นอนดึก...ตื่นแต่เช้า....รีบไปทำงานเพราะกลัวรถติด
เหล่านี้คือพฤติกรรมของคนไทยยุคใหม่ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองซึ่งเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและรีบร้อน
จากสภาพดังกล่าว ทำให้ผู้คนจำนวนมากละเลยในการรับประทานอาหารเช้า ซึ่งถือเป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน ขณะที่มีอีกไม่น้อยที่ตัดสินใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานมื้อเช้าใหม่ด้วยการดื่มกาแฟเพียงแค่ถ้วยเดียว โดยไม่รู้ว่า อาหารเช้านั้นมีผลดีต่อสุขภาพอย่างไร

น.พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช. ) ให้ข้อมูลว่า อาหารและน้ำเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและนับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากที่สุด ดังประเทศตะวันตกมีคำกล่าวว่า “You are what you eat.” ซึ่งเป็นคำที่ทำให้เราเห็นภาพความสำคัญของอาหารอย่างชัดเจน
ส่วนภูมิปัญญาตะวันออก ก็เน้นความสมดุลของธาตุอาหารเพื่อสร้างความสมดุลในร่างกาย แต่ในสภาพสังคมปัจจุบัน วิถีการบริโภค อาหารและน้ำของคนไทยมีความเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องอาหารมื้อเช้าซึ่งเป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวันได้เปลี่ยนแปลงไป
หลายคนไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้า บางคนทานเพียงแค่อาหารว่างเพื่อประทังความหิวก่อนอาหารมื้อเที่ยง และมีแนวโน้มว่าจะรวมไปถึงเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระดับสติปัญญาของประเทศในอนาคต
“ขณะนี้ทางมูลนิธิฯ ได้จัดกิจกรรมตอนเช้าคุณทานอะไร? เพื่อรวบรวมภาพถ่ายอาหารมื้อเช้าของคนไทยมาวิเคราะห์ถึงสภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและนำเสนอรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถส่งภาพถ่าย พร้อมเขียนชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เพศ อายุ อาชีพ น้ำหนักและส่วนสูงปัจจุบัน ส่งมาที่มูลนิธิ 1168 ซอยพหลโยธิน 22 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 (วงเล็บมุมซองว่า กิจกรรมภายถ่ายอาหารเช้า) หรือ ส่งมาที่ www.thainhf.org ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน โดย 3,000 ท่านแรก รับของที่ระลึกจากโครงการฯ และลุ้นรับรางวัลพิเศษ กล้องดิจิตอลจำนวน 3 รางวัล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 0-25113452”น.พ.สมศักดิ์เชิญชวน

ด้านวัลภา ไก่แก้ว นักโภชนาการ โรงพยาบาล BNH อธิบายให้ฟังว่า ตามหลักโภชนาการแล้วอาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะตลอดทั้งวันเราต้องใช้พลังงานในการทำงาน แม้กระทั่งนั่งเรียนหนังสือในชั้นเรียน
ทั้งนี้ คนที่รับประทานอาหารเช้าสม่ำเสมอมักจะเป็นคนอารมณ์ดี มีใบหน้าสดชื่นแจ่มใส สำหรับคนที่ไม่ได้กินข้าวเช้าจะรู้สึกว่าง่วงนอน รู้สึกอ่อนเพลีย รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าเท่าที่ควร จะเกิดความรู้สึกว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือไม่มีความสุขกับการทำงาน นอกจากนี้ การที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้าติดต่อกันนานวันเข้าประกอบกับมีอายุมากขึ้นอาจมีปัญหาน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานและโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ ตามมา

นอกจากนั้น ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ไม่รับประทานข้าวเช้าก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยมารับประทานมื้อกลางวันมื้อเย็นทดแทนให้มากขึ้นคงไม่เป็นอะไร หากใครคิดและรับประทานแบบนี้ มักจะมีปัญหาเรื่องอ้วนตามมาภายหลัง เนื่องจากอาหารที่รับประทานนั้นใช้ไม่หมด
“คนรุ่นใหม่มักจะอ้างว่าไม่มีเวลา กินกาแฟมื้อเช้าเพื่อรองท้องก่อนกินอาหารกลางวันในมื้อเที่ยง อยากแนะนำระหว่างที่ดื่มกาแฟขอให้มีแซนด์วิชสักชิ้น เพราะแซนด์วิชยังมีส่วนประกอบของไขมัน แป้ง โปรตีน ผัก ส่วนมื้อกลางวันอาจกินข้าวผัดผักกับปลาทอด ขณะที่มื้อเย็นควรเป็นมื้อเบาเพราะร่างกายใช้พลังงานน้อย อาจเป็นก๋วยเตี๋ยวซักชามก็เพียงพอแล้ว หากใครกินมื้อกลางวันและเย็นเป็นอาหารหนัก ประเภทข้าว มีสิทธิอ้วน”
วัลภา บอกด้วยว่า อยากให้ทุกคนท่องไว้ในใจว่าอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดที่มาหล่อเลี้ยงร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรง ดังนั้น ควรรับประทานอาหารเช้าแบบราชา อาหารกลางวันพอประมาณ และอาหารเย็นแบบยาจก แล้วหลีกเลี่ยงอาหารไขมันและของหวาน แล้วอย่าลืมออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30-40 นาที หากใครปฏิบัติจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงแล้วมีอายุยืนยาว
เหล่านี้คือพฤติกรรมของคนไทยยุคใหม่ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองซึ่งเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและรีบร้อน
จากสภาพดังกล่าว ทำให้ผู้คนจำนวนมากละเลยในการรับประทานอาหารเช้า ซึ่งถือเป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน ขณะที่มีอีกไม่น้อยที่ตัดสินใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานมื้อเช้าใหม่ด้วยการดื่มกาแฟเพียงแค่ถ้วยเดียว โดยไม่รู้ว่า อาหารเช้านั้นมีผลดีต่อสุขภาพอย่างไร
น.พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช. ) ให้ข้อมูลว่า อาหารและน้ำเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและนับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากที่สุด ดังประเทศตะวันตกมีคำกล่าวว่า “You are what you eat.” ซึ่งเป็นคำที่ทำให้เราเห็นภาพความสำคัญของอาหารอย่างชัดเจน
ส่วนภูมิปัญญาตะวันออก ก็เน้นความสมดุลของธาตุอาหารเพื่อสร้างความสมดุลในร่างกาย แต่ในสภาพสังคมปัจจุบัน วิถีการบริโภค อาหารและน้ำของคนไทยมีความเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องอาหารมื้อเช้าซึ่งเป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวันได้เปลี่ยนแปลงไป
หลายคนไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้า บางคนทานเพียงแค่อาหารว่างเพื่อประทังความหิวก่อนอาหารมื้อเที่ยง และมีแนวโน้มว่าจะรวมไปถึงเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระดับสติปัญญาของประเทศในอนาคต
“ขณะนี้ทางมูลนิธิฯ ได้จัดกิจกรรมตอนเช้าคุณทานอะไร? เพื่อรวบรวมภาพถ่ายอาหารมื้อเช้าของคนไทยมาวิเคราะห์ถึงสภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและนำเสนอรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถส่งภาพถ่าย พร้อมเขียนชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เพศ อายุ อาชีพ น้ำหนักและส่วนสูงปัจจุบัน ส่งมาที่มูลนิธิ 1168 ซอยพหลโยธิน 22 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 (วงเล็บมุมซองว่า กิจกรรมภายถ่ายอาหารเช้า) หรือ ส่งมาที่ www.thainhf.org ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน โดย 3,000 ท่านแรก รับของที่ระลึกจากโครงการฯ และลุ้นรับรางวัลพิเศษ กล้องดิจิตอลจำนวน 3 รางวัล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 0-25113452”น.พ.สมศักดิ์เชิญชวน
ด้านวัลภา ไก่แก้ว นักโภชนาการ โรงพยาบาล BNH อธิบายให้ฟังว่า ตามหลักโภชนาการแล้วอาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะตลอดทั้งวันเราต้องใช้พลังงานในการทำงาน แม้กระทั่งนั่งเรียนหนังสือในชั้นเรียน
ทั้งนี้ คนที่รับประทานอาหารเช้าสม่ำเสมอมักจะเป็นคนอารมณ์ดี มีใบหน้าสดชื่นแจ่มใส สำหรับคนที่ไม่ได้กินข้าวเช้าจะรู้สึกว่าง่วงนอน รู้สึกอ่อนเพลีย รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าเท่าที่ควร จะเกิดความรู้สึกว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือไม่มีความสุขกับการทำงาน นอกจากนี้ การที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้าติดต่อกันนานวันเข้าประกอบกับมีอายุมากขึ้นอาจมีปัญหาน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานและโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ ตามมา
นอกจากนั้น ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ไม่รับประทานข้าวเช้าก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยมารับประทานมื้อกลางวันมื้อเย็นทดแทนให้มากขึ้นคงไม่เป็นอะไร หากใครคิดและรับประทานแบบนี้ มักจะมีปัญหาเรื่องอ้วนตามมาภายหลัง เนื่องจากอาหารที่รับประทานนั้นใช้ไม่หมด
“คนรุ่นใหม่มักจะอ้างว่าไม่มีเวลา กินกาแฟมื้อเช้าเพื่อรองท้องก่อนกินอาหารกลางวันในมื้อเที่ยง อยากแนะนำระหว่างที่ดื่มกาแฟขอให้มีแซนด์วิชสักชิ้น เพราะแซนด์วิชยังมีส่วนประกอบของไขมัน แป้ง โปรตีน ผัก ส่วนมื้อกลางวันอาจกินข้าวผัดผักกับปลาทอด ขณะที่มื้อเย็นควรเป็นมื้อเบาเพราะร่างกายใช้พลังงานน้อย อาจเป็นก๋วยเตี๋ยวซักชามก็เพียงพอแล้ว หากใครกินมื้อกลางวันและเย็นเป็นอาหารหนัก ประเภทข้าว มีสิทธิอ้วน”
วัลภา บอกด้วยว่า อยากให้ทุกคนท่องไว้ในใจว่าอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดที่มาหล่อเลี้ยงร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรง ดังนั้น ควรรับประทานอาหารเช้าแบบราชา อาหารกลางวันพอประมาณ และอาหารเย็นแบบยาจก แล้วหลีกเลี่ยงอาหารไขมันและของหวาน แล้วอย่าลืมออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30-40 นาที หากใครปฏิบัติจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงแล้วมีอายุยืนยาว