รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) แถลงข่าวผลการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ปรากฏว่า ผู้แทนประเทศไทยได้ 4 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดงจากการแข่งขันดังกล่าว
ดร. นงนุช ชาญปริยวาทีวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) แจ้งว่า ตามที่ สสวท. ได้จัดส่งผู้แทนประเทศไทยจำนวน 6 คน ไปร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ในวันที่ 8-19 กรกฎาคม 2548 ณ เมืองเมอริดา ประเทศเม็กซิโก บัดนี้ได้รับรายงานผลส่งตรงมาจากประเทศเม็กซิโกแล้ว ปรากฏว่า ผู้แทนประเทศไทยได้ 4 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดงจากการแข่งขันดังกล่าว
เหรียญเงิน - นายนิธิ รุ่งธนาภิรมย์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร , เด็กชายภานุพงศ์ ภาสุภัทร โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพมหานคร ,นายภูมิพงศ์ วัฒนะประกรณ์กุล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, นายวุฒิศักดิ์ ตรงศิริวัฒน์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
เหรียญทองแดง - นายศรัณย์ อาฮูยา โรงเรียนนานาชาตินครพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ , นายณภัทร รุจีรไพบูลย์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครปฐม
การแข่งขันครั้งนี้มีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 80 ประเทศทั่วโลก จากการที่ประเทศไทย ส่งเด็กไทยร่วมการแข่งขันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 จนถึงปัจจุบัน ได้รางวัลรวม 1 เหรียญทอง , 13 เหรียญเงิน, 34 เหรียญทองแดง , 21 เกียรติคุณประกาศ , และ 1 Best Solution
โดยประเทศไทยได้เหรียญทองคณิตศาสตร์เหรียญแรกในปี พ.ศ. 2546 จากประเทศญี่ปุ่น ฝีมือของนายธนสิน นำไพศาล โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นเจ้าของเหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิกในปี 2547 ด้วย
นายนิธิ รุ่งธนาภิรมย์ (บิ๊ก) วัย 17 ปี กล่าวว่า เข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการ เพราะเห็นว่าเป็น โอกาสดีที่จะได้พัฒนาความสามารถของตนเอง และได้ทำในสิ่งที่สนใจ ได้พบเพื่อนกลุ่มที่สนใจในเรื่องเดียวกัน ชอบเรียนคณิตศาสตร์เพราะเป็นวิชาที่ทำให้ได้ใช้ความคิด ใช้เหตุผล สามารถเรียนได้โดยใช้ความเข้าใจ ปกติไม่ได้เรียนพิเศษ ครอบครัวส่งเสริมด้านการเรียนโดยคอยเป็นกำลังใจให้ และเป็นที่ปรึกษาเวลาที่มีปัญหา กิจกรรมที่ทำในเวลาว่างนอกจากจะเล่นกีฬาปิงปอง แบดมินตันแล้ว ยังอ่านหนังสือ เล่นเปียโน อิเล็กโทน และท่องอินเทอร์เน็ต
“ผมเรียนโดยใช้ความเข้าใจเป็นหลัก ไม่ท่องจำโดยไม่จำเป็น เรียนเพราะสนุกที่จะเรียน เพราะรู้สึกอยากเรียน ไม่ใช่เรียนเพื่อเก็บเกรด อนาคตอยากจะคิดทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ขึ้นมาใหม่ หรือพิสูจน์ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ ตั้งใจอยากจะทำงานด้านคณิตศาสตร์ และจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการศึกษาต่อคณิตศาสตร์ที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก เพราะเป็นวิชาที่ถนัด สนใจและชอบมาก ขอฝากไปถึงเยาวชนไทยว่าอยากให้ลองมาเข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการ เพราะเป็นประสบการณ์ที่มีค่า” นิธิกล่าว
เด็กชายภานุพงศ์ ภาสุภัทร (ไอซ์) วัย 15 ปี ให้ความเห็นคล้าย ๆ กับคนอื่นๆ ว่า คณิตศาสตร์เป็น วิชาที่มีเหตุผล มีการคิดวิเคราะห์ ได้ฝึกสมอง ส่วนงานอดิเรกของตัวเองนั้นเวลาว่างจะอ่านนิยาย และเล่นกีฬา นิดหน่อย เวลาเรียนอย่าไปเครียดมาก แบ่งเวลาให้ถูก เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น อย่ากลัววิชาที่ตัวเองเรียนอ่อน แต่พยายามเสริมให้ดีขึ้น แล้วก็ตั้งใจเรียน เวลาอ่านหนังสือก่อนสอบจะได้ไม่เหนื่อยมาก
“อนาคตผมตั้งใจจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการไปเรียนต่อด้านคณิตศาสตร์เช่นกัน และตั้งเป้าหมายไว้เพียงว่าจะเติบโตเป็นอนาคตที่ดีของประเทศ เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติครับ”
นายภูมิพงศ์ วัฒนะประกรณ์กุล (ยอด) วัย 17 ปี บอกว่า สาเหตุที่เข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการเพราะตื่นเต้น เร้าใจ มีการแข่งขันที่ช่วยพัฒนาความสามารถได้มาก และได้ทำในสิ่งที่สนใจ ที่ชอบคณิตศาสตร์เพราะเป็นวิชาที่สามารถพิสูจน์ได้ การเข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการทำให้ได้ความรู้ใหม่ เป็นความรู้ที่นอกเหนือจากหลักสูตรมัธยมปลาย ได้พบเพื่อนที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน สนุกครับ ส่วนเวลาว่างของผมนั้นจะเล่นแบดมินตัน ฟุตบอล หรือไม่ก็เล่นเกม อ่านหนังสือดูหนัง ดูโทรทัศน์ และฟังเพลง
“เคล็ดลับในการเรียนก็คือเรียนในสิ่งที่ชอบ อย่าเครียด จะสนุกกับการเรียนและเรียนได้ดี ผมจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการไปเรียนต่อด้านคณิตศาสตร์ที่ต่างประเทศเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ครับ”
นายวุฒิศักดิ์ ตรงศิริวัฒน์ (บอล) วัย 17 ปี เสริมว่า การเข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการทำให้ ได้ความรู้ใหม่ ๆ นอกเหนือจากหลักสูตรในโรงเรียน และได้พบเพื่อนใหม่ ๆ ที่มีความสนใจในวิชา วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
“วิธีเรียนของผมคือเรียนโดยทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เรียน ไม่จำเป็นต้องท่องจำทุกอย่าง อนาคตตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องพิสูจน์ข้อคาดเดาของรีมันด์ให้ได้ อนาคตจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการเพื่อที่จะเป็นนักคณิตศาสตร์”
นายศรัณย์ อาฮูยา (ซันนี่) วัย 18 ปี เล่าว่า โครงการโอลิมปิก ฯ เป็นโครงการที่มีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านวิชาการ ด้านสังคม และให้ประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย “ผมชอบคณิตศาสตร์เพราะเป็นวิชาที่สนุก ท้าทาย ผมเรียนพิเศษบ้างในบางวิชา ด้วยเหตุผลที่ว่ามันทำให้เราได้พบเพื่อน ทำให้เรียนได้อย่างสนุก
ยิ่งขึ้น ไม่เครียดหรือกดดันจนเกินไป เคล็ดลับการเรียนก็คือพยายามสนใจในสิ่งที่เรียนเรียนเพื่อที่จะรู้ในสิ่งนั้น ไม่ใช่เรียนเพื่อที่จะสอบ และอนาคตอยากจะเรียนให้จบปริญญาเอกในสาขาคณิตศาสตร์”
นายณภัทร รุจีรไพบูลย์ (ต้า) วัย 16 ปี ทิ้งท้ายว่า ตัดสินใจเข้าโครงการโอลิมปิกวิชาการ เพื่อหวังที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มากขึ้น เพราะตัวเองชอบเรียนวิชาทางสายวิทยาศาสตร์มาก เนื่องจากเห็นว่าเป็นวิชาที่มีเหตุผล สามารถทำการทดลองหรือพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งชอบมากที่สุด เพราะรู้สึกว่าเป็นวิชาที่สวยงาม เวลาทำโจทย์ก็จะเพลิดเพลินไปกับมัน ณภัทรแนะนำวิธีเรียนให้เก่งและสนุกกับการเรียนไปด้วยว่า
“เราควรทุ่มเทกับการเรียน แต่ไม่ต้องจริงจังมากไปจนเกิดความเครียด ต้องรู้จักแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น เวลาอ่านหนังสือต้องทำความเข้าใจเพื่อปูพื้นฐานความรู้ให้มั่นคง อย่าไปกลัวว่าจะเสียเวลา และพยายามทำความรู้จักกับบทเรียนให้มากยิ่งขึ้น ทำตัวให้สนุกกับมัน”
ทั้งนี้ คณะดังกล่าวจะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 ด้วยเที่ยวบิน TG 775 เวลา 22.30 น. ซึ่ง สสวท. จะจัดพิธีต้อนรับที่สนามบินดอนเมือง ในวันและเวลาดังกล่าว
ดร. นงนุช ชาญปริยวาทีวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) แจ้งว่า ตามที่ สสวท. ได้จัดส่งผู้แทนประเทศไทยจำนวน 6 คน ไปร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ในวันที่ 8-19 กรกฎาคม 2548 ณ เมืองเมอริดา ประเทศเม็กซิโก บัดนี้ได้รับรายงานผลส่งตรงมาจากประเทศเม็กซิโกแล้ว ปรากฏว่า ผู้แทนประเทศไทยได้ 4 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดงจากการแข่งขันดังกล่าว
เหรียญเงิน - นายนิธิ รุ่งธนาภิรมย์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร , เด็กชายภานุพงศ์ ภาสุภัทร โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพมหานคร ,นายภูมิพงศ์ วัฒนะประกรณ์กุล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, นายวุฒิศักดิ์ ตรงศิริวัฒน์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
เหรียญทองแดง - นายศรัณย์ อาฮูยา โรงเรียนนานาชาตินครพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ , นายณภัทร รุจีรไพบูลย์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครปฐม
การแข่งขันครั้งนี้มีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 80 ประเทศทั่วโลก จากการที่ประเทศไทย ส่งเด็กไทยร่วมการแข่งขันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 จนถึงปัจจุบัน ได้รางวัลรวม 1 เหรียญทอง , 13 เหรียญเงิน, 34 เหรียญทองแดง , 21 เกียรติคุณประกาศ , และ 1 Best Solution
โดยประเทศไทยได้เหรียญทองคณิตศาสตร์เหรียญแรกในปี พ.ศ. 2546 จากประเทศญี่ปุ่น ฝีมือของนายธนสิน นำไพศาล โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นเจ้าของเหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิกในปี 2547 ด้วย
นายนิธิ รุ่งธนาภิรมย์ (บิ๊ก) วัย 17 ปี กล่าวว่า เข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการ เพราะเห็นว่าเป็น โอกาสดีที่จะได้พัฒนาความสามารถของตนเอง และได้ทำในสิ่งที่สนใจ ได้พบเพื่อนกลุ่มที่สนใจในเรื่องเดียวกัน ชอบเรียนคณิตศาสตร์เพราะเป็นวิชาที่ทำให้ได้ใช้ความคิด ใช้เหตุผล สามารถเรียนได้โดยใช้ความเข้าใจ ปกติไม่ได้เรียนพิเศษ ครอบครัวส่งเสริมด้านการเรียนโดยคอยเป็นกำลังใจให้ และเป็นที่ปรึกษาเวลาที่มีปัญหา กิจกรรมที่ทำในเวลาว่างนอกจากจะเล่นกีฬาปิงปอง แบดมินตันแล้ว ยังอ่านหนังสือ เล่นเปียโน อิเล็กโทน และท่องอินเทอร์เน็ต
“ผมเรียนโดยใช้ความเข้าใจเป็นหลัก ไม่ท่องจำโดยไม่จำเป็น เรียนเพราะสนุกที่จะเรียน เพราะรู้สึกอยากเรียน ไม่ใช่เรียนเพื่อเก็บเกรด อนาคตอยากจะคิดทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ขึ้นมาใหม่ หรือพิสูจน์ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ ตั้งใจอยากจะทำงานด้านคณิตศาสตร์ และจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการศึกษาต่อคณิตศาสตร์ที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก เพราะเป็นวิชาที่ถนัด สนใจและชอบมาก ขอฝากไปถึงเยาวชนไทยว่าอยากให้ลองมาเข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการ เพราะเป็นประสบการณ์ที่มีค่า” นิธิกล่าว
เด็กชายภานุพงศ์ ภาสุภัทร (ไอซ์) วัย 15 ปี ให้ความเห็นคล้าย ๆ กับคนอื่นๆ ว่า คณิตศาสตร์เป็น วิชาที่มีเหตุผล มีการคิดวิเคราะห์ ได้ฝึกสมอง ส่วนงานอดิเรกของตัวเองนั้นเวลาว่างจะอ่านนิยาย และเล่นกีฬา นิดหน่อย เวลาเรียนอย่าไปเครียดมาก แบ่งเวลาให้ถูก เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น อย่ากลัววิชาที่ตัวเองเรียนอ่อน แต่พยายามเสริมให้ดีขึ้น แล้วก็ตั้งใจเรียน เวลาอ่านหนังสือก่อนสอบจะได้ไม่เหนื่อยมาก
“อนาคตผมตั้งใจจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการไปเรียนต่อด้านคณิตศาสตร์เช่นกัน และตั้งเป้าหมายไว้เพียงว่าจะเติบโตเป็นอนาคตที่ดีของประเทศ เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติครับ”
นายภูมิพงศ์ วัฒนะประกรณ์กุล (ยอด) วัย 17 ปี บอกว่า สาเหตุที่เข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการเพราะตื่นเต้น เร้าใจ มีการแข่งขันที่ช่วยพัฒนาความสามารถได้มาก และได้ทำในสิ่งที่สนใจ ที่ชอบคณิตศาสตร์เพราะเป็นวิชาที่สามารถพิสูจน์ได้ การเข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการทำให้ได้ความรู้ใหม่ เป็นความรู้ที่นอกเหนือจากหลักสูตรมัธยมปลาย ได้พบเพื่อนที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน สนุกครับ ส่วนเวลาว่างของผมนั้นจะเล่นแบดมินตัน ฟุตบอล หรือไม่ก็เล่นเกม อ่านหนังสือดูหนัง ดูโทรทัศน์ และฟังเพลง
“เคล็ดลับในการเรียนก็คือเรียนในสิ่งที่ชอบ อย่าเครียด จะสนุกกับการเรียนและเรียนได้ดี ผมจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการไปเรียนต่อด้านคณิตศาสตร์ที่ต่างประเทศเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ครับ”
นายวุฒิศักดิ์ ตรงศิริวัฒน์ (บอล) วัย 17 ปี เสริมว่า การเข้าร่วมโครงการโอลิมปิกวิชาการทำให้ ได้ความรู้ใหม่ ๆ นอกเหนือจากหลักสูตรในโรงเรียน และได้พบเพื่อนใหม่ ๆ ที่มีความสนใจในวิชา วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
“วิธีเรียนของผมคือเรียนโดยทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เรียน ไม่จำเป็นต้องท่องจำทุกอย่าง อนาคตตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องพิสูจน์ข้อคาดเดาของรีมันด์ให้ได้ อนาคตจะรับทุนโอลิมปิกวิชาการเพื่อที่จะเป็นนักคณิตศาสตร์”
นายศรัณย์ อาฮูยา (ซันนี่) วัย 18 ปี เล่าว่า โครงการโอลิมปิก ฯ เป็นโครงการที่มีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านวิชาการ ด้านสังคม และให้ประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย “ผมชอบคณิตศาสตร์เพราะเป็นวิชาที่สนุก ท้าทาย ผมเรียนพิเศษบ้างในบางวิชา ด้วยเหตุผลที่ว่ามันทำให้เราได้พบเพื่อน ทำให้เรียนได้อย่างสนุก
ยิ่งขึ้น ไม่เครียดหรือกดดันจนเกินไป เคล็ดลับการเรียนก็คือพยายามสนใจในสิ่งที่เรียนเรียนเพื่อที่จะรู้ในสิ่งนั้น ไม่ใช่เรียนเพื่อที่จะสอบ และอนาคตอยากจะเรียนให้จบปริญญาเอกในสาขาคณิตศาสตร์”
นายณภัทร รุจีรไพบูลย์ (ต้า) วัย 16 ปี ทิ้งท้ายว่า ตัดสินใจเข้าโครงการโอลิมปิกวิชาการ เพื่อหวังที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มากขึ้น เพราะตัวเองชอบเรียนวิชาทางสายวิทยาศาสตร์มาก เนื่องจากเห็นว่าเป็นวิชาที่มีเหตุผล สามารถทำการทดลองหรือพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งชอบมากที่สุด เพราะรู้สึกว่าเป็นวิชาที่สวยงาม เวลาทำโจทย์ก็จะเพลิดเพลินไปกับมัน ณภัทรแนะนำวิธีเรียนให้เก่งและสนุกกับการเรียนไปด้วยว่า
“เราควรทุ่มเทกับการเรียน แต่ไม่ต้องจริงจังมากไปจนเกิดความเครียด ต้องรู้จักแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น เวลาอ่านหนังสือต้องทำความเข้าใจเพื่อปูพื้นฐานความรู้ให้มั่นคง อย่าไปกลัวว่าจะเสียเวลา และพยายามทำความรู้จักกับบทเรียนให้มากยิ่งขึ้น ทำตัวให้สนุกกับมัน”
ทั้งนี้ คณะดังกล่าวจะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 ด้วยเที่ยวบิน TG 775 เวลา 22.30 น. ซึ่ง สสวท. จะจัดพิธีต้อนรับที่สนามบินดอนเมือง ในวันและเวลาดังกล่าว