xs
xsm
sm
md
lg

28 ก.ค. ดีเดย มอบถุงรับขวัญเด็กแรกเกิด 900,000 ชุด พัฒนาไอคิว-อีคิว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.เตรียมมอบถุงรับขวัญเด็กแรกเกิด 900,000 ชุด เริ่มเบิร์ธเดย์ 28 ก.ค.นี้ เผยได้รับพระกรุณาโดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานรูปช้างประดิษฐ์จากฝีพระหัตถ์แขวนโมบายในชุดรับขวัญ “สุชัย” มั่นใจสร้างพัฒนาการเด็กรุ่นใหม่ วาดฝันอนาคตเด็กไทยฉลาดทั้งไอคิวอีคิว

วันนี้ (20 มิถุนายน 2548) ที่โรงแรมรามาการ์เด้น ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการสัมมนาบุคลากรสาธารณสุข เพื่อชี้แจงนโยบายและเตรียมความพร้อมในการมอบถุงรับขวัญเด็กแรกเกิด โดยพัฒนาสมองและการเรียนรู้ของเด็กตั้งแต่แรกเกิด จัดโอกาสการเรียนรู้ให้เข้าถึงครอบครัวและชุมชนทั่วประเทศ

ศ.นพ.สุชัยกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้สังคมไทยเป็นสังคมของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องรัฐบาลจะดูแลตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์มารดาจนถึงแรกเกิด ต่อเนื่องถึงเด็กอายุ 3 ปีถึงเด็กที่จะต้องเรียนรู้เพื่อเป็นผู้ใหญ่ต่อไป ซึ่งรัฐบาลจะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยให้เทียบเท่ากับต่างประเทศ เพราะทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด อย่างไรก็ตามแม้ว่านโยบายนี้จะต้องรอผลสำเร็จจากเด็กอีกรุ่นหนึ่งก็ตาม แต่เราต้องอดทนเพื่อประสบผลสำเร็จในระยะยาว ซึ่งในยุคหน้าเยาวชนไทยต้องมีความฉลาด มีคุณธรรม สามารถรับผิดชอบต่อสังคมได้ ไม่ใช่เฉพาะแค่มีสติปัญญาดีอย่างเดียว แต่ต้องมีอีคิวดีด้วย

ศ.นพ.สุชัยกล่าวอีกว่า จากผลการวิจัยสถานการณ์สติปัญญาเด็กไทยเมื่อ พ.ศ.2544 พบว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ เด็กไทยมีพัฒนาการความฉลาดทางปัญญาต่ำกว่ามาตรฐานจำนวนมาก และยิ่งโตยิ่งลดลง โดยเด็กประถมศึกษามีความฉลาดทางปัญญาเฉลี่ยเพียง 88 ส่วนระดับมัธยมศึกษามีความฉลาดลดลงจาก 92 เหลือ 87 ในส่วนของพัฒนาการเด็กต่ำกว่า 5 ปี พบว่ามีพัฒนาการสมวัยเพียงร้อยละ 72 และพัฒนาการด้านภาษาซึ่งมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็กเป็นปัญหาที่พบมากกว่าพัฒนาการด้านอื่นๆ

และเมื่อศึกษาในเด็กอายุ 1 ปี พบว่ามีพัฒนาการทางภาษาปกติเพียงร้อยละ 77 และลดลงเมื่ออายุ 4 ปี เหลือเพียงร้อยละ 52 ทั้งๆ ที่เด็กไทยในช่วงแรกเกิดไม่ว่ามาตรฐานน้ำหนักตัว การทำคลอด ไม่ได้ด้อยกว่าประเทศอื่นๆ เลย ทั้งนี้ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก ทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้

สำหรับชุดของขวัญสำหรับเด็กแรกเกิดนี้จะเน้นในหลักของจิตวิทยาสำหรับเด็ก ผลิตโดยสถาบันวิทยาการเรียนรู้รุ่นแรกผลิต 900,000 ชุด เริ่มมอบให้ครอบครัวที่มีเด็กเกิดใหม่เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2548-27 กรกฎาคม 2549 โดยชุดของขวัญนี้ได้มีการศึกษาแล้วพบว่าสามารถเสริมสร้างพัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของเด็ก ถือว่าเป็นโอกาสทองของการเรียนรู้ของเด็ก หรือที่เรียกว่าหน้าต่างของโอกาส (Window of opportunity) หากพ้นช่วงนี้ไปเด็กจะเสียโอกาสที่จะได้รับการพัฒนาศักยภาพเรื่องนั้นๆ ไป

ด้าน นพ.สมยศ เจริญศักดิ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจะบูรณาการถุงรับขวัญเข้ากับงานอนามัยแม่และเด็ก ประกอบด้วยโรงเรียนพ่อแม่ การฝากครรภ์คุณภาพ การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งขณะนี้แม่ไทย 2 ใน 3 ใช้นมขวดเลี้ยงลูกแทนนมแม่ รวมทั้งคลินิกสุขภาพเด็กดี และศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่ โดยจะเริ่มมอบถุงรับขวัญในวันคล้ายวันราชสมภพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร กับโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้มอบ ส่วนในต่างจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้มอบ

ทั้งนี้ ในถุงรับขวัญเด็ก 1 ชุดประกอบด้วยอุปกรณ์ 9 อย่าง ได้แก่ 1.ผ้าห่มพัฒนาการ มีสีต่างๆ เพื่อช่วยในการกระตุ้นการมองเห็นและประสาทสัมผัส 2. โมบาย ออกแบบเป็นรูปทรงเรขาคณิตต่างกัน เพราะเด็กในชนบทมีปัญหาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ และทุกชิ้นถอดได้หมด เพื่อกระตุ้นพัฒนาการของนิ้วมือ มีตัวคล้องเป็นรูปช้าง หูของช้างจะเขย่ามีเสียง ซึ่งขอพระราชทานรูปช้างประดิษฐ์จากภาพฝีมือพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และขอพระราชทานสีของช้างที่เหมาะกับเด็กแรกเกิด ทำด้วยวัสดุไม่มีอันตราย เด็กกัดได้เมื่อฟันขึ้น ส่วน 3. เทปเพลงหรือซีดีกล่อมเด็ก เป็นเพลง 4 ภาค อยู่ภาคไหนก็ฟังเพลงของภาคนั้น ช่วยกระตุ้นคลื่นสมองให้เด็กซึมซับสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น

4. หนังสือนุ่มนิ่มลอยน้ำได้ มีเนื้อหาใกล้ตัวเด็ก สีสดใส เพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับหนังสือ และใช้เป็นของเล่นลอยน้ำได้ 5.หนังสือเล่มแรก มีความสำคัญมาก ต้องประทับใจเด็กเพื่อให้เด็กชอบอ่านหนังสือ ทำจากอีวาโฟม ออกแบบเพื่อให้แม่เล่นกับลูกได้ 6.คู่มือแนะนำการเลี้ยงดูเด็ก เพื่อกระตุ้นสมองในช่วง 2 ขวบแรก และคำแนะนำการใช้ถุงของขวัญ 7.สติกเกอร์ติดเปลเด็ก เตือนใจว่าวันนี้ใช้ของในถุงของขวัญหรือยัง 8. จดหมายส่งมอบจากนายกรัฐมนตรี และ 9. หนังสือนมแม่
กำลังโหลดความคิดเห็น