินค้า โดยส่งตัวอย่างผ้าอ้อม ของใช้สำหรับเด็ก ของเล่นพัฒนาการมาให้ทดลองใช้ และเมื่อ พ.ญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ ได้เสนอไอเดียนี้มา ผมก็เห็นว่าน่าที่จะเป็นประโยชน์ จึงขอให้มีการศึกษาต่อ ซึ่งถุงของขวัญที่รัฐบาลมอบให้นี้ ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะที่ดีต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กดปุ่มทำพิธีมอบถุงรับขวัญให้เด็กแรกเกิดทั่วประเทศ โดยมีเด็กๆจากศูนย์เด็กเล็กของ รพ.ราชวิถีมาร่วมเป็นสักขีพยาน ต่อจากนั้น มีพยาบาลอุ้ม น้องเต้าส่วน ด.ช.การุณศีล จันทร์ศิริ วัย 1 ขวบ 8 เดือน หรือ แม้วน้อย เด็กชายชาวลำปางที่หน้าตาละม้ายคล้ายนายกรัฐมนตรีมาให้นายกรัฐมนตรีอุ้มด้วย ซึ่งน้องเต้าส่วนไม่มีทีท่าตกใจ และยินดีให้อุ้มแต่โดยดี โดย พ.ต.ท.ทักษิณ มีสีหน้ายินดีและหยอกล้อน้องเต้าส่วนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับพ่อแม่ และเด็กที่เกิดในวันนี้ ผ่านทางวิดีทัศน์ และได้รับมอบถุงรับขวัญ โดยเด็กที่เกิดคนแรกอยู่ที่ อ.ขานุวรลักษณ์ จ.กำแพงเพชร เกิดเมื่อเวลา 00.05 น. และนายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีมอบ “ถุงรับขวัญเด็กแรกเกิด” ใบแรกให้มารดาที่คลอดบุตรในวันที่ 28 กรกฎาคม 2548 ที่โรงพยาบาลราชวิถี ในพิธีมอบถุงรับขวัญเด็กแรกเกิดในวันนี้ ได้มอบพร้อมกันทั่วประเทศ โดยในภูมิภาคผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มอบ และถ่ายทอดสดมอบพร้อมกับจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ราชบุรีด้วย
ทั้งนี้ ถุงรับขวัญนี้ มีเป้าหมายมอบให้เด็กไทยทุกคนที่เกิดในโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน หรือคลอดที่บ้าน ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2548 ถึง เวลา 24.00 น.ของวันที่ 27 กรกฎาคม 2549 รวมประมาณ 900,000 คน โดยแม่ที่คลอดลูกแฝด ไม่ว่าจะเป็นแฝดสองคน แฝดสามคน ก็จะได้รับคนละชุดเช่นกัน ถุงรับขวัญดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือให้พ่อแม่ได้ใช้ฝึกกระตุ้นพัฒนาของเด็กทารก โดยสถิติการคลอดที่โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 เป็นต้นมา มีเด็กเกิดใหม่ทั้งหมด 6,286 ราย เฉลี่ยคลอดวันละ 23 ราย คาดในวันนี้ทั่วประเทศ จะมีเด็กไทยเกิดใหม่ประมาณ 2,500 คน
ด้าน ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ผลการสำรวจระดับประเทศได้ข้อสรุปสำคัญและตรงกันว่า เด็กที่มีอายุเพิ่มขึ้นจะมีพัฒนาการทางสติปัญญาต่ำลงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น และเด็กที่อยู่ในชนบทมีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กในเมือง เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเด็กไทยประสบปัญหาพัฒนาของสมองที่ไม่ได้รับการกระตุ้นเพียงพอ และการอบรมเลี้ยงดูมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของสมอง พ่อแม่ไทยส่วนใหญ่จะเน้นการเลี้ยงดูลูกด้านการกินอยู่หลับนอน ขาดการส่งเสริมด้านสติปัญญา ขาดการ มีปฏิสัมพันธ์กับลูก มักเปิดทีวีให้ลูกดู และไม่ส่งเสริมการอ่าน มีเวลาเลี้ยงลูกน้อยลง โดยกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามประเมินผลพัฒนาของเด็ก ที่ได้รับชุดรับขวัญเด็กแรกเกิด ทั้งพัฒนาการด้านอารมณ์และสมอง ทุก 3 เดือน ติดต่อกันไปจนถึงอายุ 1 ปีครึ่ง
น.พ.วิชัย เทียนถาวร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดโรงเรียนพ่อแม่ซึ่งตั้งในแผนกฝากครรภ์ของโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พยาบาลสอนวิธีการเลี้ยงลูกที่ถูกต้องให้ทั้งหญิงที่มาฝากครรภ์และสามีด้วย มีบริการปรึกษาตรวจสุขภาพทั้งสามีและภรรยา เพื่อเตรียมพร้อมเป็นพ่อเป็นแม่อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะการเลี้ยงลูกของคนไทยที่ผ่านมายังไม่มีการสอนโดยตรง แต่จะมีการถ่ายทอดประสบการณ์มาจากแม่เป็นส่วนใหญ่
น.พ.วิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีหญิงตั้งครรภ์ ฝากครรภ์ที่สถานพยาบาลและได้รับการ ดูแลครบ 4 ครั้ง ตามเกณฑ์ คือ ช่วง 1-6 เดือน, 7 เดือน, 8 เดือน และ 9 เดือน 74% ซึ่งสถานการณ์ดีขึ้นมาก ทำให้สุขภาพของเด็กในครรภ์ดีขึ้น โดยน้ำหนักเด็กแรกเกิดไทยเฉลี่ย 3,000 กรัม ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานโลก ชี้ให้เห็นว่าเด็กไทยเป็นเด็กที่มีต้นทุนทางสุขภาพสูง มีเด็กจำนวนน้อยเพียง 8% ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐานคือ 2,500 กรัม ทั้งนี้ การคลอดในปัจจุบันส่วนใหญ่ 73% คลอดปกติ ที่เหลืออีก 27% เป็นการคลอดผิดปกติ มากที่สุดคือ การผ่าท้องคลอด 19%
สำหรับการติดตามประเมินผลการสุขภาพและพัฒนาการของเด็กทารก กระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งคลินิกเด็กดี ในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ โดยคลินิกดังกล่าวจะมีสมุดคู่มือสุขภาพเด็ก กุมารแพทย์จะประเมินพัฒนาการเด็กแต่ละคนอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติจะได้รับการแก้ไขกระตุ้นพัฒนาการแต่เนิ่นๆ เป็นผลดีต่อเด็กมาก ต่อไปนี้จะขยายคลินิกดังกล่าวลงถึงระดับหมู่บ้านคือ ศูนย์สุขภาพชุมชนหรือในสถานีอนามัยขนาดใหญ่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในการเปิดสัมมนาผู้บริหารระดับสูง และนักวิชาการจาก 5 กระทรวง แล้วได้ลงไปที่ห้องพักเด็กแรกคลอด รพ.ราชวิถี ซึ่งในห้องมีแม่พักฟื้นอยู่ 6 คน และนายกรัฐมนตรีได้ตั้งชื่อให้เด็กที่อยู่ในห้อง 4 คน คือ
ลูกสาวของนางพรทิพย์ ชมพูทัศน์ ชื่อ ดญ. ภัทรธิกุล ลูกชายนางสายฝน จันทร์ศิริ ชื่อ ด.ช.กรวิชญ์ แปลว่าความรุ่งเรืองแห่งปราชญ์ ลูกชายของ นางสุกัญญา ธรรมเลิศ ชื่อ ด.ช.ชวิษา แปลว่า เจ้าแห่งเชาว์ปัญญา และลูกสาวของ นางสาวรินทร์ พันธ์ศรี ชื่อ ด.ญ.ขริษฐา แปลว่า ผู้สร้างสรรค์
ส่วนน้องเต้าส่วนที่มาเป็นตัวแทนเด็กแรกเกิดเพื่อขอบคุณทื่ได้รับถุงของขวัญนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก คล้ายตนเองมาก และเพิ่งจะอ่านข่าวเมื่อเช้านี้ (28 ก.ค.) ว่าน้องเต้าส่วนขึ้นเครื่องบินที่เชียงใหม่แล้วมีคนไปรุมถ่ายรูป ไม่นึกว่าจะมาเจอกันในงานนี้ น่ารักมาก
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าอยากมีลูกเล็กๆ อีกหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ไหวแล้ว ยิ่งมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ต้องพูดถึงเลย
