xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊เบียบ” ติดเขี้ยวเล็บหญิงไทย ดึงเข้าค่ายฝึกวิชา “การต่อสู้”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


...และแล้วก็ออกมาให้ฮือฮาอีกครั้งกับ ส.ว.จอมสิทธิสตรีอย่าง “เจ๊เบียบ” นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช คนนี้ ที่คราวนี้ถึงกับควงแขนบรรดาแม่บ้านมหาดไทยยุคใหม่ ภรรยา ส.ว.และสมาชิกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ที่เจ๊เบียบนั่งแป้นเป็นนายกฯ กว่า 80 ชีวิต เข้าฝึกปรือวิทยายุทธ์ต่อกรกับพวกไม่หวังดีแถมประสงค์ร้าย

ดูท่าทางผู้เข้าฝึกคงจะมีเขี้ยวเล็บเพิ่มอีกโข เพราะเล่นได้ครูฝึกเก่งฉกาจจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) จ.นครนายก มาประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ ซึ่งรับรองว่างานนี้คงได้หนาวกันหลายคน ไม่ว่าจะเป็นพวกผู้ร้าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “แก๊งพ่อบ้านเมียเผลอ” ที่ต้องพึงระลึกและท่องจำขึ้นใจเอาไว้ว่า “อย่าได้ริทำตัวเกเรเป็นอันขาด...มิฉะนั้น....”

ส.ว.ระเบียบรัตน์เล่าให้ฟังว่า รุ่นนี้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว หลังจากที่รุ่นแรกมีผู้เข้ารับการฝึกอย่างท้วมท้นจนมีเสียงเรียกร้องให้เกิดรุ่นนี้ตามมา ซึ่งการอบรมครั้งนี้ไม่ได้จำกัดให้มีเฉพาะผู้หญิง แต่ผู้ชายก็สามารถเข้าร่วมฝึกได้

แต่ผู้ชายทั้งหลายมักคิดว่าสรีระตนเองเอื้ออำนวยอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมาฝึก ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วจำเป็นเพราะผู้ชายก็สามารถถูกลอบทำร้ายได้ โดยเฉพาะพวกแต๋วตุ๋ด เนื่องจากผู้ชายบางครั้งแข็งแรงก็จริง แต่ปฏิภาณไหวพริบในการต่อสู้อาจจะน้อย

ทั้งนี้ คิดว่าอนาคตจะขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้แรงงานภาคกลางคืน โดยเฉพาะบรรดาสาวโรงงานทั้งหลายอีกด้วย

“พวกเรามาที่นี่เพื่อจะเข้ารับการฝึกอบรม รับทราบถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งผู้ที่อยู่ในแวดวงสังคมคงจะได้ตระหนักถึงพิษภัยอันตรายต่างๆ ที่มีอยู่รอบด้านไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน ซึ่งเหยื่อของการถูกกระทำรุนแรงนั้นจะเป็นผู้หญิงและเด็ก แต่ก็มีบางคนถามพี่เหมือนกันว่าทำไมสมาคมฯ จึงนำความรุนแรงมาใช้แก้ปัญหา โดยการฝึกให้ป้องกันตัวและฝึกให้ยิงปืนเป็นแม่บ้านพันธุ์ดุไปแล้วหรืออย่างไร ตอบได้เลยว่า ถ้ามีผัวเดียวเมียเดียวเรายอมได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นเรายอมไม่ได้”

“อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะฝึกวิทยายุทธ์ไปเพื่อรบกับคนที่บ้าน เพราะคนที่บ้านคือคนที่เรารัก ถ้าไม่จำเป็นเราจะไม่ใช้วิทยายุทธ์ ซึ่งฝึกตรงนี้มันจะเป็นประโยชน์ไม่ว่าจะอายุมากแค่ไหน โอกาสที่เราจะปกป้องตัวเอง ปกป้องทรัพย์สิน คนที่เราไปด้วยกันจึงเป็นที่มีความสำคัญและจำเป็น”

ส.ว.ระเบียบรัตน์เล่าให้ฟังอย่างขำขำต่อไปว่า หลังจากที่ฝึกไปคราวที่แล้ว พอกลับไปถึงบ้านก็ได้ไปขอท้าประลองกำลังกับท่าน มท.2 เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช โดยบอกว่ารู้สึกร้อนวิชาขอลองวิชาที่เรียนมาหน่อย โดยสมมติให้ท่าน มท.2 ลองเป็นผู้ร้ายหมายเข้ามาจะข่มขืนตน แต่ท่าน มท.2 กลับปฏิเสธด้วยเสียงอันหนักแน่น และที่สำคัญไม่ใช่ท่านจะเป็นคนทำแต่เป็นตัวเจ๊เบียบเองต่างหาก...

ด้าน พ.อ.รวินทร์ เฉลยพงษ์ อาจารย์หัวหน้าแผนกกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ ร.ร.นายร้อย จปร. สุดยอดครูฝึกวิทยายุทธ์ของโรงเรียน บอกว่า ทุกวันนี้ภัยคุกคามสำหรับผู้หญิงนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และมาในรูปลักษณะต่างและสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงของการเดินทาง อยู่ในที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งในบ้านบางทีก็ไม่ปลอดภัย เพราะอาจมีผู้ร้ายเข้ามาจู่โจมถึงในบ้านได้

ดังนั้น จึงจำเป็นที่ควรจะเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวไว้ด้วย โดยศิลปะป้องกันตัวที่จะใช้สอนในครั้งนี้นำมาจากวิชาป้องกันตัวแขนงต่างๆ ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นยูโด เทควันโด คาราเต้ และที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือมวยไทย มาผสมผสานเข้าด้วยกันออกมาเป็นกระบวนท่าต่างๆ แล้วแต่จะประยุกต์ใช้

พ.อ.รวินทร์บอกอีกว่า หลักสำคัญที่จะใช้ในการป้องกันตัวด้วยดีที่สุดคือทุกคนควรจะมี “สติ” รู้จักพูดจาต่อรองให้เป็น สามารถเบี่ยงเบนสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามสนใจได้ และที่สำคัญเมื่อมีโอกาสให้โจมตีทันที โดยอาศัยอาวุธที่มีอยู่ในร่างกายบวกกับหลักชีวกลศาสตร์อีกเล็กน้อย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เราหลุดพ้นออกมาได้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ด้วยว่า ณ ตอนนั้นทุกคนมีสติแค่ไหน และที่จะขาดเสียไม่ได้ไม่ใช่เรียนไปแล้วก็ไม่ได้ฝึกพอถึงเวลากลับทำไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์ ควรจะมีการฝึกซ้อมให้สม่ำเสมอ

“การที่เราจะโต้ตอบได้ต้องรู้หลักสรีระอย่างง่ายๆ คือต้องรู้จักจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ซึ่งสามารถมองเป็นและโต้ตอบได้เลย โดยไล่จากข้างบนลงข้างล่าง จากหน้าไปหลัง ก็จะเริ่มที่กระหม่อม ขมับ หู ตา จมูก ปาก คาง ผู้หญิงลำคอ ผู้ชายกระเดือก ซึ่งถ้ากระแทกเข้าไปตรงนี้ระบบการหายใจติดขัดแน่นอน หรือไม่ก็ตาย ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต ต่อด้วยลิ้นปี่ หัวเหน่าเป็นคลังแสงดีๆ นี่เอง ตู้มเข้าไปเมื่อไหร่หน้าเขียวทันที ตามด้วยหน้าขาถ้ากระแทกแรงๆ ก็เจ็บ หัวเข่า ข้อเท้าเหยียบแรงๆ เจ็บ ส่วนด้านหลังเริ่มจากกล้ามเนื้อต้นคอ กระดูกสันหลัง ไปจนถึงอวัยวะภายในไต ขาพับด้านหลัง ร้อยหวาย ข้อต่อที่อยู่ในร่างกายของเราเป็นอันตรายหมด”

เมื่อเรารู้จุดอ่อนของคู่ต่อสู้แล้วก็มาดูอาวุธที่จะนำมาใช้ต่อกรกับเหล่าอริทั้งหลายว่าผู้หญิงอย่างเราๆ จะนำมาจากไหน?

สุดยอดครูฝึกบอกว่าไม่ต้องหาจากที่อื่นไกลเพราะมันอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว โดยเริ่มจากหน้าไปหลังคือหน้าผากกระแทกเข้าที่คางแรงๆ ก็หงายหลังได้เหมือนกัน ปากนี่สารพัดประโยชน์และนิยมใช้มากในหมู่ผู้หญิง ซึ่งใช้กัดนี่รายไหนรายนั้นเป็นต้องยอม

สำหรับคาง ใช้ได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่นิยมเพราะทำให้ตัวเองเจ็บได้ ที่น่าสนใจก็คือ “มือ” ไม่ว่าจะเป็นนิ้วมือ ถ้าเกร็งก็จะเป็นท่อนๆ ซึ่งหากแทงไปที่ลิ้นปี่ก็เห็นผลทันที ขณะที่สันมือเพียงแค่เกร็งข้อมือนิดหน่อย แล้วจากนั้นฟันไปที่ดั้งจมูกมันก็จะยุบข้างในและจะทำให้ระบบประสาทตา จมูกแย่ไปด้วย หรือจะฟันที่ไหปลาร้าก็ยังไหว หักได้เหมือนกัน ถ้าไม่พอก็ฟันที่ขมับเห็นผลเหมือนกัน

นอกจากนี้ ยังใช้มือตบหน้า ตบบ้องหู หรือเอาส้นมือกระแทก ซึ่งจะมีความแรงคล้ายหมัดเข้าที่หน้า กำปั้น มะเหงก ศอก ล้วนแต่ใช้การได้ดี เพียงแค่เลือกให้เหมาะสมตามสถานการณ์

หลังจากที่ได้ฟังอรรถาธิบายการใช้ศิลปะป้องกันตัวอย่างที่ผู้หญิงตาดำๆ ควรจะรู้แล้ว ก็เป็นการสาธิตและฝึกปฏิบัติที่ทุกคนจะต้องฝึกทำกันอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการป้องกันตัวด้วยมือเปล่า ไปจนถึงการฝึกยิงปืนให้เป็นและแม่นยำมีวิธีการอย่างไร

พี่วิ-วราวัลย์ ปั้นเพ็ง พยาบาลจากเมืองพิจิตร หนึ่งในผลิตผลของโครงการนี้ เล่าว่า ปกติเป็นคนชอบยิงปืนอยู่แล้วและคิดว่ากิจกรรมนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเอง เพราะส่วนใหญ่ต้องเดินทางคนเดียวไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับตนเองเมื่อไหร่ จึงทำให้ตัดสินใจมาเรียน และเมื่อเรียนแล้วก็ได้ทักษะเพิ่มขึ้น ทั้งศิลปะการป้องกันตัวจากมือเปล่า ตลอดจนเพิ่มทักษะการยิงปืน แม้ว่าครั้งนี้จะได้เรียนแค่ปืน .38

“เป็นพยาบาลก็เจอผู้หญิงโดนทำร้ายร่างกายมารักษาบ่อยๆ ฝึกครั้งนี้ก็จะเอาไปแนะนำคนข้างตัวด้วย โดยเฉพาะลูกสาวซึ่งขณะนี้เริ่มโตเป็นสาวแล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไงพี่ก็อยากให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต้องรู้จักดูแลตัวเองให้ได้ก่อนๆ ที่เราจะไปหวังพึ่งคนอื่น เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเรา และเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาก็ไม่ได้อยู่ใกล้ตลอดเวลา จะหวังพึ่งเขาก็คงไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องเซฟตัวเองก่อน คือไม่กลับบ้านค่ำ ไม่ไปที่เปลี่ยวและไม่แต่งตัวล่อแหลมจนเกินไปนักก็น่าจะปลอดภัย”

ด้านสุวรรณี หลีเหลด หรือพี่เหมาะ คุณครูจากโรงเรียนบ้านควนหัวช้างและภรรยานายบุญยา หลีเหลด ส.ว.สงขลา บอกว่า อยากป้องกันตัวเองได้เผื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือมีใครมาปองร้ายตัวเรา เราก็จะสามารถเหลือช่วยตัวเองได้ รู้ว่าเขาเข้ามายังไงและจะใช้วิธีไหนโต้ตอบกลับไปได้บ้าง อย่างตนเองเป็นครูก็จะนำวิทยายุทธ์ที่ได้ฝึกไปสอนเด็กต่อด้วย รวมทั้งจะนำไปบอกต่อเพื่อนๆ ด้วย

“ส่วนใหญ่คนทางใต้โดยเฉพาะผู้หญิงชาวมุสลิมจะถูกข่มขืนน้อยเพราะแต่งกายมิดชิด ไม่ล่อแหลมเกินไป แต่ขณะที่ผู้หญิงทางภาคกลางจะถูกข่มขืนเยอะ ก็อยากให้ระวังตัวเวลาไปไหนมาไหน และหากมีเวลาก็ควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันตัวไว้ด้วยโดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาหญิง”

นี่เป็นเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยที่สาวมุสลิมคนหนึ่งจะพึงมีต่อคนไทยด้วยกัน

...เป็นอย่างไรบ้าง สำหรับคอร์สป้องกันตัวเองของ “ส.ว.ระเบียบรัตน์” ใครที่พลาดรุ่นที่ 2 ไม่ต้องเสียใจ อดใจรอเอาไว้ให้ดีๆ เพราะในอีกไม่ช้าคงจะมีรุ่น 3 หรือรุ่นถัดๆ ไปมาให้ฝึกวิทยายุทธ์อย่างแน่นอน






กำลังโหลดความคิดเห็น