xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : ลาก่อน...”คุณพุ่ม” ของทูลกระหม่อม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อมรรัตน์ ล้อถิรธร...รายงาน

พรุ่งนี้(30 เม.ย.) จะเป็นวันพระราชทานเพลิงศพ “คุณพุ่ม เจนเซน” โอรสในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จฯ พระราชเพลิงศพคุณพุ่มในเวลา 17.30น. โดยก่อนหน้านั้น จะเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมไว้อาลัยและวางดอกไม้จันทน์บริเวณหน้าเมรุหลวง ตั้งแต่เวลา 14.30น. -17.00น. และสามารถอยู่ร่วมงานได้กระทั่งเสร็จสิ้นพิธีโอกาสนี้ ผู้จัดการออนไลน์ ขอนำเสนอรายงานพิเศษ เพื่อเป็นการไว้อาลัยและอำลา”คุณพุ่ม”ที่จะอยู่ในใจของทูลกระหม่อมฯ และคนไทยตลอดกาล...


ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2494 ณ นครโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาได้ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ เพื่อสมรสกับนายปีเตอร์ เลด เจนเซน ชาวอเมริกัน ทรงมีพระโอรสและพระธิดา 3 องค์ คือ คุณพลอยไพลิน ,คุณพุ่ม และคุณใหม่ สิริกิติยา เจนเซน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ทรงเคยประทานสัมภาษณ์ถึงการเลี้ยงดูพระโอรสและพระธิดาทั้ง 3 ว่า เลี้ยงง่ายมาก ทุกคนแข็งแรงดี แต่คุณพลอยมีโรคหูอักเสบอยู่บ้าง คุณพลอยจะชอบดนตรีและร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ ทูลกระหม่อมฯ จะทรงพาคุณพลอยไปเรียนบัลเล่ย์ ยิมนาสติก เปียโน และร้องเพลง ขณะที่คุณใหม่ไม่ชอบทำกิจกรรมเท่าใดนัก แต่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยป่วยไข้

สำหรับคุณพุ่มนั้น ทูลกระหม่อมฯ ทรงกล่าวว่า ตอนแรกเกิดตัวอ้วน น่ารักมาก แต่กว่าจะรู้ว่ามีอาการผิดปกติ คุณพุ่มก็อายุขวบกว่าแล้ว คือ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยมองหน้าคน ตอนแรกทูลกระหม่อมยังทรงคิดว่า คุณพุ่มเป็นแค่เป็นเด็กไฮเปอร์ ดูยุ่งวุ่นวาย วิ่งไปวิ่งมา พาไปหาหมอที่ซานดิเอโก้ หมอก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

“ตอนที่เกิดมาก็ไม่ทราบ เพราะว่าเกิดมาก็แข็งแรงดี แข็งแรงกว่าเด็กอื่นๆ เพราะเวลาเด็กเกิดเขาจะมีการเทสต์ แล้วน้องพุ่มก็ได้สกอร์สูง ทุกอย่างแข็งแรงหมด แต่ตอนเด็กๆ จะเป็นเด็กที่ไม่ค่อยร้องไห้ ชอบนอนกลางวัน กลางคืนไม่นอน แต่ก็แข็งแรงดี ไม่มีอะไรที่จะผิดแปลกไป นอกจากพอสักประมาณขวบครึ่ง เกือบๆ 2 ขวบ ก็สังเกตว่ายุ่งมาก แล้วก็ไม่ค่อยพูด ..ก็เริ่มไปถามหมอที่ดูแลอยู่ว่าทำไมเขาไม่พูด ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไร หมอก็ไม่บอก คล้ายๆ ว่า ถ้าไม่พูดก็อาจจะไม่ได้ยิน ก็พาไปเทสต์หูว่าหูหนวกหรือเปล่า แต่น้องพุ่มหูไวมาก เราก็บอกหมอว่า น้องพุ่มหูไวมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้ยิน แต่หมอก็ไม่รู้ ปีแล้วปีเล่าก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร”

หลังจากนั้นทูลกระหม่อมฯ ก็พาคุณพุ่มไปหาจิตแพทย์ ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันว่า คุณพุ่มไม่ได้เป็นออทิสติก แต่เป็น A.A.D.(Attention Deficit Disorder) คือ ไม่สามารถที่จะมีสมาธิอยู่กับอะไรได้ เวลาคุณพุ่มไปโรงเรียนอนุบาล ก็ต้องมีพี่เลี้ยงไปด้วยตลอด ทูลกระหม่อมฯ พยายามหาทางรักษาคุณพุ่มอยู่เป็นปี หาหมอไปทั่ว จนในที่สุด ก็ทราบว่า คุณพุ่มเป็นออทิสติกจริงๆ ความรู้สึกในฐานะแม่ตอนนั้น ทูลกระหม่อมฯ แม้จะเสียใจ แต่ก็ต้องทรงทำใจให้นิ่ง และบอกกับพระองค์เองว่า จะพยายามช่วยให้ลูกหายจากออทิสติก หากไม่หาย ก็จะพยายามทำให้ลูกมีความสุขที่สุด

“ก็เป็นธรรมดาของพ่อแม่ เกิดมาก็มีความผูกพันกันมาก รู้สึกว่าลูกคนนี้มีความผูกพันกันมาก แล้วพอเขาผิดปกติไป ก็เป็นห่วงเขามาก โตขึ้นก็ไม่ทราบว่าเขาจะช่วยตัวเองได้แค่ไหน หรือเป็นอะไร ก็เสียใจมากเป็นธรรมดา แต่ก็คิดว่าจะต้องพยายามช่วยเขาให้ได้ ถ้ามีโอกาสที่จะให้เขาหายก็ให้เขาหาย ถ้าเขาม่าหายก็พยายามให้เขามีความสุขที่สุด และมีพัฒนาการให้ดีที่สุด ที่จะอยู่ในสังคมได้ เพราะเราก็เป็นห่วงเขามาก”

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ทรงเคยถามเพื่อนชาวต่างประเทศเหมือนกันว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับพระองค์ ซึ่งเพื่อนก็ตอบว่า เพราะพระเจ้ารู้ว่า "ยู" เป็นคนที่จะดูแลน้องพุ่มได้ ในที่สุด ทูลกระหม่อมฯ จึงตัดสินพระทัยทูลเรื่องนี้ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ซึ่งพระองค์ได้รับสั่งให้ทูลกระหม่อมได้คิดว่า หากประชาชนไม่ทราบเรื่องนี้ ประชาชนจะไม่เข้าใจคิดว่าคุณพุ่มเป็นตัวประหลาด เพราะด้วยความเป็นออทิสติก คุณพุ่มจะทนเสียงบางอย่างไม่ได้ เช่น เสียงเด็ก ,เสียงคนไอ เป็นต้น ได้ฟังดังนั้น ทูลกระหม่อมฯ จึงทรงตัดสินพระทัยประกาศเรื่องนี้ให้สาธารณชนทราบ และแทบไม่น่าเชื่อว่า การประกาศออกไปเช่นนั้น จะก่อให้เกิดผลดี เพราะปกติมีเด็กเป็นโรคออทิสติกกันเยอะอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่พ่อแม่จะรู้สึกอับอาย ไม่กล้าบอกใครว่าลูกเป็นออทิสติก ก็จะเก็บลูกไว้ที่บ้าน ไม่กล้าพาไปไหน

การออกมาเปิดเผยของทูลกระหม่อมฯ จึงทำให้บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็นโรคออทิสติก เริ่มกล้าออกมาเปิดเผยบ้าง และนั่นก็ทำให้เด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคนี้อยู่ ได้มีโอกาสรับการรักษาที่ถูกต้อง ทูลกระหม่อมฯ ทรงกล่าวถึงโรคออทิสติกที่คุณพุ่มเป็นด้วยว่า เป็นโรคที่ยังรักษาไม่ได้ แต่ยังโชคดีที่เรียนหนังสือได้ ซึ่งหมอบอกว่า อาจจะมีโอกาสหายเมื่ออายุ 20 แต่ก็ไม่แน่ อาจจะไม่หายก็ได้ ทั้งนี้ พ.ญ.เพ็ญแข ลิ่มศิลา แห่งโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ และโรงเรียนสาธิตเกษตรฯ ได้จัดโปรแกรมรักษาให้เต็มที่ ทำให้คุณพุ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก

แม้คุณพุ่มจะเกิดและโตที่ต่างประเทศ แต่ทูลกระหม่อมฯ ก็ทรงยืนยันว่า คุณพุ่มรู้สึกรักเมืองไทยมาก และรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไทย ไม่ใช่อเมริกัน ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่คุณพุ่มได้มาเมืองไทย

“น้องพุ่มรักเมืองไทยมาก น้องพุ่มชอบเมืองไทยมาตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่มาเมืองไทยครั้งแรกก็รู้สึกมีความรัก มีความผูกพัน โดยเฉพาะในพระบรมมหาราชวังก็มีความผูกพันมาก ถึงอยู่ที่นั่นก็จะรู้สึกมีความสนใจกับรัชกาลที่ 1 ก็เรียกว่า นัมเบอร์ 1 นัมเบอร์ 2 อะไรอย่างนี้ ก็จะสนใจในเมืองไทยมากเลย แล้วน้องพุ่มพูดว่าเมืองไทยคือบ้าน มีหนหนึ่ง ไปเที่ยวไหนกันก็ไม่ทราบ แล้วน้องพุ่มบอกจะโกโฮม ก็ถามว่า จะโกโฮมที่บ้านที่อเมริกาใช่ไหม บอกว่า โน ไทยแลนด์ น้องพุ่มมีความรู้สึกว่าเป็นคนไทยตลอด เป็นสิ่งแปลกเพราะว่าน้องพุ่มเกิดที่นั่น เรียนหนังสืออะไรก็ที่นั่น แต่น้องพุ่มไม่มีความรู้สึกว่า เป็นคนอเมริกัน”

การได้มีโอกาสกลับมาอยู่เมืองไทย ได้เรียน และรักษาตัวไปพร้อมกันของคุณพุ่ม ไม่เพียงทำให้คุณพุ่มมีความสุขและมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ยังทำให้ผู้เป็นแม่อย่างทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ พลอยมีความสุขกับลูกไปด้วย

“น้องพุ่มจบไฮสคูลที่อเมริกาแล้ว จบเกรด 12 ที่อเมริกา แล้วก็กลับเข้ามาเรียนเกรด 12 ซ้ำอีกที่สาธิตเกษตรฯ เป็นหลักสูตรพิเศษที่ทำดีไซน์สำหรับน้องพุ่มโดยเฉพาะ แล้วก็มีเพื่อนมาเรียนด้วย เสร็จแล้วก็เข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งก็เป็นโปรแกรมพิเศษอีกอันหนึ่ง ก็มีไปโรงเรียนกับที่สาธิตเกษตรฯ แล้วก็เรียนที่เกษตรศาสตร์ เรียนสปอร์ตโคชชิ่งในคณะศึกษาศาสตร์ แต่เป็นหลักสูตรพิเศษที่เขาจัดให้ แล้วก็อีก 2 วัน ก็ไปที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อฝึกพูด แล้วก็โรงพยาบาลยุวประสาทฯ ก็ไปทำเทอราปี ไปรักษากับคุณหมอเพ็ญแขนำน้องพุ่มกลับมาให้มาได้รับการรักษาที่เมืองไทย เพราะที่เมืองนอกไม่มีการักษาที่ดี พอกลับมาเมืองไทยน้องพุ่มมีพัฒนาการที่ดีมากเลย ก็รู้สึกดีใจ รู้สึกเขาเป็นผู้ใหญ่ มีชีวิตของตัวเองมากขึ้น ได้ไปเที่ยวไหนๆ บางทีเขาก็ไปเที่ยวเอง น้องพุ่มรักที่จะไปเที่ยวทะเล”

คุณพุ่มไม่เพียงแต่มีความสุขกับชีวิตการเรียน การท่องเที่ยว และการเล่นกีฬาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านสุขภาพ ที่คุณพุ่มสามารถรับประทานอะไรๆ ได้มากขึ้น ผิดกับเมื่อก่อนที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับการรับประทาน อะไรก็ทานไม่ได้ จึงมักจะทานแต่ข้าวกับแม๊กกี้อย่างเดียว และไม่เพียงคุณพุ่มจะทานได้มากขึ้น แต่ยังชอบทำอาหารและขนมด้วย

“ชอบทำขนมครก ตอนแรกที่น้องพุ่มมีปัญหาจะจับอะไรไม่ได้เลย จะทานอะไรก็ไม่ได้ ทีนี้หมอเพ็ญแขบอกจะต้องสอนให้ทานอะไรให้ได้ ในที่สุด ครูที่อเมริกาก็เริ่มต้นสอนให้ทำกับข้าว แล้วน้องพุ่มก็เริ่มชอบ มาที่นี่ก็ได้หมอเพ็ญแขสอนให้ทาน อะไรก็ทานได้หมด แล้วอาจารย์จงรักก็จัดให้เรียนทำขนม ทำกับข้าว ทำทุกๆ อย่าง ชอบทำผัดซีอิ๊ว แต่ที่พิเศษก็คือ ทำซินเนมอนโรล ทำขนม ทำขนมปัง ทำ ทุกอย่างเอง นวดแป้งเอง จำสูตรได้ แล้วก็ทำได้อร่อยมากเลย”

ทุกครั้งที่ทำซินเนมอนโรล คุณพุ่มจะนำกลับไปฝากทูลกระหม่อมฯ เสมอ คุณพุ่มยังตั้งใจไว้ด้วยว่า จะนำไปฝากคุณตา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 31 ธ.ค.2547 แต่วันเวลาของคุณพุ่มก็หยุดลงเสียก่อนจากเหตุสึนามิ ณ วันที่ 26 ธ.ค. ทูลกระหม่อมฯ ยังจำภาพสุดท้ายและคำพูดทุกคำระหว่างพระองค์กับคุณพุ่มได้ดีราวกับว่า เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทั้งที่ความจริงผ่านมา 100 วันแล้ว เช้าวันที่ 26 ธ.ค. คุณพุ่มเข้ามาทวงของขวัญจากทูลกระหม่อมฯ อีก หลังจากได้ไป 3 ชิ้นแล้วในวันที่ 25

“น้องพุ่มก็มาทวงของขวัญอีก ความจริงควรจะให้ทีละชิ้นใช่ไหม ให้ 3 ชิ้น วันที่ 25 วันที่ 26 ก็บอกว่าเดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ ก่อน ความจริงมีเหลืออีก 2 ชิ้น ซึ่งเป็นพระ ก็ว่าจะไปแจกคน น้องพุ่มก็หยิบมาบอกนี่เป็นพระสำหรับทหาร ตำรวจ ก็บอกว่า น้องพุ่มรอกลับกรุงเทพฯ ก่อน แล้วแม่ยังมีของให้ตั้งหลายชิ้นสำหรับนิวเยียร์ น้องพุ่มก็โอเค วางลง น้องพุ่มก็จะไปเล่นเจ็ตสกี ก็มากอดแม่ แล้วก็บอกว่า ไอเลิฟยู ก็บอก "ไอเลิฟยู" ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่พูดกัน (เสียงเครือ...จะทรงร้องไห้)

ด้วยความรักและความผูกพันที่แม่มีให้กับลูกมาตลอด โดยเฉพาะคุณพุ่มที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ความสะเทือนใจต่อการสูญเสียย่อมมีมากเป็นร้อยเท่าพันเท่า แม้วันนี้...คุณพุ่มจะไม่ต้องได้รับการดูแลจากทูลกระหม่อมฯ อีกต่อไป แต่ภาระหน้าที่และบทบาทความเป็นแม่ที่รักและห่วงใยลูกของทูลกระหม่อมฯ จะยังคงดำเนินต่อไป กับคุณพลอยไพลิน และคุณใหม่ สิริกิติยา โดยมีคุณพุ่มคอยเป็นกำลังใจอยู่เบื้องบน!!

( คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบน เพื่อฟังเสียง )




กำลังโหลดความคิดเห็น