“พี่ไม่เคยคิดว่า ภูมิเขาจะจากไปเร็วขนาดนี้ อยากให้ทุกคนดูแลลูกให้ดี บางคนอาจเป็นแบบพี่วันนี้ พี่ไม่เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา พี่รักเขามาก บ้านเราไม่ชอบทานข้าวนอกบ้าน เขาชอบทำกับข้าว แกงส้ม เขาจะช่วยตำพริก แกงจืดตำลึง ช่วยเด็ดตำลึง สับหมู ถ้าผัดกะเพราก็จะช่วยเด็ดกะเพรา ความที่เขาชอบทำกับข้าวมาก เคยคิดว่า จะส่งเขาไปเรียนกุ๊ก” นางกัญญา ผลสมบูรณ์โชค แม่ของด.ช.ภูมิภัทร หรือ น้องภูมิ เล่าถึงลูกชายวัย 13 ปี ที่เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเมื่อคืนวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ภายหลังส่งต่อจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยภาวะตับวาย ไตวาย และหัวใจล้มเหลว เพราะโรครุนแรงเข้าข่ายภาวะช็อก
แม่น้องภูมิกล่าวว่า แต่งงานกับนายวีระ ผลสมบูรณ์โชค เป็นเวลา 10 ปีจึงมีลูกคนแรก กว่าจะมีน้องภูมิ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลปรึกษาแพทย์ถึง 8 ปี เพราะมีปัญหามีบุตรยาก หลังจากตั้งครรภ์ ต้องฉีดยากันแท้งทุกวัน ต่อเนื่องถึง 5 เดือนเพราะมีเลือดออก
“ตอนเป็นเด็กค่อนข้างเลี้ยงยาก เขาไม่ยอมดื่มนม ต้องใช้หลอดดูดค่อยๆ หยดนมให้ทีละหยด ได้ดื่มนมแม่เพียง 1 เดือน พอโตขึ้นไม่ซน ช่วง 3-4 ขวบชอบดูดนิ้ว ดูดมือ นอนกอดหมอนข้าง ชอบดูการ์ตูน พี่เลี้ยงลูกด้วยความรักเต็มร้อย เมื่อเขาป่วยก็รีบพาไปโรงพยาบาลทันที ไม่เข้าคลินิก เพราะมองว่าคลินิกเครื่องไม้เครื่องมือไม่ครบ โรงพยาบาลเอกชนที่เรามีบัตรทอง 30 บาท เขาให้บริการดีมาก พ่อเด็กเคยป่วย ไปรักษาเขาก็ดูแลดี เด็กคนอื่นที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกเข้ารักษา คนแถวบ้านป่วยเมื่อปีที่แล้วไปรักษาเขาก็หาย แต่ลูกเราตาย เพราะดวงเขาไม่ดี เขาโชคร้าย พี่ไม่เคยโทษใคร”
แม่น้องภูมิเล่าว่า ภูมิขยันเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล เมื่อขึ้น ม.ต้น ที่โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เลือกเรือนในหลักสูตรมินิอิงลิช โดยเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ สังคมศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ ผลการเรียนอยู่ระดับ 2.79 แม้จะไม่ดีมาก แต่ก็นำความภาคภูมิใจมาสู่พ่อแม่ หากเป็นคณิตศาสตร์ น้องภูมิจะเก่งมาก สอบทุกครั้งได้คะแนนสูง ระดับ “ท็อป” ทุกครั้ง ยอมรับว่า ตามใจลูก แต่เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ
ครอบครัวผลสมบูรณ์โชค ไม่มีโอกาสเห็นน้องภูมิเป็นกุ๊กชื่อดังตามแววอัจฉริยะที่ลูกชอบทำกับข้าว หลังสูญเสียน้องภูมิจากไข้เลือดออก และหวังว่า การผ่าศพตรวจละเอียดตั้งแต่ระบบสมองถึงปลายเท้าของคณะแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี จะได้แนวทางรักษาไข้เลือดออกเมื่อคนไข้มีภาวะช็อก เป็นผลการศึกษาวิจัยระดับโลกอย่างครบวงจร
แม่น้องภูมิกล่าวว่า แต่งงานกับนายวีระ ผลสมบูรณ์โชค เป็นเวลา 10 ปีจึงมีลูกคนแรก กว่าจะมีน้องภูมิ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลปรึกษาแพทย์ถึง 8 ปี เพราะมีปัญหามีบุตรยาก หลังจากตั้งครรภ์ ต้องฉีดยากันแท้งทุกวัน ต่อเนื่องถึง 5 เดือนเพราะมีเลือดออก
“ตอนเป็นเด็กค่อนข้างเลี้ยงยาก เขาไม่ยอมดื่มนม ต้องใช้หลอดดูดค่อยๆ หยดนมให้ทีละหยด ได้ดื่มนมแม่เพียง 1 เดือน พอโตขึ้นไม่ซน ช่วง 3-4 ขวบชอบดูดนิ้ว ดูดมือ นอนกอดหมอนข้าง ชอบดูการ์ตูน พี่เลี้ยงลูกด้วยความรักเต็มร้อย เมื่อเขาป่วยก็รีบพาไปโรงพยาบาลทันที ไม่เข้าคลินิก เพราะมองว่าคลินิกเครื่องไม้เครื่องมือไม่ครบ โรงพยาบาลเอกชนที่เรามีบัตรทอง 30 บาท เขาให้บริการดีมาก พ่อเด็กเคยป่วย ไปรักษาเขาก็ดูแลดี เด็กคนอื่นที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกเข้ารักษา คนแถวบ้านป่วยเมื่อปีที่แล้วไปรักษาเขาก็หาย แต่ลูกเราตาย เพราะดวงเขาไม่ดี เขาโชคร้าย พี่ไม่เคยโทษใคร”
แม่น้องภูมิเล่าว่า ภูมิขยันเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล เมื่อขึ้น ม.ต้น ที่โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง เลือกเรือนในหลักสูตรมินิอิงลิช โดยเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ สังคมศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ ผลการเรียนอยู่ระดับ 2.79 แม้จะไม่ดีมาก แต่ก็นำความภาคภูมิใจมาสู่พ่อแม่ หากเป็นคณิตศาสตร์ น้องภูมิจะเก่งมาก สอบทุกครั้งได้คะแนนสูง ระดับ “ท็อป” ทุกครั้ง ยอมรับว่า ตามใจลูก แต่เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ
ครอบครัวผลสมบูรณ์โชค ไม่มีโอกาสเห็นน้องภูมิเป็นกุ๊กชื่อดังตามแววอัจฉริยะที่ลูกชอบทำกับข้าว หลังสูญเสียน้องภูมิจากไข้เลือดออก และหวังว่า การผ่าศพตรวจละเอียดตั้งแต่ระบบสมองถึงปลายเท้าของคณะแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี จะได้แนวทางรักษาไข้เลือดออกเมื่อคนไข้มีภาวะช็อก เป็นผลการศึกษาวิจัยระดับโลกอย่างครบวงจร