รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เตือนยารักษาสิวเป็นยาควบคุมพิเศษ สั่งจ่ายได้โดยแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนังเท่านั้น หากพบมีการครอบครองและจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับยารักษาโรคสิวที่มีวัยรุ่นใช้เพื่อลดความมันบนใบหน้า และแก้ปัญหาสิวที่เป็นข่าวในขณะนี้ว่า ข่าวดังกล่าวเกิดจากการประชุมสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งเอเชียที่เป็นห่วงประชาชนที่มีความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันและมีสิวหัวช้างไปซื้อยารักษาสิวมาใช้เอง และในที่ประชุมมีการยกตัวอย่างว่ามีหญิงตั้งครรภ์ซื้อยานี้มารับประทาน แล้วตรวจพบว่ามีอาการผิดปกติของทารกเกิดขึ้น เนื่องจากฤทธิ์ของยาตัวนี้ส่งผลให้ทารกอาจเกิดความพิการได้ หรือแม้แต่หญิงที่คลอดแล้วกำลังให้นมบุตร ฤทธิ์ของยาตัวนี้ก็สามารถส่งผลไปยังบุตรได้ และมีอาการข้างเคียงค่อนข้างที่จะรุนแรง
ศ.นพ.สุชัย กล่าวว่า ยาตัวนี้ชื่อโรแอ็กคิวเทน (Roaccutane) หรือวิตามินเอ เอซิด (Vitamin A acid) เป็นกลุ่มยาที่ต้องควบคุมพิเศษ ใช้ในสถานพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง และจำหน่ายได้โดยใช้ใบสั่งจ่ายจากแพทย์เท่านั้น ขณะนี้มีขึ้นทะเบียนไว้ทั้งนำเข้าและผลิตในประเทศจำนวน 22 ตำรับ ซึ่งหากตรวจพบว่ามีการจำหน่ายในร้านเสริมสวย ซึ่งไม่ใช่สถานที่จำหน่ายยาหรือสถานพยาบาล จะมีความผิดทางกฎหมาย ถือว่าเป็นการครอบครองยาโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1–5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ศ.นพ.สุชัย กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับรายงาน ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการตรวจสอบทันที โดย อย.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการจำหน่ายยาชนิดนี้บริเวณหน้าโรงพยาบาลศิริราช ผลการตรวจสอบไม่พบว่ามีการครอบครองหรือจำหน่ายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม อย.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบร้านเสริมสวยที่คาดว่าจะมีการครอบครองและจำหน่ายยาดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ได้ตรวจสอบจากบัญชีผู้ผลิต แต่ก็ไม่พบมีการจำหน่ายแต่อย่างใดเช่นกัน
“ขอเตือนวัยรุ่นหญิงที่มีโอกาสจะเป็นสิวมากว่า การใช้ยารักษาสิวนั้นอยู่ในข่ายที่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ การไปหาซื้อยารักษาสิวรับประทานเองนั้นเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างมาก เพื่อความปลอดภัยขอให้ไปตรวจและรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนังเท่านั้น” ศ.นพ.สุชัยกล่าว
ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับยารักษาโรคสิวที่มีวัยรุ่นใช้เพื่อลดความมันบนใบหน้า และแก้ปัญหาสิวที่เป็นข่าวในขณะนี้ว่า ข่าวดังกล่าวเกิดจากการประชุมสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งเอเชียที่เป็นห่วงประชาชนที่มีความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันและมีสิวหัวช้างไปซื้อยารักษาสิวมาใช้เอง และในที่ประชุมมีการยกตัวอย่างว่ามีหญิงตั้งครรภ์ซื้อยานี้มารับประทาน แล้วตรวจพบว่ามีอาการผิดปกติของทารกเกิดขึ้น เนื่องจากฤทธิ์ของยาตัวนี้ส่งผลให้ทารกอาจเกิดความพิการได้ หรือแม้แต่หญิงที่คลอดแล้วกำลังให้นมบุตร ฤทธิ์ของยาตัวนี้ก็สามารถส่งผลไปยังบุตรได้ และมีอาการข้างเคียงค่อนข้างที่จะรุนแรง
ศ.นพ.สุชัย กล่าวว่า ยาตัวนี้ชื่อโรแอ็กคิวเทน (Roaccutane) หรือวิตามินเอ เอซิด (Vitamin A acid) เป็นกลุ่มยาที่ต้องควบคุมพิเศษ ใช้ในสถานพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง และจำหน่ายได้โดยใช้ใบสั่งจ่ายจากแพทย์เท่านั้น ขณะนี้มีขึ้นทะเบียนไว้ทั้งนำเข้าและผลิตในประเทศจำนวน 22 ตำรับ ซึ่งหากตรวจพบว่ามีการจำหน่ายในร้านเสริมสวย ซึ่งไม่ใช่สถานที่จำหน่ายยาหรือสถานพยาบาล จะมีความผิดทางกฎหมาย ถือว่าเป็นการครอบครองยาโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1–5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ศ.นพ.สุชัย กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับรายงาน ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการตรวจสอบทันที โดย อย.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการจำหน่ายยาชนิดนี้บริเวณหน้าโรงพยาบาลศิริราช ผลการตรวจสอบไม่พบว่ามีการครอบครองหรือจำหน่ายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม อย.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบร้านเสริมสวยที่คาดว่าจะมีการครอบครองและจำหน่ายยาดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ได้ตรวจสอบจากบัญชีผู้ผลิต แต่ก็ไม่พบมีการจำหน่ายแต่อย่างใดเช่นกัน
“ขอเตือนวัยรุ่นหญิงที่มีโอกาสจะเป็นสิวมากว่า การใช้ยารักษาสิวนั้นอยู่ในข่ายที่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ การไปหาซื้อยารักษาสิวรับประทานเองนั้นเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างมาก เพื่อความปลอดภัยขอให้ไปตรวจและรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนังเท่านั้น” ศ.นพ.สุชัยกล่าว