xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร...หม่อมศรีรัศมิ์...กับวันที่ทรงรอคอย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อมรรัตน์ ล้อถิรธร...รายงาน

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ก็เฉกเช่นปุถุชนทั่วไป ที่ปรารถนาครอบครัวที่เปี่ยมด้วยรักและความอบอุ่น แม้ความรักที่สมบูรณ์พร้อมของพระองค์จะทรงเริ่มต้นในเวลาที่ค่อนข้างช้า เมื่อพระชันษาใกล้ 50 พรรษา แต่พระองค์ก็มิได้ปรารถนาสิ่งใดมากไปกว่า...ความเข้าใจและยอมรับจากพสกนิกร เพราะความรักที่ประชาชนมีให้ มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด

ในวโรกาสแห่งความปลื้มปีติที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีต่อพระประสูติการของพระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา "ผู้จัดการออนไลน์" ขอร้อยเรียงความรักและความรู้สึกที่พระองค์ทรงมีต่อหม่อมศรีรัศมิ์ มารดาแห่งพระโอรสในวันนี้

“ความรัก” เป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับมนุษย์ทุกนามที่มีรัก โดยเฉพาะความรักที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นสมบูรณ์พร้อมย่อมเป็นที่ปรารถนาของทุกคน สำหรับพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารแล้ว สัญญาณแห่งความรักที่สมบูรณ์และครอบครัวที่อบอุ่นเริ่มมาเยือน เมื่อพระองค์ได้ทรงพบกับหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา บุคคลที่แม้จะมาจากครอบครัวธรรมดาๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่พระองค์ทรงกล่าวอย่างมั่นใจหลังจากได้ทำความรู้จักและเรียนรู้ซึ่งกันและกันมาตั้งแต่ปี 2536 ว่า

“หม่อมศรีรัศมิ์เป็นคนมีความเมตตา มีความอ่อนโยน เป็นมิตร เข้ากับทุกคน และเข้ากับพระองค์ได้ หม่อมมาจากครอบครัวคนธรรมดาๆ ..พ่อแม่เขาก็ไม่ร่ำรวยอะไร ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ..เขามีความสงบเสงี่ยมเจียมตัว มีความอดทน ไม่เคยให้ร้ายใคร ใช้ชีวิตเรียบง่าย สบายๆ ที่สำคัญมีความอบอุ่นในครอบครัว ทำให้บ้านเป็นบ้าน…”

หม่อมศรีรัศมิ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2514 เป็นชาว จ.สมุทรสงคราม มีพี่น้อง 5 คน หม่อมฯ เป็นบุตรสาวคนที่ 3 หม่อมศรีรัศมิ์สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย หลังจากนั้นได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อปี 2540 สาขาวิชาวิทยาการจัดการ วิชาเอกการจัดการทั่วไป และได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2545

หม่อมศรีรัศมิ์ ได้เข้าถวายการรับใช้ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ตั้งแต่ปี 2536 โดยรับผิดชอบหน้าที่การงานในฐานะข้าราชการพลเรือนในพระองค์ รวมทั้งได้ถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในด้านศิลปาชีพด้วย

หลังจากเรียนรู้ซึ่งกันและกันกระทั่งแน่พระทัยแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงคิดว่า น่าจะถึงเวลา ที่พระองค์จะทรงมีครอบครัวที่สมบูรณ์ น่ารัก แต่ก็อดกังวลพระทัยไม่ได้ว่า ถ้าทรงทำอะไรเป็นทางการเกินไป ความรักของพระองค์อาจจะมีปัญหาภายหลังได้ เพราะดวงของพระองค์ค่อนข้างจะเป็นแบบนั้น ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงต้องทรงมีวิธีแก้เคล็ด โดยทรงเคยเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า

“ดวงของเรา ถ้าทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวมากเกินไป จะพัง วันที่จดทะเบียน เราแก้เคล็ดด้วยการใส่เสื้อยืด กางเกงวอร์ม รองเท้าแตะ อยู่ที่ประทับชั่วคราว นนทบุรี ให้ราชเลขาฯ ถวายหนังสือตามปกติ นั่งอยู่ห้องนั่งเล่น ถึงเวลาก็ให้นายอำเภอเข้ามา เขาก็แต่งตัวธรรมดา บอกให้หม่อมแต่งตัวโทรมๆ แล้วเอากระดาษมาเซ็น พอดีท่านหญิง(หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล) เข้ามา ก็แสดงความยินดี แล้วก็ไปออกกำลังกายธรรมดา”

หลังจากนั้นพระองค์และหม่อมศรีรัศมิ์ ก็ได้ทรงเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ การอภิเษกสมรสแบบเงียบๆ ดังกล่าว มีขึ้นในวันที่ 10 ก.พ.2544 และปีต่อมาวันที่ 25 ม.ค. 2545สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ก็ได้ทรงตัดสินพระทัยให้ผู้สื่อข่าวเข้าเฝ้าฯ เพื่อจะได้ทราบข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของพระองค์

ในครั้งนั้น ทรงกล่าวว่า พระองค์อายุ 50 ปีแล้ว ไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ อยากได้ครอบครัวที่ดี ที่คนพอใจ เป็นประโยชน์ คบได้ ไม่ใช่เป็นการเอาอะไรมาใส่ประชาชน แต่ขอให้ประชาชนยอมรับว่า คนนี้ใช้ได้ ..

10 ปีก็พิสูจน์กันพอสมควรแล้ว ชีวิตหม่อมฯ เข้ามาในวังแรกๆ ก็ไม่ได้สบายนัก เหมือนการปลูกต้นไม้ ต้องค่อยๆ โต..

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเล่าให้ฟังด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงถามว่า เมื่อไรจะมีหลานผู้ชาย พระองค์ก็ตรัสว่า พยายามอยู่ กำลังทำกิฟท์ ไม่แน่ว่า อาจจะมีข่าวดีไม่ปลายปี 2545 ก็ต้นปี 2546 ซึ่งพระองค์ยอมรับว่า ทรงอยากได้พระโอรสเช่นกัน

แต่แล้ว! ข่าวดีที่พระองค์คิดก็ผิดคาดไปเกือบ 2 ปี เพราะหม่อมศรีรัศมิ์ มีครรภ์จริงๆ ก็ประมาณเดือน ส.ค.2547 แต่กว่าจะทราบว่ามีครรภ์ ก็ปลายปี 2547 แล้ว ทั้งนี้ สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์แจ้งข่าวดีนี้ให้ประชาชนทราบเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าหม่อมศรีรัศมิ์จะมีสูติการประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2548

หลังจากทราบว่ามีครรภ์ หม่อมศรีรัศมิ์พยายามดูแลตัวเองอย่างดี ทั้งในเรื่องของอาหารและการออกกำลังกาย คุณพิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ เจ้าของห้องเสื้อ "พิจิตรา” ซึ่งทำงานรับใช้หม่อมศรีรัศมิ์เกี่ยวกับผ้าไทยในโครงการศิลปาชีพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แสดงความชื่นชมว่า หม่อมศรีรัศมิ์ดูแลตัวเองดีมาก อย่างเรื่องอาหาร ก็จะรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ รับประทานอาหารชีวจิตด้วย แต่ก็ทานเนื้อสัตว์บ้าง เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง โดยอาหารที่รับประทานส่วนใหญ่มาจากแปลงผักปลอดสารพิษ ซึ่งอยู่ภายในวังศุโขทัย

ส่วนเรื่องออกกำลังกายนั้น แรกๆ หม่อมศรีรัศมิ์ ยังคงว่ายน้ำ แต่พออากาศเริ่มหนาวก็ว่ายไม่ไหว จึงใช้วิธีออกกำลังกายด้วยการฝึกโยคะ โดยหวังว่าจะช่วยทำให้คลอดง่าย และนับว่าหม่อมฯ โชคดีที่แม้จะมีครรภ์ แต่ก็ไม่มีอาการแพ้ท้อง อ่อนเพลีย หรือปวดหลังเหมือนคนท้องทั่วๆไป ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะได้ออกกำลังกายด้วยการทำโยคะทุกวันก็เป็นได้

หม่อมศรีรัศมิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงทารกในครรภ์เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2548 ระหว่างงานพระราชทานเลี้ยงเนื่องในวันคล้ายวันประสูติของหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง โดยมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงคอยดูแลอย่างใกล้ชิดว่า ลูกดิ้นเก่ง เวลาพลิกตัวแต่ละทีจะรู้สึกได้เลยว่า ท้องเคลื่อนไหว ก็จะเอามือลูบท้องทุกครั้ง รู้สึกมีความสุข และลูกก็ชอบฟังเพลง โดยหม่อมศรีรัศมิ์ จะชอบร้องเพลงเวลาเล่นกับฟูฟูและลูกๆ สุนัขทรงเลี้ยงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ โดยเฉพาะเพลง “เด็กดอยใจดี”

เมื่อเพลงถูกร้องโดยผู้ที่กำลังมีความสุขอย่างหม่อมศรีรัศมิ์ แน่นอนทารกในครรภ์ย่อมมีความสุขตามไปด้วย และความสุขยิ่งทวีขึ้นเมื่อหม่อมศรีรัศมิ์และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงทราบว่า ทารกในครรภ์เป็นผู้ชายจากการให้แพทย์ทำอัลตร้าซาวนด์ นอกจากนี้ยังเห็นด้วยว่า ทารกจมูกโด่ง เบ้าตาโต กระดูกนิ้วยาว มือไม้ยาว และแขนขาเรียวคล้ายหม่อมฯ

หม่อมศรีรัศมิ์ก็เหมือนกับแม่ทั่วไปที่อยากเตรียมของใช้ไว้ให้ลูก แต่ในที่สุดก็ไม่เตรียม เพราะเห็นว่าโบราณถือ ขณะที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงมีพระราชประสงค์ให้เตรียม และทรงปลื้มพระโอรสมากทั้งที่ยังอยู่ในครรภ์ สังเกตได้จากพระองค์จะทอดพระเนตรห้องเด็กที่เตรียมไว้ทุกวัน มีคุณหมอมาดู เอาพรมในห้องออกหมด แล้วนำพลาสติกมาปู แล้วปูทับด้วยผ้า หม่อมศรีรัศมิ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วอยากได้บ้านที่เป็นไม้ ซึ่งมีที่พุทธมณฑล แต่กำลังสร้างอยู่ เมื่อแล้วเสร็จ คงไปพักได้ช่วงวันสุดสัปดาห์

สำหรับวันที่จะมีพระประสูติการพระโอรสนั้น เมื่อทราบก่อนหน้านี้ว่า จะประมาณกลางเดือน พ.ค. หลายฝ่ายได้แนะให้หม่อมศรีรัศมิ์เลือกมีพระประสูติการในวันที่ 5 พ.ค.เพราะเป็นวันดีตรงกับวันฉัตรมงคล แต่หม่อมฯ กลับรู้สึกว่า อยากปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า พระโอรสจะมีพระประสูติกาลวันไหนก็วันนั้น

และแล้ว..วันเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ในวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า หม่อมศรีรัศมิ์เริ่มเจ็บครรภ์ แต่การประสูติไม่ปกติ คณะแพทย์จึงเห็นพ้องว่า หม่อมศรีรัศมิ์ควรได้รับการผ่าตัดเพื่อมีพระประสูติกาลพระโอรส ซึ่งในที่สุด ทุกอย่างก็เรียบร้อยด้วยดี พระโอรสได้มีพระประสูติกาลเมื่อเวลา 18.35น.ของวันที่ 29 เม.ย.2548 โดยมีน้ำหนัก 2,680 กรัม และความยาวพระองค์ 47 ซม. ทั้งนี้พระโอรสทรงมีพระเนตรโต และพระนาสิกโด่ง ส่วนพระพลานามัยของพระโอรสและหม่อมศรีรัศมิ์ต่างสมบูรณ์แข็งแรงดี

การมีพระประสูติการของพระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และหม่อมศรีรัศมิ์ ในครั้งนี้ ยังความปลาบปลื้มมาสู่พระบรมวงศานุวงศ์ และพสกนิกรทั้งประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยประชาชนไม่เพียงแต่หลั่งไหลไปลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราชอย่างไม่ขาดสายเท่านั้น แต่ยังบันทึกภาพพระโอรสที่สำนักพระราชวังนำมาติดไว้เพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย!!





กำลังโหลดความคิดเห็น