อาจารย์ มรภ.ธนบุรี ให้ชาวพุทธทุกคนปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนทั้งชีวิต ไม่เฉพาะวันสำคัญทางพุทธศาสนา โดยยึดมั่นในหลักทำความดีและทำจิตใจให้ผ่องใส แล้วละความชั่ว พร้อมเตือนวัยรุ่นแต่งกายเข้าวัดให้เลี่ยงชุดโป๊เปลือย
รศ.ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ในฐานะได้รับรางวัลเรียงความการสร้างสันติภาพในสหัสวรรษใหม่ขององค์การยูเนสโก แสดงความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติตนของพุทธศาสนิกชนในวันวิสาขบูชาว่า ความจริงชาวพุทธจะต้องปฏิบัติตนในฐานะพุทธศาสนิกชนทั้งชีวิต ไม่เฉพาะวันสำคัญ แต่บางคนอาจบอกว่าไม่สะดวกที่จะปฏิบัติ อย่างน้อยให้ปฏิบัติเฉพาะในวันสำคัญ เช่น คนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นประจำ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นอาชีพ พอถึงวันสำคัญก็ให้งด หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาจริงๆ ให้เราปฏิบัติละชั่ว ทำดี และทำจิตให้ผ่องใส ออกมาในหลักปฏิบัติที่เรียกว่าไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักความประพฤติของชาวไทย-พุทธ ปฏิบัติให้เป็นวิถีชีวิต
สำหรับวันสำคัญทางพุทธศาสนามักจะอิงมาจากพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ซึ่งวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุด เพราะตรงกับวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ทั้งนี้ หลักปฏิบัติของชาวพุทธในวันวิสาขบูชา ให้ทำเหมือนกับวันพระใหญ่ แต่สามารถทำอยู่ที่บ้านได้ ทำวัตรเช้าตั้งแต่เวลา 04.00 น. จากนั้นเจริญสมาธิ เดินจงกรม นั่งสมาธิ รักษาอุโบสถศีล หรือถ้าใครไม่เคยปฏิบัติธรรม ก็ให้งดอย่างน้อยศีล 5 ซึ่งเป็นธรรมะของมนุษย์ ตอนช่วงเย็นไปฟังพระสวดมนต์ ฟังพระเทศน์ และเวียนเทียน
ส่วนหลักการของการเวียนเทียนเป็นพุทธานุสติ ระลึกถึงความสำคัญความยิ่งใหญ่มหากรุณาของพระพุทธเจ้า แต่หลักที่เราปฏิบัติกันกลายเป็นว่ามีการคุยกันในการเวียนเทียน โดยเฉพาะวัยรุ่นมาคุยกันหรือบางครั้งมาสอดส่ายสายตาชอบพอกัน หรือการแต่งกาย
“ทุกครั้งที่เห็นเยาวชนใส่สายเดี่ยว นุ่งกางเกงเอวต่ำไปที่วัด พอเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจเลย คืออยากให้นึกถึงความเป็นจริง คือพระที่อยู่ในวัดบางองค์ก็ยังเป็นหนุ่ม พอแต่งตัวอย่างนั้นมองแล้วรู้สึกว่าเหมือนไปยั่วพระ เพียงแค่พระเกิดอารมณ์ตรงนั้นก็บาปแล้ว บางครั้งเข้าไปในวัดแล้วไปเจอตามกุฏิพระ ศาลาวัด วัยรุ่นนอนตักกัน บางครั้งถึงขั้นกอดจูบกัน ดิฉันจะเข้าไปถามว่านับถือพุทธหรือไม่ เขาบอกว่านับถือ ก็ได้ตักเตือนไปว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ บางทีเขาก็ไม่พอใจ หรือทำท่าเหมือนจะทำร้ายเรา แต่เราก็ถือว่าเป็นหน้าที่”
จากนั้น รศ.ดร.สุจิตรา กล่าวทิ้งท้ายถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาว่า เราทำความดี จิตจะผ่องใส เวลามีปัญหาอะไรจะคิดด้วยปัญญา แก้ปัญหาด้วยปัญญา แล้วจะไม่คิดฆ่าตัวตาย ด่าทอตบตีต่อกัน เนื่องเพราะพระพุทธศาสนาสอนให้เป็นคนใจเย็น มีเมตตา มีสติ