“พล.ต.ต.สุชาติ” ติงหากปล่อยปฏิทินไทยผิดพลาดจะส่งผลให้พระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติผิดพุทธบัญญัติ ระบุไทยใช้ปฏิทินผิดมาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว อ้างคำรัชกาลที่ 4 ให้สังเกตจันทร์เพ็ญในวันเข้าพรรษา ชี้ปฏิทินประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงถูกต้องทั้งลาวและพม่า ไทยผิดอยู่ประเทศเดียว
พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ อดีตอธิบกรมไปรษณีย์โทรเลข ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ปฏิทินไทยผิดพลาดส่งผลให้วันสำคัญทางพุทธศาสนาคลาดเคลื่อน ผ่านทางรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ว่าตนเคยชี้แจงไปแล้วว่าความคลาดเคลื่อนของปฏิทินทั้งปฏิทินหลวงและปฏิทินตั้งโต๊ะทั่วไปนั้น คือการคำนวณข้างขึ้นข้างแรมคลาดเคลื่อนเรื่อยมา ที่ปรากฏเห็นชัดคือวันอาสาฬหบูชา เมื่อ 2-3 ปีนี้ พระจันทร์จะไม่เต็มดวง ซึ่งพิสูจน์ได้ด้วยภาพทางดาราศาสตร์ที่ถ่ายเอาไว้ว่าพระจันทร์เบี้ยวจริงๆ ไม่ใช่การพูดกันเล่น
สำหรับสาเหตุของความผิดพลาด เนื่องจากปฏิทินหลวงหรือปฏิทินทั่วได้อ้างอิงปฏิทินโหราศาสตร์บางเล่มที่เขียนมานานแล้วและไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งการโคจรของดวงดาว พระจันทร์และพระอาทิตย์จะมีการคลาดเคลื่อนเปลี่ยนแปลง ซึ่งปีนี้ที่ต้องมีการทักท้วงกันเพราะหากไม่ทักท้วงก็จะยิ่งผิดพลาดไปกันใหญ่และไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร
“วันวิสาขบูชา ผิดจากวันที่ถูกต้องไปถึง 2 วัน วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาก็ผิดไปอีก ก็แสดงว่าพระสงฆ์เข้าพรรษาผิดไป นั่นคือผิดพุทธบัญญัติถือเป็นบาปกรรม พระท่านก็จะผิดวินัย ซึ่งเรื่องวันเข้าพรรษานี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงบรรยายไว้ในตำราอธิกมาสอธิกวารและปักษคณนาว่า ถ้าพระจันทร์เพ็ญไม่ถึงฤกษ์อาษาฒ (อาสฬหฤกษ์) แล้ว ถึงพระเจ้าแผ่นดินจะมาบังคับให้พระสงฆ์เข้าพรรษาแต่เดือน 6 ก็ดี เดือน 7 ก็ดี ก็ไม่เป็นเข้าพรรษาได้ ให้สังเกตดูดวงจันทร์เป็นสำคัญว่าเว้าแหว่งแค่ไหน หากไม่ปฏิบัติตามพระองค์ท่านตรัสไว้ ก็จะทำให้พระภิกษุสงฆ์ผิดพุทธบัญญัติ” พล.ต.ต.สุชาติกล่าว
อดีตอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับปีนี้เมื่อไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรก็ได้เพิ่มวันในเดือน 7 ซึ่งโดยปกติวารจะมี 29 วัน ในเดือนคี่ หากเป็นเดือนคู่จะมี 30 วัน ซึ่งเดือนคี่จะมีเพียงวันแรม 14 ค่ำ ในปีนี้เป็นปีปกติวารจะต้องมี 29 วันเท่านั้น เลยต้องเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งตรงเดือน 7 ให้มี 30 วันขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่ได้ยึดหลักวิชาใด บวกเข้าไปอีก 1 วัน
“ยังดีที่ว่าวันอาสาฬหบูชาปีนี้ถูกต้องไม่ผิดพลาด ถ้าหากในปีต่อไปหากยังทำอย่างเดิมก็มีผิดพลาดได้ แต่ผมได้คำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ปีต่อไปข้างขึ้นข้างแรมจะตรงกับวันไหนและได้ส่งให้โหรหลวงและ ดร.ประเสิรฐ ณ นคร ซึ่งเป็นราชบัณฑิตในเรื่องนี้ตรวจสอบ ก็ได้รับการยืนยันว่าถูกต้องแล้ว”
พล.ต.ต.สุชาติ กล่าวด้วยว่า การกำหนดวันข้างขึ้นข้างแรมปกติเป็นหน้าที่ของโหรหลวง และยึดถือปฏิทินหลวงเป็นหลัก ซึ่งเป็นปฏิทินสำคัญที่พระราชทานในวันขึ้นปีใหม่ จึงให้ความสำคัญว่าต้องถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการพระราชทานปฏิทินดังกล่าวอยู่ โดยผู้ใดไปลงนามถวายพระพรก็จะได้รับปฏิทินพระราชทาน ที่ผ่านมาปฏิทินหลวงมีการอ้างอิงหลักโหราศาสตร์ฉบับหนึ่งที่ไม่สอดคล้องกับดาราศาสตร์ ซึ่งปฏิทินทั่วไปก็จะยึดตามปฏิทินหลวงเป็นหลัก ทำให้เกิดข้อผิดมาเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ปฏิทินของประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ประเทศลาวก็ไม่มีความผิดพลาด สังเกตได้คือวันบั้งไฟพญานาคของลาวจะช้ากว่าของไทย 1 วัน ซึ่งพม่าก็ยึดปฏิทินตามจันทรคติก็ถูกต้อง มีเพียงประเทศไทยที่เกิดความผิดพลาดขึ้น
พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ อดีตอธิบกรมไปรษณีย์โทรเลข ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ปฏิทินไทยผิดพลาดส่งผลให้วันสำคัญทางพุทธศาสนาคลาดเคลื่อน ผ่านทางรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ว่าตนเคยชี้แจงไปแล้วว่าความคลาดเคลื่อนของปฏิทินทั้งปฏิทินหลวงและปฏิทินตั้งโต๊ะทั่วไปนั้น คือการคำนวณข้างขึ้นข้างแรมคลาดเคลื่อนเรื่อยมา ที่ปรากฏเห็นชัดคือวันอาสาฬหบูชา เมื่อ 2-3 ปีนี้ พระจันทร์จะไม่เต็มดวง ซึ่งพิสูจน์ได้ด้วยภาพทางดาราศาสตร์ที่ถ่ายเอาไว้ว่าพระจันทร์เบี้ยวจริงๆ ไม่ใช่การพูดกันเล่น
สำหรับสาเหตุของความผิดพลาด เนื่องจากปฏิทินหลวงหรือปฏิทินทั่วได้อ้างอิงปฏิทินโหราศาสตร์บางเล่มที่เขียนมานานแล้วและไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งการโคจรของดวงดาว พระจันทร์และพระอาทิตย์จะมีการคลาดเคลื่อนเปลี่ยนแปลง ซึ่งปีนี้ที่ต้องมีการทักท้วงกันเพราะหากไม่ทักท้วงก็จะยิ่งผิดพลาดไปกันใหญ่และไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร
“วันวิสาขบูชา ผิดจากวันที่ถูกต้องไปถึง 2 วัน วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาก็ผิดไปอีก ก็แสดงว่าพระสงฆ์เข้าพรรษาผิดไป นั่นคือผิดพุทธบัญญัติถือเป็นบาปกรรม พระท่านก็จะผิดวินัย ซึ่งเรื่องวันเข้าพรรษานี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงบรรยายไว้ในตำราอธิกมาสอธิกวารและปักษคณนาว่า ถ้าพระจันทร์เพ็ญไม่ถึงฤกษ์อาษาฒ (อาสฬหฤกษ์) แล้ว ถึงพระเจ้าแผ่นดินจะมาบังคับให้พระสงฆ์เข้าพรรษาแต่เดือน 6 ก็ดี เดือน 7 ก็ดี ก็ไม่เป็นเข้าพรรษาได้ ให้สังเกตดูดวงจันทร์เป็นสำคัญว่าเว้าแหว่งแค่ไหน หากไม่ปฏิบัติตามพระองค์ท่านตรัสไว้ ก็จะทำให้พระภิกษุสงฆ์ผิดพุทธบัญญัติ” พล.ต.ต.สุชาติกล่าว
อดีตอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับปีนี้เมื่อไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรก็ได้เพิ่มวันในเดือน 7 ซึ่งโดยปกติวารจะมี 29 วัน ในเดือนคี่ หากเป็นเดือนคู่จะมี 30 วัน ซึ่งเดือนคี่จะมีเพียงวันแรม 14 ค่ำ ในปีนี้เป็นปีปกติวารจะต้องมี 29 วันเท่านั้น เลยต้องเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งตรงเดือน 7 ให้มี 30 วันขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่ได้ยึดหลักวิชาใด บวกเข้าไปอีก 1 วัน
“ยังดีที่ว่าวันอาสาฬหบูชาปีนี้ถูกต้องไม่ผิดพลาด ถ้าหากในปีต่อไปหากยังทำอย่างเดิมก็มีผิดพลาดได้ แต่ผมได้คำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ปีต่อไปข้างขึ้นข้างแรมจะตรงกับวันไหนและได้ส่งให้โหรหลวงและ ดร.ประเสิรฐ ณ นคร ซึ่งเป็นราชบัณฑิตในเรื่องนี้ตรวจสอบ ก็ได้รับการยืนยันว่าถูกต้องแล้ว”
พล.ต.ต.สุชาติ กล่าวด้วยว่า การกำหนดวันข้างขึ้นข้างแรมปกติเป็นหน้าที่ของโหรหลวง และยึดถือปฏิทินหลวงเป็นหลัก ซึ่งเป็นปฏิทินสำคัญที่พระราชทานในวันขึ้นปีใหม่ จึงให้ความสำคัญว่าต้องถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการพระราชทานปฏิทินดังกล่าวอยู่ โดยผู้ใดไปลงนามถวายพระพรก็จะได้รับปฏิทินพระราชทาน ที่ผ่านมาปฏิทินหลวงมีการอ้างอิงหลักโหราศาสตร์ฉบับหนึ่งที่ไม่สอดคล้องกับดาราศาสตร์ ซึ่งปฏิทินทั่วไปก็จะยึดตามปฏิทินหลวงเป็นหลัก ทำให้เกิดข้อผิดมาเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ปฏิทินของประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ประเทศลาวก็ไม่มีความผิดพลาด สังเกตได้คือวันบั้งไฟพญานาคของลาวจะช้ากว่าของไทย 1 วัน ซึ่งพม่าก็ยึดปฏิทินตามจันทรคติก็ถูกต้อง มีเพียงประเทศไทยที่เกิดความผิดพลาดขึ้น
