นางสงกรานต์ปีระกา ขี่ลา นาม “มณฑาเทวี” ภักษาหารนมเนย ถือไม้เท้าและเหล็กแหลม
ตำราโบราณว่า “ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับยกย่องจากต่างประเทศ”

เมื่อได้รู้จักนางสงกรานต์และคำทำนายในแต่ละวันและเวลาแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงอยากทราบว่าปีนี้วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันใด พระอาทิตย์จะยกเข้าสู่ราศีเมษในช่วงไหน แล้วจะมีเหตุการณ์ดีร้ายประการใด จึงขอยกประกาศสงกรานต์ประจำปี ๒๕๔๘ มาให้ทราบ อันมีใจความว่า
ประกาศสงกรานต์ ปีพุทธศักราช ๒๕๔๘
“ปีระกา (ผีเสื้อผู้ชาย ธาตุเหล็ก) สัปตศก จุลศักราช ๑๓๖๗ ทางจันทรคติเป็นอธิกวาร ทางสุริยคติ เป็นปกติสุรทิน
วันที่ ๑๔ เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ ตรงกับ ณ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๕ เวลา ๐๐ นาฬิกา ๒๔ นาที ๒๔ วินาที
นางสงกรานต์ ทรงนามว่า มณฑาเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาเหนือคัสพร (ลา) เป็นพาหนะ
วันที่ ๑๖ เมษายน เวลา ๐๔ นาฬิกา ๑๕ นาที ๓๖ วินาที เปลี่ยนจุลศักราช เป็น ๑๓๖๗ ปีนี้ วันจันทร์เป็นธงชัย วันเสาร์เป็นอธิบดี วันอาทิตย์เป็นอุบาทว์ วันจันทร์เป็นโลกาวินาศ
ปีนี้ วันอาทิตย์ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก ๔๐๐ ห่า ตกในเขาจักรวาล ๑๖๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๑๒๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๘๐ ห่า ตกในโลกมนุษย์ ๔๐ ห่า นาคให้น้ำ ๓ ตัว
เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ ๒ ชื่อวิบัติ ข้าวกล้าในภูมินา จะเกิดกิมิชาติ (ด้วงและแมลง) จะได้ผลกึ่ง เสียกึ่ง เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีอาโป (น้ำ) น้ำมาก
ประกาศสงกรานต์นี้ ถือเป็นการประกาศพระราชกฤษฎีกาเรื่องหนึ่งตามประเพณีราชการแต่สมัยโบราณ กล่าวคือ เมื่อสิ้นสุดปีหนึ่งๆ จะเปลี่ยนปีนักษัตรเริ่มศักราชใหม่ ทางราชการก็จะประกาศสงกรานต์ให้ราษฎรได้ทราบทั่วกันเกี่ยวกับวัน เดือน ข้างขึ้น ข้างแรมในปีต่อไป ซึ่งจะเป็นปฏิทินที่ทางการคำนวณตรวจสอบถูกต้องแล้วกำหนดเป็นแบบแผนในแต่ละปี
ปัจจุบันนอกจากจะมีพิมพ์ในหนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้ว ยังพบได้ในปฏิทินหลวงพระราชทานเนื่องในวันปีใหม่ทุกปีด้วย ซึ่งประกาศสงกรานต์นี้ สมัยก่อนมีสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของราษฎรหลายเรื่อง เช่น ทำให้ทราบวันเวลาขึ้นศักราชใหม่ ทำให้ทราบถึงกำหนดการพระราชพิธี และศาสนพิธีต่างๆ รวมถึงกำหนดกาลเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคาในบางปี และกำหนดเกณฑ์น้ำฝนน้ำท่าของปีนั้นๆ เป็นต้น
สำหรับคนปัจจุบัน หลายคนอ่านประกาศสงกรานต์แล้ว คงเกิดอาการงงงวย สงสัย เพราะไม่เข้าใจและไม่คุ้นเคยกับศัพท์ที่ใช้ จึงจะขอยกบางคำมาอธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจเพิ่มขึ้น ดังนี้
สัปตศก หมายถึง ปีที่จุลศักราชลงท้ายด้วยเลข ๗
อธิกวาร หมายถึง ปีจันทรคติ (ซึ่งเป็นการนับข้างขึ้นข้างแรม) ที่เดือน ๗ ปีนั้นจะมี ๓๐ วัน ตามปกติเดือนคี่จะมีแค่ ๒๙ วัน
วันอธิบดีและวันธงชัย คือ วันที่ถือว่าเป็นวันดีเหมาะแก่การทำกิจกรรมที่เป็นมงคลต่างๆ
วันอุบาทว์และวันโลกาวินาศ ถือเป็นวันไม่ดี ไม่เหมาะแก่การทำการมงคล ซึ่งเรื่องวันดีหรือไม่ดีนี้ ไม่ได้มีเหตุผลอธิบายไว้ เพียงแต่เป็นเรื่องทางโหราศาสตร์ ซึ่งมีสูตรการคำนวณไว้ค่อนข้างแน่นอน
การวัดจำนวนน้ำฝนเป็น "ห่า" นี้เป็นการวัดปริมาณน้ำฝนแบบโบราณ โดยกำหนดว่า ถ้าฝนตกลงมาเต็มบาตรขนาดกลางที่ตั้งรองอยู่กลางแจ้ง เรียกว่า น้ำฝนห่าหนึ่ง สำหรับเรื่องนาคให้น้ำ ซึ่งจะมีผลต่อชาวบ้านสมัยก่อนด้วยว่าส่วนใหญ่ทำกสิกรรมนั้น
ทั้งนี้ พระยาอนุมานราชธน ได้ตั้งข้อสังเกตเล่นๆว่า นาคจะมีตั้งแต่หนึ่งถึงเจ็ดตัวเป็นอย่างมาก และปีไหน หากบอกว่านาคให้น้ำตัวเดียว มักจะอุดมสมบูรณ์ เพราะทำอยู่ตัวเดียวไม่เกี่ยงกัน ส่วนปีไหนมีนาคหลายตัว มักจะให้น้ำน้อย เพราะมัวแต่เกี่ยงกันทำงาน
จากประกาศสงกรานต์ข้างต้น ทำให้เราทราบว่า นางสงกรานต์ปีนี้มีนามว่า นางมณฑาเทวี และแม้ว่าวันมหาสงกรานต์จะตรงกับวันพฤหัสบดี ซึ่งน่าจะเป็นนางกิริณี แต่เนื่องจากพระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษหลังเที่ยงคืนมาเล็กน้อย ทางโหรจึงถือว่านางสงกรานต์ยังตรงกับวันพุธ อันได้แก่ นางมณฑาเทวี ซึ่งหากดูตามอาหารและอาวุธที่เทพธิดาองค์นี้ทรงมา ปีนี้ก็ไม่น่าจะดุสักเท่าไร
อย่างไรก็ดี ในเรื่องการพยากรณ์นี้ ทางล้านนาก็มีเช่นกัน โดยจะเรียกวันมหาสงกรานต์ว่า “วันสังกรานต์ล่อง” (ให้อ่านว่า สัง-ขาน-ล่อง)หรือ “วันสังกรานต์ไป” ซึ่งจะขอคัดคำทำนายเฉพาะวันพุธ มาให้ทราบดังนี้
“สังกรานต์ไปวันพุธ ชื่อว่า มัญจาคีรี สังกรานต์ไปยามศุกร์ จากหนออกไปหนใต้ เท้าสวมเกือก(ใส่รองเท้า) หมวกสวมหัว มือซ้ายถือผาลา มือขวาถือดาบ ธิดาผู้มารับเอาเศียรพระพรหมชื่อ มันทะ นั่งคุกเข่ารับเอาแล ฝนตกบ่ทั่วเมือง หัวปีมีมาก กลางปีมีน้อย ข้าวในนาจักได้ครึ่ง เสียครึ่ง ของบริโภคจักแพง ปีนั้นจะแพ้สมณพราหมณ์ ขุนบ้านขุนเมืองจักตกต่ำ ไม้สะเลียม (สะเดา) เป็นไม้ใหญ่แก่ไม้ทั้งหลาย ขวัญข้าวพึ่งไม้คราม ปีนั้นสัตว์ ๔ ตีนจักแพง ของเขียว ของดำ ของขาว ของเหลืองจักแพง ของแดงจักถูก คนเกิดวันศุกร์จักมีเคราะห์ คนเกิดวันจันทร์ วันเสาร์จักมีโชค และนางเทพธิดาที่มารับเศียร โหราศาสตร์ไทยชื่อว่า มณฑา”
อ่านแล้วอาจจะตีความยากสักหน่อย เพราะเป็นคำโบราณและเป็นเรื่องทางโหราศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวันมหาสงกรานต์อันเป็นวันขึ้นปีใหม่แบบเดิมของไทยจะตรงกับวันไหน เวลาใด คนส่วนใหญ่ก็ยังถือว่า ปีใหม่เป็นฤกษ์หรือวาระที่ดีแห่งการเริ่มต้นทำสิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ดังนั้น ไม่ว่าคำทำนายจะร้ายดีประการใด เราทุกคนก็ควรจะดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท และพยายามทำความดีให้มากเข้าไว้ เพื่อเป็นเกราะกำบังคุ้มภัยให้ตน ดังท้ายประกาศวันมหาสงกรานต์ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๔ ที่ทรงเตือนสติเหล่าอาณาประชาราษฎร์ในสมัยของพระองค์ว่า ...
“จงรีบขวนขวายประพฤติการบุญการกุศล เป็นความสุจริตให้มาก ด้วยกาย วาจา และใจ โดยเป็นการรวดเร็วเหมือนอย่างชนที่ศีรษะ เพลิงไหม้แล้วรีบร้อนจะดับไฟในศีรษะของตน ฉะนั้น สรรพการกุศลทั้งปวงพึงส่ำสม ทำให้พร้อมมูลในสันดานด้วยความไม่ประมาท ด้วยประการทั้งปวงเทอญ.”
ตำราโบราณว่า “ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับยกย่องจากต่างประเทศ”
เมื่อได้รู้จักนางสงกรานต์และคำทำนายในแต่ละวันและเวลาแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงอยากทราบว่าปีนี้วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันใด พระอาทิตย์จะยกเข้าสู่ราศีเมษในช่วงไหน แล้วจะมีเหตุการณ์ดีร้ายประการใด จึงขอยกประกาศสงกรานต์ประจำปี ๒๕๔๘ มาให้ทราบ อันมีใจความว่า
ประกาศสงกรานต์ ปีพุทธศักราช ๒๕๔๘
“ปีระกา (ผีเสื้อผู้ชาย ธาตุเหล็ก) สัปตศก จุลศักราช ๑๓๖๗ ทางจันทรคติเป็นอธิกวาร ทางสุริยคติ เป็นปกติสุรทิน
วันที่ ๑๔ เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ ตรงกับ ณ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๕ เวลา ๐๐ นาฬิกา ๒๔ นาที ๒๔ วินาที
นางสงกรานต์ ทรงนามว่า มณฑาเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาเหนือคัสพร (ลา) เป็นพาหนะ
วันที่ ๑๖ เมษายน เวลา ๐๔ นาฬิกา ๑๕ นาที ๓๖ วินาที เปลี่ยนจุลศักราช เป็น ๑๓๖๗ ปีนี้ วันจันทร์เป็นธงชัย วันเสาร์เป็นอธิบดี วันอาทิตย์เป็นอุบาทว์ วันจันทร์เป็นโลกาวินาศ
ปีนี้ วันอาทิตย์ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก ๔๐๐ ห่า ตกในเขาจักรวาล ๑๖๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๑๒๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๘๐ ห่า ตกในโลกมนุษย์ ๔๐ ห่า นาคให้น้ำ ๓ ตัว
เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ ๒ ชื่อวิบัติ ข้าวกล้าในภูมินา จะเกิดกิมิชาติ (ด้วงและแมลง) จะได้ผลกึ่ง เสียกึ่ง เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีอาโป (น้ำ) น้ำมาก
ประกาศสงกรานต์นี้ ถือเป็นการประกาศพระราชกฤษฎีกาเรื่องหนึ่งตามประเพณีราชการแต่สมัยโบราณ กล่าวคือ เมื่อสิ้นสุดปีหนึ่งๆ จะเปลี่ยนปีนักษัตรเริ่มศักราชใหม่ ทางราชการก็จะประกาศสงกรานต์ให้ราษฎรได้ทราบทั่วกันเกี่ยวกับวัน เดือน ข้างขึ้น ข้างแรมในปีต่อไป ซึ่งจะเป็นปฏิทินที่ทางการคำนวณตรวจสอบถูกต้องแล้วกำหนดเป็นแบบแผนในแต่ละปี
ปัจจุบันนอกจากจะมีพิมพ์ในหนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้ว ยังพบได้ในปฏิทินหลวงพระราชทานเนื่องในวันปีใหม่ทุกปีด้วย ซึ่งประกาศสงกรานต์นี้ สมัยก่อนมีสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของราษฎรหลายเรื่อง เช่น ทำให้ทราบวันเวลาขึ้นศักราชใหม่ ทำให้ทราบถึงกำหนดการพระราชพิธี และศาสนพิธีต่างๆ รวมถึงกำหนดกาลเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคาในบางปี และกำหนดเกณฑ์น้ำฝนน้ำท่าของปีนั้นๆ เป็นต้น
สำหรับคนปัจจุบัน หลายคนอ่านประกาศสงกรานต์แล้ว คงเกิดอาการงงงวย สงสัย เพราะไม่เข้าใจและไม่คุ้นเคยกับศัพท์ที่ใช้ จึงจะขอยกบางคำมาอธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจเพิ่มขึ้น ดังนี้
สัปตศก หมายถึง ปีที่จุลศักราชลงท้ายด้วยเลข ๗
อธิกวาร หมายถึง ปีจันทรคติ (ซึ่งเป็นการนับข้างขึ้นข้างแรม) ที่เดือน ๗ ปีนั้นจะมี ๓๐ วัน ตามปกติเดือนคี่จะมีแค่ ๒๙ วัน
วันอธิบดีและวันธงชัย คือ วันที่ถือว่าเป็นวันดีเหมาะแก่การทำกิจกรรมที่เป็นมงคลต่างๆ
วันอุบาทว์และวันโลกาวินาศ ถือเป็นวันไม่ดี ไม่เหมาะแก่การทำการมงคล ซึ่งเรื่องวันดีหรือไม่ดีนี้ ไม่ได้มีเหตุผลอธิบายไว้ เพียงแต่เป็นเรื่องทางโหราศาสตร์ ซึ่งมีสูตรการคำนวณไว้ค่อนข้างแน่นอน
การวัดจำนวนน้ำฝนเป็น "ห่า" นี้เป็นการวัดปริมาณน้ำฝนแบบโบราณ โดยกำหนดว่า ถ้าฝนตกลงมาเต็มบาตรขนาดกลางที่ตั้งรองอยู่กลางแจ้ง เรียกว่า น้ำฝนห่าหนึ่ง สำหรับเรื่องนาคให้น้ำ ซึ่งจะมีผลต่อชาวบ้านสมัยก่อนด้วยว่าส่วนใหญ่ทำกสิกรรมนั้น
ทั้งนี้ พระยาอนุมานราชธน ได้ตั้งข้อสังเกตเล่นๆว่า นาคจะมีตั้งแต่หนึ่งถึงเจ็ดตัวเป็นอย่างมาก และปีไหน หากบอกว่านาคให้น้ำตัวเดียว มักจะอุดมสมบูรณ์ เพราะทำอยู่ตัวเดียวไม่เกี่ยงกัน ส่วนปีไหนมีนาคหลายตัว มักจะให้น้ำน้อย เพราะมัวแต่เกี่ยงกันทำงาน
จากประกาศสงกรานต์ข้างต้น ทำให้เราทราบว่า นางสงกรานต์ปีนี้มีนามว่า นางมณฑาเทวี และแม้ว่าวันมหาสงกรานต์จะตรงกับวันพฤหัสบดี ซึ่งน่าจะเป็นนางกิริณี แต่เนื่องจากพระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษหลังเที่ยงคืนมาเล็กน้อย ทางโหรจึงถือว่านางสงกรานต์ยังตรงกับวันพุธ อันได้แก่ นางมณฑาเทวี ซึ่งหากดูตามอาหารและอาวุธที่เทพธิดาองค์นี้ทรงมา ปีนี้ก็ไม่น่าจะดุสักเท่าไร
อย่างไรก็ดี ในเรื่องการพยากรณ์นี้ ทางล้านนาก็มีเช่นกัน โดยจะเรียกวันมหาสงกรานต์ว่า “วันสังกรานต์ล่อง” (ให้อ่านว่า สัง-ขาน-ล่อง)หรือ “วันสังกรานต์ไป” ซึ่งจะขอคัดคำทำนายเฉพาะวันพุธ มาให้ทราบดังนี้
“สังกรานต์ไปวันพุธ ชื่อว่า มัญจาคีรี สังกรานต์ไปยามศุกร์ จากหนออกไปหนใต้ เท้าสวมเกือก(ใส่รองเท้า) หมวกสวมหัว มือซ้ายถือผาลา มือขวาถือดาบ ธิดาผู้มารับเอาเศียรพระพรหมชื่อ มันทะ นั่งคุกเข่ารับเอาแล ฝนตกบ่ทั่วเมือง หัวปีมีมาก กลางปีมีน้อย ข้าวในนาจักได้ครึ่ง เสียครึ่ง ของบริโภคจักแพง ปีนั้นจะแพ้สมณพราหมณ์ ขุนบ้านขุนเมืองจักตกต่ำ ไม้สะเลียม (สะเดา) เป็นไม้ใหญ่แก่ไม้ทั้งหลาย ขวัญข้าวพึ่งไม้คราม ปีนั้นสัตว์ ๔ ตีนจักแพง ของเขียว ของดำ ของขาว ของเหลืองจักแพง ของแดงจักถูก คนเกิดวันศุกร์จักมีเคราะห์ คนเกิดวันจันทร์ วันเสาร์จักมีโชค และนางเทพธิดาที่มารับเศียร โหราศาสตร์ไทยชื่อว่า มณฑา”
อ่านแล้วอาจจะตีความยากสักหน่อย เพราะเป็นคำโบราณและเป็นเรื่องทางโหราศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวันมหาสงกรานต์อันเป็นวันขึ้นปีใหม่แบบเดิมของไทยจะตรงกับวันไหน เวลาใด คนส่วนใหญ่ก็ยังถือว่า ปีใหม่เป็นฤกษ์หรือวาระที่ดีแห่งการเริ่มต้นทำสิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ดังนั้น ไม่ว่าคำทำนายจะร้ายดีประการใด เราทุกคนก็ควรจะดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท และพยายามทำความดีให้มากเข้าไว้ เพื่อเป็นเกราะกำบังคุ้มภัยให้ตน ดังท้ายประกาศวันมหาสงกรานต์ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๔ ที่ทรงเตือนสติเหล่าอาณาประชาราษฎร์ในสมัยของพระองค์ว่า ...
“จงรีบขวนขวายประพฤติการบุญการกุศล เป็นความสุจริตให้มาก ด้วยกาย วาจา และใจ โดยเป็นการรวดเร็วเหมือนอย่างชนที่ศีรษะ เพลิงไหม้แล้วรีบร้อนจะดับไฟในศีรษะของตน ฉะนั้น สรรพการกุศลทั้งปวงพึงส่ำสม ทำให้พร้อมมูลในสันดานด้วยความไม่ประมาท ด้วยประการทั้งปวงเทอญ.”


