มัจฉาบำบัด...
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ต้องปลุกกระแสความสนใจของคนจำนวนไม่น้อยทีเดียว เพราะเป็นการแพทย์แขนงใหม่ที่ไม่ค่อยได้ยินในสังคมไทยเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงนั้น การใช้สัตว์เพื่อช่วยรักษาโรคมีมานานแล้ว ทั้งสัตว์เป็นและสัตว์ตาย
กระนั้นก็ดี การนำปลามาใช้บำบัดโรคผิวหนัง โดยเฉพาะ “โรคสะเก็ดเงิน” ก็เป็นเรื่องใหม่ที่จำเป็นที่จะต้องติดตาม เพราะเป็นกรรมวิธีที่เพิ่งมีการคิดค้นขึ้นมาในต่างประเทศ
น.พ.สุมนัส บุณยะรัตเวช อาจารย์ประจำภาควิชาตจวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยข้อมูลให้ฟังว่า โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม เป็นอีกโรคหนึ่งที่สร้างความทุกข์ให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะผู้ป่วยจะเกิดผื่นคันและตุ่มทุกที่บนร่างกาย ไม้เว้นแต่ศีรษะ เล็บ ฝ่าเท้า หรือแม้แต่อวัยวะเพศ และยังทำให้ปวดข้อและอักแสบบวม ซ้ำร้ายการรักษายังไม่หายขาด อย่างดีที่สุดคือทำให้ทุเลาลง ทำให้ผู้ป่วยโรคดังกล่าวต้องดิ้นรนหาสารพัดวิธีในการรักษาอาการดังกล่าวไม่เลือกว่าจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย หรือ แม้แต่แพทย์แผนตะวันตก
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัยจากประเทศตุรกีชิ้นหนึ่งที่เป็นข่าวดีของผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินตีพิมพ์และเผยแพร่ออกมา โดยนำ “ปลา” มาใช้ในการรักษา ซึ่งได้รับความสนใจจากแพทย์ทั่วโลก
สำหรับการบำบัดโรคสะเก็ดเงินโดยใช้ปลานั้น คนไข้ต้องแช่น้ำแร่กลางแจ้งที่มีคุณสมบัติของธาตุเซเลเนียมประมาน 13 ppm มีความเป็นกรดด่าง 7.2 สามารถดื่มได้และอุ่นประมาณ 35 องศาเซลเซียส โดยคนไข้ต้องแช่น้ำวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน โดยให้ปลาน้ำร้อนชื่อ Strikers (Cyprinion macrostomus)และ Lickers (Garra rufa) ซึ่งเป็นปลาชนิดพิเศษที่ว่ายในน้ำร้อนสูง 37 องศาเซลเซียสและมีที่ตุรกีแห่งเดียวเท่านั้น โดยจะให้ปลาดังกล่าวแทะบริเวณที่เป็นผื่นคันให้ค่อยๆหลุดลอกออกไป ติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน
ทั้งนี้ โดยมีข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติอื่นๆ แก่คนไข้ เช่น ต้องทานน้ำแร่ 3 แก้วและทานอาหารเช้าก่อนแช่น้ำแร่ ห้ามดื่มเหล้า นอนดึก และทานยาใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผลการทดลองในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจำนวน 87 คน เหลือเพียง 14 รายที่ปฏิบัติครบขั้นตอนและสามารถหายจนไร้ร่องรอย 8 คน และเหลือรอยผื่น 6 คน หรือพูดง่ายๆว่ามีเพียงประมาณ 9% ที่อดทนจนหมดกระบวนการและรักษาได้ผลดีเยี่ยม
การรักษาวิธีดังกล่าว น.พ.สุมนัส ให้ความเห็นว่า มีปัจจัยหลายอย่างของมัจฉาบำบัดที่ทำให้การรักษาสัมฤทธิผล เนื่องจากโรคดังกล่าวต้องมีปัจจัยทั้งภายนอก เช่น สภาพอากาศที่พบ การไปรบกวนแผล ซึ่งยิ่งไปรบกวนมาก ผื่นคันก็ยิ่งเห่อมาก แสงแดดที่ได้รับ หากได้รับ UV ชนิด B ก็จะทำให้แผลดังกล่าวดีขึ้น และ หากทานเหล้า สูบบุหรี่ นอนดึกๆ ก็ยิ่งทำให้อาการเลวร้ายยิ่งขึ้นอีก
ส่วนปัจจัยภายในนั้น มีผลการวิจัยยืนยันว่าสภาพจิตใจมีผลต่อผื่นคัน ยิ่งมีความเครียดสูง ผื่นคันยิ่งมาก และพบว่าคนไข้ส่วนใหญ่ค่อนข้างมีปัญหาด้านจิตใจเนื่องจากสภาพสังคมและคนรอบข้าง กดดันและบีบคั้น ทำให้ความเครียดอีกสูงขึ้นไปอีก
การทำมัจฉาบำบัดนั้น ผู้ป่วยต้องแช่น้ำแร่กลางแดดทุกวัน ซึ่งนอกจากได้รับแสงแดดแล้วยังทำให้สภาพจิตใจปลอดโปร่ง แต่การรักษาแบบดังกล่าวนั้นไม่สามารถทำได้ในประเทศไทย เพราะประเทศไทยไม่มีปลาและสภาพแวดล้อมแตกต่างกับตุรกี อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองดังกล่าวก็ไม่สามารถได้พิสูจน์ได้ว่าการทำมัจฉาบำบัดจะบรรเทาอาการได้จริงหรือไม่ เพราะผลอาจมาจากปัจจัยอื่นๆ ก็เป็นไปได้
ด้าน ร.ศ.น.พ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม อาจารย์หัวหน้าภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการรักษาแพทย์ทางเลือกว่า การรักษาทางเลือกก็เป็นอีกทางหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ต้องมีการพิสูจน์ก่อนรักษา ต้องมีความรู้ก่อน หากรับการรักษาสุ่มสี่สุ่มห้าอาจเกิดผลเสียได้ เพราะมีการรักษาทางเลือกส่วนหนึ่งที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ทำเพื่อการค้าและอ้างสรรพคุณเกินจริง แต่อย่างไรการแพทย์ที่เลือกที่ดีก็มี ขอให้ศึกษาก่อน
ส่วนแนวโน้มของการรักษาโรคสะเก็ดเงินของประเทศไทยเงินนั้น รศ.น.พ.ป่วน กล่าวว่า ตอนนี้กำลังมีการพัฒนาเครือข่ายแพทย์โรคสะเก็ดเงิน เพราะคนไข้มีทั่วประเทศ หลายคนมาจากต่างจังหวัด การรักษาควรมีมาตรฐานและทิศทางเดียวกัน เนื่องจากโรคดังกล่าวมีหลากหลายอาการการรักษาจึงค่อนข้างหลากหลาย โดยจะขยายเครือข่ายในกรุงเทพฯก่อน แล้วค่อยๆขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ
นอกจากนั้น ขณะนี้เองทางศิริราชก็ได้จัดบรรยายให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับโรคดังกล่าวทุกๆ เดือน เพื่อสร้างกลุ่มคนไข้ที่ช่วยเหลือตนเองโดยมีแพทย์แนะนำ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการใช้มัจฉาบำบัดนั้นจะช่วยให้โรคเรื้อรังอย่าง “สะเก็ดเงิน” ทุเลาลงได้หรือไม่ก็ตาม รศ.น.พ.ป่วน แนะนำว่า คนรอบข้างควรให้กำลังใจคนไข้ด้วย เพราะจิตใจและร่างกายนั้นสัมพันธ์กัน ผู้ป่วยเองก็ควรช่วยเหลือตัวเอง โดยหมั่นออกกำลังกาย ดูแลทั้งกายและใจ และอย่าลืมหาความรู้ทุกครั้งก่อนรับการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์แผนไทย
ขณะที่นาวาอากาศโทเฉลิม แสงสว่าง หนึ่งในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน แสดงความคิดเห็นว่า เป็นโรคนี้มากว่า 53 ปี หาหมอมาหมดทั้งหมอแผนปัจจุบันและแผนไทย ยาหม้อที่ไหนว่าหาย ก็ลองหมด จนสุดท้ายตรวจพบว่า ปนเปื้อนสารหนู ทำให้อาการยิ่งแย่ แผลขึ้นต่อมน้ำเหลือง จนต้องมาใช้บริการของแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งล่าสุดอาการก็ดีกว่าเดิมมาก ส่วนรักษาด้วยปลานั้นก็น่าสนใจดี แต่ว่าค่อนข้างสิ้นเปลืองและเป็นไปได้ยากในประเทศไทย
ส่วนสถาพร สะเดา อีกหนึ่งคนไข้ให้ความเห็นว่า เชื่อถือทั้งในแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบัน แต่ชอบใช้แผนไทยมากกว่าเพราะสนใจที่จะผสมยาและรักษาตัวเอง ซึ่งง่ายกว่าต้องไปนั่งแช่น้ำให้ปลารักษา ดูน่ารำคาญและน่าจักจี้เกินไป ส่วนตัวให้ความสำคัญในเรื่องจิตใจ เน้นทำใจให้สบาย เข้าหาศาสนา ซึ่งทำให้รู้จักเสียสละ แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น