กทม.เผยการจัดงานเฉลิมฉลองพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ มีหน่วยงานเข้าร่วมกว่า 30 แห่ง ถือฤกษ์พระประสูติการ 18.35 น. เปิดงานวันศุกร์ที่ 24 มิ.ย.ระบุได้รับภาพพระราชทาน 4 องค์ โดยได้คัดเลือก 1 องค์ไปติดเอาไว้บนเวทีทั้ง 8 แห่ง ส่วนอีก 3 องค์จะจัดทำโปสการ์ดแจกจ่ายให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ ได้เตรียมรณรงค์ให้ประชาชนพับ “ปลาตะเพียน” ร่วมแสดงความจงรักภักดีโดยติดเอาไว้ตามบ้านเรือนอีกด้วย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อเตรียมการจัดงานเฉลิมฉลองพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกร รัศมีโชติ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ว่า หลังจากที่ได้กำหนดจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นในวันที่ศุกร์ที่ 24 และวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายนที่จะถึงนี้แล้ว ทุกฝ่ายก็ได้มาหารือร่วมกันถึงรายละเอียดการจัดงานของแต่ละเวที
ทั้งนี้ จะมีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 18.35 น. โดยมีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และจะเป็นการเปิดงานพร้อมกันทุกจุด ซึ่งภายในงานจะได้เชิญคณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการจะมีการจัดริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติเดินรอบบริเวณท้องสนามหลวง อาทิ ริ้วขบวนธงชาติ ธงประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขบวนม้า ขบวนการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ฯลฯ โดยขบวนจะเริ่มต้นที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีประชาชนเข้าร่วมขบวนจำนวน 2,000-3,000 คน ส่วนการเฉลิมฉลองในวันเสาร์จะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น.ไปจนถึงเวลา 24.00 น.
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเวทีการจัดแสดงงานทั้ง 8 จุดที่เคยกำหนดไว้นั้นจะยังคงเดิมซึ่งในแต่ละเวทีจะมีความหลากหลายแตกต่างกันไป เช่น เวทีบริเวณท้องสนามหลวงจะเป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม แบบร่วมสมัย และแบบที่เป็นที่สุดของกรุงเทพฯ โดยภัทราวดี เธียเตอร์ รับเป็นแกนหลักในการจัด ส่วนรูปแบบของเวทีจะสร้างเวทีที่ประชาชนสามารถมองเห็นได้ 360 องศา
ส่วนจุดอื่นๆ เช่น ที่วงเวียนโอเดียน เยาวราช จะจัดให้มีการลงนามถวายพระพรในผ้าแดงที่แสดงถึงความเป็นสิริมงคลของคนจีนที่มีความยาวมากๆ แต่ขณะนี้ยังไม่สรุปว่าจะกำหนดความยาวเท่าไหร่ มีการแสดงจากชมรมสมาคมของชาวจีนในย่านเยาวราช ที่บริเวณสวนสันติชัยปราการ จะมีการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านโดยโรงเรียนและคนในท้องถิ่นร่วมกับทางภาคเอกชน
และที่สำคัญจะมีการเชิญชวนประชาชนร่วมสานปลาตะเพียนร้อยเป็นโมบายแขวนตามบ้านเรือน ห้างร้านต่างๆ ซึ่งในเรื่องนี้ที่ประชุมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะความหมายของปลาตะเพียน คือ ความปราดเปรียว คล่องแคล่ว ว่องไว ขณะที่บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์จะมีการแสดงแบบแสงเสียงอย่างสมบูรณ์แบบ มีการจัดแสดงลิเก โขน อย่างไรก็ตาม การแสดงของทุกๆ เวทีจะเน้นถึงศิลปวัฒนธรรมไทย มีความหมายที่ดี ทั้งนี้ก็เพราะ กทม.ต้องการจัดงานอย่างสมพระเกียรติ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า การจัดงานในครั้งนี้จะมีการกำหนดสัญลักษณ์เฉพาะโดยจะนำพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกร รัศมีโชติ ที่ทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานมาจำนวน 4 องค์ ซึ่งทาง กทม.ได้คัดเลือกมาจำนวน 1 องค์ มาติดเป็นฉากเบื้องหลังต่อจากชื่อของงาน โดยสัญลักษณ์บนชื่องานจะอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ มวก.มาติด ซึ่งทุกเวทีจะเป็นในรูปแบบเดียวกัน
สำหรับพระฉายาลักษณ์ที่เหลือ กทม.จะนำมาจัดทำเป็นโปสการ์ดแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เข้าร่วมงานเก็บไว้เป็นที่ระลึก ส่วนจะเป็นในรูปแบบใดและจัดทำจำนวนเท่าไหร่นั้นคงต้องพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทั้งสัญลักษณ์และชื่อของงานรวมทั้งรายละเอียดต่างๆ กทม.จะนำเสนอต่อราชเลขาธิการเพื่อดูถึงความเหมาะสมและนำกราบบังคมทูลให้ทรงทราบต่อไป
“เราไม่มีงบประมาณอะไรเลย เพราะทุกคนทุกฝ่ายต่างทำด้วยความจงรักภักดีโดยไม่ได้คิดเงินทำด้วยใจ และอย่างเต็มกำลัง เราไม่เคยกำหนดว่าเราจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เพราะนี่เป็นการแสดงถึงการรวมพลังของประชาชน และครั้งนี้ก็มีบริษัทต่างขอเข้าร่วมกว่า 30 แห่งซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดี ดังนั้น งานนี้จึงอยากเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ใน กทม.และบริเวณใกล้เคียงมาร่วมในพิธีที่เป็นมงคล และผมเชื่อว่างานนี้จะแสดงความตั้งใจความจงรักภักดีของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ”
นายพุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สูติบัตรมีความคืบหน้ามากกว่า 80% แล้วซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการปรับแต่งให้สวยงามมากยิ่งขึ้น และคิดว่าอาจจะนำมาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมในวันจัดงานเฉลิมฉลองว่าเป็นอย่างไร เพราะมีการสอบถามกันเข้ามาเยอะ ซึ่งก็ยินดีแต่คงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้งเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งนี้ กทม.พยายามจะดำเนินการให้เร็วที่สุดคาดว่ากรอบทองน่าจะเสร็จภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนรอยพระบาทคงต้องขอเวลาอีกสักพัก ทั้งนี้ ขนาดหรือปริมาณของทองคำยังบอกไม่ได้เพราะขึ้นอยู่ที่ลายจึงยังไม่กำหนดว่าจะต้องเท่าไหร่ แต่จะยังคงเน้นในเลขที่เป็นมงคลซึ่งจะลงท้ายด้วยเลข 9
นอกจากนี้ อาจจะมีการเชิญชวนให้ประชาชนร่วมใส่เสื้อสีเดียวกันเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีแต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง
ชมพระฉายาลักษณ์พระเจ้าหลานเธอฯ ที่พระราชทานให้ กทม.แสดงในงานเฉลิมฉลอง