xs
xsm
sm
md
lg

จากตีนดอยถึง “มงฟอร์ต” เด็กชาวเขาในโรงเรียนไฮโซ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย” นับเป็นสถาบันการศึกษาที่ก่อตั้งมายาวนาน ไม่เพียงแต่เป็นโรงเรียนเก่าแก่ แต่สถานศึกษาแห่งนี้ยังมีศิษย์เก่าชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีของไทย ติดอยู่ในแท่นศิษย์เก่าดีเด่นอยู่ด้วย

เนื่องจากเป็นโรงเรียนฝรั่ง เชื่อว่าใครที่ได้ยินชื่อมงฟอร์ตฯ ต่างต้องคิดว่าโรงเรียนแห่งนี้เป็นแหล่งศึกษาของบุตรหลานของผู้มีอันจะกินเท่านั้น ยิ่งไล่รายชื่อศิษย์เก่าดูแล้ว ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตในบ้านเมือง อย่างไรก็ตามนักเรียนมงฟอร์ตฯ บางส่วนเป็นเด็กชาวเขาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในภาคเหนือ

เด็กชาวเขาดังกล่าวเข้ามาศึกษาภายในรั้วมงฟอร์ตตามโครงการรับเด็กในพระราชานุเคราะห์ มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาให้การศึกษา เนื่องจากภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่จำนวนมากและเด็กชาวเขาส่วนใหญ่มักจะขาดโอกาสทางการศึกษา แหล่งการศึกษาที่สำคัญสำหรับพวกเขาส่วนใหญ่คือโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) หรือศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

มาสเตอร์เสน่ห์ คำวินิจ อาจารย์ใหญ่ ร.ร.มงฟอร์ตวิทยาลัย ระดับมัธยมศึกษา เปิดเผยว่า มงฟอร์ตเริ่มรับเด็กชาวเขาเข้ามาศึกษาตั้งแต่ปี 2531 โดยระยะแรกเป็นการดำเนินการของโรงเรียนเอง กระทั่งในปี 2541 จึงได้ไปช่วยดูแลเด็กชาวไทยภูเขาจากมูลนิธิของสมเด็จพระเทพฯ รับเข้ามาพักอยู่ในโรงเรียนมงฟอร์ตภายในบ้านเทพอาทรที่จัดไว้ให้แก่นักเรียนกลุ่มนี้

นักเรียนชาวเขาจากมูลนิธิสมเด็จพระเทพฯ รุ่นแรกที่เข้ามาเรียนในมงฟอร์ตฯ ขณะนั้นศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 คน และในแต่ละปีมงฟอร์ตฯได้เพิ่มจำนวนรับเด็กชาวเขามากขึ้น โดยในปีล่าสุดรับเด็กกลุ่มนี้เข้ามาศึกษาอีกจำนวน 17 คน ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนมากกว่า 50 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าปกากะญอและชาวไทยใหญ่

“จุดประสงค์ของการรับเด็กชาวเขาเข้ามาเรียนในมงฟอร์ตฯ เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของมูลนิธิสมเด็จพระเทพฯ และของโรงเรียนที่ต้องการให้การศึกษาแก่เด็กยากไร้และด้อยโอกาส โดยเราต้องการให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเอง นำวิชาความรู้ที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวันและกลับไปพัฒนาหมู่บ้านของเขาต่อไป ซึ่งเด็กที่รับมามงฟอร์ตฯ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการศึกษาและกิจกรรมทั้งหมดให้ โดยแต่ละวันเด็กชาวเขาจะได้รับเงินอาหารกลางวันคนละ 50 บาทแม้ว่าทางโรงเรียนจะจัดอาหารไว้ให้ 3 มื้อแล้วก็ตาม เพราะบางครั้งเด็กเหล่านี้ก็อยากซื้อขนมเหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน”

สำหรับขั้นตอนการรับเด็กชาวเขาเข้ามานั้น มาสเตอร์เสน่ห์ เล่าว่า โรงเรียน ตชด.จะคัดเลือกเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดีและต้องการรับทุนมาให้กับมงฟอร์ตเพื่อสัมภาษณ์ โดยจะพิจารณาถึงความพร้อมในการเรียนรู้และการปรับตัวเป็นหลัก โดยจะรับเด็กตั้งแต่ระดับชั้น ป.4 เป็นต้นไป เนื่องจากชั้น ป.1-3 เด็กเล็กเกินไป
ในการมาอยู่ร่วมกับนักเรียนมงฟอร์ตระยะแรกๆ ถือเป็นเรื่องหนักสำหรับเด็กชาวเขากลุ่มนี้ เพราะนอกจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แล้วพื้นฐานทางการศึกษาก็ยังแตกต่างกันอีกด้วย

“เมื่อเขาเข้ามาอยู่ในบ้านเทพอาทร เขาก็ต้องช่วยแม่บ้านทำงาน เช่น ตักน้ำ ทำความสะอาดหอพัก สอนให้เขารับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามเรียนรู้ให้ทันกับเพื่อนคนอื่นๆ โดยเพื่อนและครูในโรงเรียนจะช่วยเสริมหรือติวให้ แต่เด็กกลุ่มนี้จะมุ่งมั่น ขยันและอดทนมาก เท่าที่ผ่านมามีเพียง 1-2 คนเท่านั้นที่ขอกลับไปอยู่บ้าน แต่ส่วนใหญ่จะสามารถพัฒนาตนเองจนสามารถเรียนรู้ได้ดีทัดเทียมกับนักเรียนมงฟอร์ตคนอื่นๆ”

มาสเตอร์เสน่ห์เล่าอีกว่า หากเด็กที่ได้รับทุนจะกลับไปเยี่ยมบ้าน ทางโรงเรียนก็จะจัดครูพาไปส่งถึงมือพ่อแม่ หรือหากพ่อแม่มารับก็จะมีค่าเดินทางให้ โดยอนุญาตให้กลับบ้านได้ทุกภาคเรียน แต่เมื่อกลับมาโรงเรียนต้องมีรายงานมาส่งว่าเขาได้กลับไปช่วยพ่อแม่อย่างไรบ้างในช่วงปิดภาคเรียน เนื่องจากไม่ต้องการให้เด็กกลุ่มนี้ลืมท้องถิ่น ลืมวิถีชีวิตของตนเอง แม้ว่าจะได้รับการศึกษาที่ดีแต่ก็ต้องไม่แปลกแยกกับครอบครัวและชุมชน

“นี่คือสิ่งสำคัญ เราต้องการให้นักเรียนนำความรู้กลับไปสู่ชุมชนของเขาและไม่อยากให้เขาทิ้งท้องถิ่นของตนเอง”

การรับนักเรียนชาวเขาเข้ามาเรียนไม่เพียงแต่ได้ประโยชน์เฉพาะผู้ที่ได้รับทุนเท่านั้น เพราะนักเรียนมงฟอร์ตฯ คนอื่นๆ ก็ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวล้านนาและอยู่ร่วมกับเด็กชาวเขากลุ่มนี้ด้วยความเข้าใจ ซึ่งในแต่ละปีมงฟอร์ตฯ จะจัดกิจกรรม “จุ่มตัว” พานักเรียนในระดับชั้น ม.1-6 ทุกคนไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวเขาในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงบ้านของนักเรียนชาวเขาที่ได้รับทุนการศึกษาด้วย

“เป็นวิชาบูรณาการที่เราจะต้องพาเด็กออกไปทุกปี ไปเรียนรู้วัฒนธรรมชาวเขา ไปฝึกอาชีพและนำเอาภูมิปัญญาไทยกลับเข้ามาในโรงเรียน เป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เด็กชาวเขาที่เข้ามาเรียนในมงฟอร์ตฯ ก็จะถ่ายทอดวิถีชีวิตของพวกเขาให้กับนักเรียนของเรา ไม่เพียงเท่านั้น ความขยัน มุ่งมั่น อดทนและมีน้ำใจของเด็กกลุ่มนี้ก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียนอื่นด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภูมิใจมาก และเราไม่เคยพบปัญหาการกลั่นแกล้งล้อเลียนเด็กชาวเขาเลย เด็กๆ เขาอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจ”

ในแต่ละปีมงฟอร์ตฯ ต้องรายงานการดำเนินงานสำหรับนักเรียนชาวเขากลับไปยังมูลนิธิสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งพระองค์ท่านจะบริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์มาให้ทางโรงเรียนเพื่อใช้ดูแลเด็กกลุ่มนี้ทุกปี โดยถือว่าเป็นการดูแลอนาคตของชาติร่วมกัน
“ปีนี้เป็นปีที่เด็กนักเรียนชาวเขาจากมูลนิธิสมเด็จพระเทพฯ รุ่นแรกของเราจบชั้น ม.6 และไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งมีเด็กชาวเขา 2 คนสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ ซึ่งขณะที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนก็มีเด็กชาวเขาบางคนสอบชิงทุนไปศึกษาต่อในต่างประเทศได้ด้วย ส่วนนักเรียนกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาเรียนกับมงฟอร์ตฯ บางคนก็กลับไปเป็นครูอยู่ในหมู่บ้านของตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ได้ผล 100% และคาดว่าจะดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเด็กทุกคนมีศักยภาพแห่งตน ขอให้มีโอกาส เชื่อว่าทุกคนจะพัฒนาปรับปรุงตัวเองและกลับไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้”

สำหรับในปีนี้มงฟอร์ตฯ มีอายุครบรอบ 72 ปีของการก่อตั้งโรงเรียน ซึ่งจะมีการจัดงานกาลาดินเนอร์เพื่อระดมทุนสร้างศูนย์การเรียนรู้ (The Hub of Knowledge) ในภาคเหนือ ณ หอประชุมกองทัพเรือ พระราชวังเดิม กทม.ในวันที่ 12 ก.ค.โดยจะมีศิษย์เก่าดีเด่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงปฐกถาเรื่องการศึกษาด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น