สภาพสังคมเมืองปัจจุบัน ผู้คนต้องเผชิญกับมลภาวะนานาชนิด ก่อเกิดสารพัดโรคที่สร้างความรำคาญให้กับชีวิต ทั้ง เครียด ปวดหัว ภูมิแพ้ ไมเกรน นอนไม่หลับ ซึมเศร้า การบำบัดรักษาด้วยศาสตร์ปัจจุบันไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะทำให้หายจากอาการดังกล่าว หลายคนจึงหันเข้าหาศาสตร์ทางเลือก ที่เน้นใช้ธรรมชาติบำบัดหล่อหลอมใจกายรวมเป็นหนึ่งด้วยความเชื่อและศรัทธา ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง
ศาสตร์ทางเลือกที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นการนำศาสตร์ตะวันตกและตะวันออกผนวกประสานเข้าด้วยกัน เพื่อบำบัดปัดเป่าโรคประจำถิ่นเมืองเจริญตามที่ยกตัวอย่างไปแล้วข้างต้น นั่นคือการใช้แสงออร่า ซึ่งเป็นแรงสั่นสะเทือนของพลังแห่งชีวิต ประสานกับเสียงจากไวโอลิน ซึ่งรวมเรียกการบำบัดรักษาแบบนี้ว่า “ออร่าริน” เมื่อผนวกกับจิตใจที่สงบนิ่งที่มีพื้นฐานจากความเชื่อ ศรัทธาทำให้การรักษาได้ผล
ที่มาของออร่าลิน
กว่า 10 ปี แห่งการคิดค้นพลังแห่งสมาธิบำบัด วันนี้ สถิตธรรม เพ็ญสุข คือคนไทยคนแรกที่คิดค้น “ออร่าลิน” ศาสตร์แนวใหม่ที่ไม่อาจมองข้าม ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการบำบัดโรคที่สามารถใช้แสงออร่า ซึ่งเป็นรัศมีที่อยู่ล้อมรอบสสารทุกชนิด สิ่งที่มีโครงสร้างเป็นอะตอมจะมีแสงออร่า อะตอมของสสารทุกอย่างประกอบด้วย โปรตอน และอิเล็กตรอน ซึ่งเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา เป็นแรงสั่นสะเทือนของพลังแม่เหล็กไฟฟ้า อะตอมของสิ่งมีชีวิต จะเคลื่อนที่และสั่นสะเทือนกว่าสิ่งไม่มีชีวิต ดังนั้น เราจึงสังเกตและสัมผัสรัศมีของ พืช สัตว์ และคนได้ง่ายกว่า
“ยิ่งสุขภาพกาย สุขภาพจิตดีเท่าไร แสงออร่าก็จะยิ่งมีความสั่นสะเทือนมาก และแผ่รัศมีได้ไกลขึ้น แสงออร่ายิ่งสั่นสะเทือนมากเราจะยิ่งมีพลังทำสิ่งที่ต้องทำและอยากทำมากขึ้น พลังจากภายนอกทำอะไรไม่ได้ แต่หากแสงออร่าอ่อน ก็จะยิ่งทำให้พลังภายนอกเข้ามาก่อกวนง่ายขึ้น ทำให้เราถูกครอบงำและเหน็ดเหนื่อยมากขึ้น แสงออร่าที่อ่อนแออาจส่งผลให้เราล้มเหลว เจ็บป่วย และไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต”
ดังนั้น การเสริมพลังออร่าในร่างกายจึงควรต้องมีความตั้งใจและศรัทธาเป็นพื้นฐานเพราะจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อสอดประสานกับเสียงไวโอลินที่ผู้เล่นจะมีพื้นฐานเป็นคนที่มีความรู้ด้านจิตวิญญาณด้วยแล้ว จะทำให้ผู้ที่เข้ารับการบำบัดหลั่งสารแห่งความสุขหรือเอนโดรฟินออกมาทำให้เกิดความสดใสในร่างกาย เป็นการป้องกันระบบโรคภัยไข้เจ็บในร่างกายได้
กลุ่มที่นอนไม่หลับ ไมเกรน ปวดรอบเดือน ท้องผูก ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง แต่ต้องทำเป็นประจำต่อเนื่องไม่ใช่ว่าจะได้ผล 100% ในครั้งแรก แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงและ การบำบัดแบบนี้สามารถทำได้ทั้งแบบกลุ่มและคนต่อคน เจาะเป็นโรค ๆ
“ปัจจุบันบันคลื่นแม่เหล็กได้ทำร้ายคลื่นชีวิตไปมากมายเหลือเกิน ทั้งคลื่นจากมือถือ พัดลม ไดร์เป่าผม จอคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ลำโพงวิทยุ ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัว ไมเกรน ตาแห้ง ซึ่งมีแนวโน้มว่าคนไทยจะป่วยด้วยโรคเหล่านี้เพิ่มขึ้น”
สำหรับวิธีการบำบัดนั้น สถิตธรรม บรรยายให้ฟังว่า ผู้ที่เข้ารับการบำบัดจะต้องทำใจให้สงบ จากนั้นผู้บำบัดจะส่งพลังแสงจากตัวเองโดยการใช้มือใสลักษณะไล่แสงที่เป็นอันตรายออกจากร่างกายและส่งพลังแสงแห่งชีวิตผ่านเข้าร่างกายของผู้ถูกบำบัด โดยต้องสอดประสานเป็นอย่างดีกับเสียงไวโอลินที่พลิ้วไหวไร้โน้ตดนตรี เป็นการสีตามจังหวะมือของผู้บำบัด จะก่อเกิดพลัง ออร่าริน ที่สร้างความสุขให้กับผู้ถูกบำบัดจนรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง
ส่วนข้อจำกัดเกี่ยวกับผู้ที่จะเข้ารับการบำบัดนั้น สถิตธรรมบอกว่า ไม่มีข้อจำกัดและข้อห้ามสำหรับใครทั้งสิ้นแม้แต่หญิงตั้งครรภ์ เพราะการบำบัดไม่ได้มีคลื่นไฟฟ้าที่เป็นอันตราย ถ้าป่วยเป็นโรคเรื้อรังดังที่กล่าวข้างต้น หากมีเวลาก็ให้มาทำซ้ำ 2-3 ครั้งโอกาสหายจะมีสูง และยังได้ผลดีกับเด็กสมาธิสั้น และการย้ำคิดย้ำทำ ว้าเหว่ ในคนสูงอายุ การฝึกสมาธิควบคู่ไปกับการทำออร่าลิน ก่อเกิดความรัก ความเมตตา และไม่มีประจุไฟฟ้าเกิดขึ้นในร่างกาย
ด้านวีระพล โภคาพาณิชรงค์ นักไวโอลินบำบัด ซึ่งได้ทำการบำบัดให้กับผู้คนเห็นผลมาหลายต่อหลายคน การเล่นไวโอลินไม่ต้องคำนึงถึงตัวโน้ตจะส่งสัญญาณมือมาถ่ายทอดเป็นเสียง การเล่นจะ สีตามจังหวะมือของผู้บำบัด คลื่นจากพลังมือผสานกับเสียงไวโอลินจะสามารถรู้ได้ว่าผู้ถูกบำบัดกำลังเผชิญกับโรคอะไร มันเป็นความรู้สึกจากหัวใจ เพราะการบำบัดแบบนี้ใช้ศาสตร์แห่งความรักและความเมตตา สมาธิ และนอกจากนักสีไวโอลินจะบำบัดให้คนอื่นแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคือระหว่างสีนั้นก็ได้รับพลังจากเสียงดนตรีทำให้คนเล่นเกิดความสุขได้เช่นเดียวกัน
ผู้บำบัดเปิดใจได้ผลจริง
สาธินี เทียบโพธิ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเข้ารับการบำบัด เล่าว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ และไมเกรนมานาน ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง เป็น ๆ หาย ๆ รู้สึกรำคาญตัวเอง ระยะหลังมีคนแนะนำให้กินอาหารแมคโครไบโอติกก็เพิ่งจะเริ่มจึงยังไม่สามารถบอกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อ.สถิตธรรม มาเปิดอบรม ศาสตร์นี้ก็เลยสนใจเข้าร่วม และได้ทดลองทำ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกๆ ก็เครียดพอสมควรเพราะคาดหวังว่าโรคจะต้องหาย 100% ในการทำครั้งแรก ช่วงที่บำบัดจึงรู้สึกปวดหัวไม่ผ่อนคลาย และเครียดเพิ่ม อ.สถิตธรรมก็เลยมาบอกว่าการจะบำบัดได้ต้องมีความเชื่อและศรัทธาและมีสมาธิก็เลยลองใหม่ ปรากฏว่าได้ผล รู้สึกได้ถึงความปลอดโปร่งโล่งสบาย อ.สถิตธรรมแนะนำให้ไปทำต่ออีก 3 ครั้ง จนถึงขณะนี้ครบ 1 สัปดาห์ยังไม่ได้กินยาเลยจากเดิมที่ต้องรับประทานทุกวัน
“ดิฉันทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่รู้สึกได้ว่ามีแสงและสารเคมีที่เป็นอันตรายมากระทบตัวก่อให้เกิดความเครียด ศาสตร์ออร่าลินเป็นทางเลือกที่จะใช้บำบัดขจัดปัดเป่าโรคภัยที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่ได้ผล ทุกวันนี้ก่อนนอนดิฉันจะนอนฟังเทปเสียงธรรมชาติ ทั้งคลื่น เสียงระฆัง เสียงหวีดหวิวของใบไม้ นกกา ทำให้นอนหลับสบาย” สาธินี ให้ภาพ
ขณะที่รุ่งนภา กมลนารถ ผู้ประกาศข่าวและและพิธีกรชื่อดัง หนึ่งในผู้บำบัดบอกว่า การทำงานแต่ละวันต้องเผชิญทั้งแสงไฟ ไดร์เป่าผม กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ ทำให้สะสมความเครียดไว้มากจากคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้าที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งหลังจากที่เข้ารับการบำบัดในครั้งแรกก็รู้สึกว่าปลอดโปร่งโล่งสบาย แม้ว่าเมื่อครั้งเริ่มต้นอาจจะเกิดความเครียดบ้าง เพราะยังมีความกังวล แต่เสียงไวโอลินทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อจิตนิ่งกายก็นิ่งและทำให้รู้สึกสบาย และรู้สึกดีขึ้นจริง
“หลังการบำบัด อ.สถิตธรรมนำกล้องถ่ายพิเศษออร่า มาบันทึกภาพ ท่านบอกว่าได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และยังพบว่าร่างกายของดิฉันสะสมสารพัดโรคอันเกิดจาก กระดูหลังไม่ค่อยดี ระบบกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา ไมเกรน ทอลซิลอักเสบ หากได้รับการบำบัดสัก 2-3 ครั้งก็จะทำให้หายได้แต่ต้องควบคู่ไปกับการดูแลรักษาตัวเองด้วย” รุ่งนภา เล่า