เรื่องภัยของการรับประทานอาหารนั้น ต้องบอกว่า ยังคงแฝงอยู่ในทุกอณูของสังคมไทย ล่าสุดข่าวคราวที่สร้างความตื่นตระหนกก็คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย นพ.ไพจิตร์ วราชิต อธิบดีได้ออกมาเผยผลวิเคราะห์ตัวอย่าง “เนื้อวัว” ที่นำเข้ามาจากปากีสถานผ่านทางประเทศพม่าว่า มีการใช้ “ฮอร์โมนเร่งโต” ถึง 2 ชนิดคือ Synovex S และ Deprora
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ยา Synovex S นั้น เป็นยาใช้บำบัดอาการประจำเดือนผิดปกติในคน พอนำไปใช้กับวัวจะทำให้น้ำหนักวัวเพิ่มอย่างรวดเร็วเพราะฮอร์โมนจะไปเพิ่มไขมัน ส่วนยา Deprora เป็นยาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงเยื่อผนังมดลูก หากใช้ในคนจะก่อให้เกิดความผิดปกติของประจำเดือน ซึ่งคนที่รับประทานเนื้อวัวที่มีฮอร์โมนดังกล่าว อาจเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย และเด็กที่รับประทานจะทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย
ไม่เพียงเท่านั้น เพราะนอกจากการได้รับฮอร์โมนทางอ้อมเพียงอย่างเดียว อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าวิตกกังวลไม่น้อยก็คือ มีพ่อแม่จำนวนหนึ่งหาซื้อฮอร์โมนเร่งความสูงมาให้ลูกรับประทานโดยไม่รู้ว่า จะส่งผลกระทบต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด
ระวังให้หนักกินยาเพิ่มความสูง
เริ่มต้นจากประเด็นแรกคือ การรับประทานฮอร์โมนเพิ่มความสูง
พญ.ศิริพร กัญชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข อดีตรองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันมีผู้ปกครองจำนวนหนึ่งเห็นลูกเติบโตช้า มักจะซื้อฮอร์โมนที่ใช้ในการเจริญเติบโตมาฉีดให้ลูก บางรายซื้อยาบำรุงและยาเจริญอาหารให้รับประทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ แม้ในประเทศไทยยังไม่เคยมีการศึกษาถึงผลกระทบในการกินยาประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ในต่างประเทศได้มีการศึกษาและผลการศึกษาพบว่าเด็กจะเจริญเติบโตได้ระดับหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็จะหยุดโต เพราะถ้าพันธุกรรมพ่อแม่เตี้ย ลูกก็จะไม่สามารถพัฒนาให้สูงใหญ่เหมือนกับเด็กที่มีพ่อแม่ตัวสูงใหญ่ได้
ดังนั้น อยากแนะนำให้เด็กที่มีรูปร่างเล็กเตี้ยหันมาออกกำลังกายและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะผลการวิจัยพบว่าการออกกำลังกายและนอนมีผลต่อการเจริญเติบโตมากกว่ารับประทานยา แต่สิ่งที่พบในบ้านเราก็คือเด็กส่วนใหญ่ขาดการออกกำลังกายและนอนน้อย
ด้านสุนิพนธ์ ภุมมางกูร นายกเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ปกติแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าคนไหนมีฮอร์โมนบกพร่อง ถึงจะสั่งให้รับประทานฮอร์โมนเสริมเพื่อให้เจริญเติบโตตามวัยที่ควรจะเป็น แต่ปัจจุบันกลับมีการซื้อขายฮอร์โมนกันอย่างโจ่งแจ้ง และผู้ซื้อเพียงต้องการให้เด็กสูงใหญ่ โดยไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมา
“จริงๆ แล้วผู้ที่กินฮอร์โมนควรเป็นผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนเท่านั้น คนปกติไม่ควรกิน เนื่องจากอาจมีสารตกค้างในร่างกายหรือฮอร์โมนที่กินอาจไปเร่งส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจนเกิดผิดปกติได้ อีกอย่างทำให้สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ ที่สำคัญบ้านเรายังไม่เคยมีการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบการกินฮอร์โมนในคนปกติ”
อาจารย์สุนิพนธ์ บอกด้วยว่า สมัยก่อนร้านขายยาจะขายให้เฉพาะผู้ที่ถือใบสั่งของแพทย์เท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าระบบการซื้อยาเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ควรมีการเข้มงวดมากขึ้น
เด็กไทยโตเร็วก่อนวัยอันควร
ประเด็นถัดมาคือ การรับประทานอาหารที่ใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งในความเป็นจริงนอกเหนือจาก “วัว” ดังที่ตกเป็นข่าวแล้ว “ไก่” ก็เป็นสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่อันตราย รวมทั้งการได้รับฮอร์โมนผ่านทางสิ่งแวดล้อมด้วย
ในเรื่องนี้ อาจารย์สุนิพนธ์ให้ความเห็นว่า หากมีสารตกค้างแล้วประชาชนนำมารับประทานอาจมีผลต่อร่างกายได้ ยกอย่างตัวอย่างเช่นที่เคยมีข่าวว่าเด็กผู้หญิงมีขนาดของหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นกว่าวัยอันควร ซึ่งหากเป็นไปได้ไม่อยากให้เกษตรกรใช้สารเร่ง หรือถ้าใช้ควรให้อยู่ในระยะพ้นอันตรายเสียก่อนที่จะนำไก่ออกมาจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
อย่างไรก็ตาม เพื่อลดปัญหาการสะสมของฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อซื้อเนื้อวัวหรือเนื้อไก่มาแล้ว ควรปรุงให้สุก เพราะฮอร์โมนบางอย่างสามารถละลายในความร้อนได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเหมือนกัน
ส่วน นพ.ไพจิตร์บอกว่า การที่เด็กได้รับฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกาย จะมีผลทำให้พัฒนาการการเติบโตในช่วงแรกเร็วมาก แต่จะหยุดการเจริญเติบโตก่อนถึงเวลาที่ควรจะเป็น เรียกว่า โตเร็วช่วงแรก และหลังจากนั้นจะไม่โตอีก ซึ่งคิดว่าการที่เด็กสมัยนี้โตเร็ว เด็กผู้หญิงมีประจำเดือนเร็ว อาจมีส่วนสัมพันธ์กับเรื่องการได้รับฮอร์โมนเหล่านี้เข้าไปก็ได้
....จากข้อมูลทั้งหมดเมื่อสืบค้นข้อมูลย้อนหลัง จะพบว่า มีการศึกษาชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ การศึกษาเรื่อง “ภาวะการเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัยอันควร” ซึ่งเป็นผลงานของ ศ.นพ.กิตติ อังศุสิงห์ จากโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
ข้อมูลของ ศ.นพ.กิตติบอกเอาไว้ว่า ปัจจุบันเด็กไทยอยู่ในภาวะของการเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัยเริ่ม “สูงขึ้น” โดยผู้หญิงจะมีเต้านมคลำได้เป็นไตก่อนอายุ 8 ปี บางคนมีประจำเดือนโดยไม่มีไตเต้านมอย่างใดอย่างหนึ่งในเด็กหญิง และในผู้ชายมีการเพิ่มขนาดของอัณฑะและองคชาติก่อนอายุ 9 ปี ที่สำคัญทั้งเด็กชายและเด็กหญิงมีอสุจิและรังไข่ จึงมีโอกาสให้กำเนิดบุตรได้
นอกจากนี้ เมื่อเด็กผู้หญิงก้าวสู่วัยสาวเร็วเกินไป จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งของเต้านมและมดลูกได้ ขณะเดียวกันการเจริญเติบโตเร็วผิดวัย อายุกระดูกเจริญเร็วกว่าอายุจริงของเด็ก เด็กเหล่านี้จะมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันในระยะต้น ๆ ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจะหยุดโตและจะเป็นผู้ใหญ่ที่เตี้ยในที่สุด ซึ่งภาวะของการที่เด็กเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัยพบมากในเพศหญิงมากกว่าชายประมาณ 8 เท่า และมักพบมีความผิดปกของคลื่นสมองร่วมด้วย
ตัวอย่างที่ ศ.นพ.กิตติพบก็คือ เด็กหญิงอายุ 9 ปี 6 เดือน เริ่มมีหน้าอกตั้งแต่อายุ 7 ปี 6 เดือน และมีประจำเดือนเมื่ออายุ 8 ปี หลังจากนั้นอีก 6 เดือนเริ่มมีขนที่หัวเหน่า ทั้งนี้ ในการตรวจในห้องปฏิบัติการพบว่า กระดูกของเด็กหญิงคนดังกล่าวมีอายุเหมือนเด็กอายุ 15 ปี จากความผิดปกตินี้เองแพทย์เร่งให้การรักษาอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้สภาพร่างกายเกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
หรือกรณีตรวจพบเด็กผู้ชายอายุ 3 ปี 4 เดือนมารับการตรวจรักษา เนื่องจากเติบโตเร็วผิดปกติ กล่าวคือ อวัยวะเพศโตผิดปกติคือมีขนาดขององคชาติยาว 6 เซนติเมตร ทั้งที่ในวัยเดียวกันจะมีขนาดเพียง 3 เซนติเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ลูกอัณฑะ 2 ข้างยังไม่เท่ากันด้วยคือข้างซ้ายขนาด 6 มิลลิเมตร ข้างขวา 2 มิลลิเมตร ซึ่งจากการซักประวัติ เด็กไม่ได้รับประทานยาบำรุงผสมฮอร์โมนใด ๆ แต่พอซักประวัติมารดาพบว่ามีประจำเดือนตอนอายุ 15 ปี”
ขณะเดียวกันยังมีตัวอย่างของเด็กชายอายุ 5 ปี ที่เข้ารับการรักษา ด้วยปัญหาเต้านมโตทั้งสองข้าง มีคล้ำ และภายหลังจากซักประวัติพบว่าเด็กได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นเวลานาน 2 เดือน เนื่องจากชอบไปเล่นในห้องที่พ่อใช้ฝังเอสโตรเจนในไก่เพื่อทำไก่ตอน ซึ่งเด็กมีโอกาสได้รับสารดังกล่าวทางปาก
ศ.นพ.กิตติสรุปเอาไว้ว่า การเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัยอันควรนั้น จะเปลี่ยนแปลงเฉพาะทางร่างกายเท่านั้น สติปัญญา ความนึกคิดและจิตใจเทียบเท่ากับอายุของเด็กเอง เด็กเหล่านี้จึงไม่มีความนึกคิดหรือสนใจในเพศตรงข้ามแต่อย่างใด แต่เด็กเหล่านี้มีโอกาสถูกล่อลวงทางเพศและเด็กหญิงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เด็กเหล่านี้มีอายุน้อยแต่รูปร่างสูงใหญ่จึงมักจะคบเพื่อนขนาดรูปร่างใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจมีปัญหาทำให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรตามมาด้วย
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ยา Synovex S นั้น เป็นยาใช้บำบัดอาการประจำเดือนผิดปกติในคน พอนำไปใช้กับวัวจะทำให้น้ำหนักวัวเพิ่มอย่างรวดเร็วเพราะฮอร์โมนจะไปเพิ่มไขมัน ส่วนยา Deprora เป็นยาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงเยื่อผนังมดลูก หากใช้ในคนจะก่อให้เกิดความผิดปกติของประจำเดือน ซึ่งคนที่รับประทานเนื้อวัวที่มีฮอร์โมนดังกล่าว อาจเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย และเด็กที่รับประทานจะทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย
ไม่เพียงเท่านั้น เพราะนอกจากการได้รับฮอร์โมนทางอ้อมเพียงอย่างเดียว อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าวิตกกังวลไม่น้อยก็คือ มีพ่อแม่จำนวนหนึ่งหาซื้อฮอร์โมนเร่งความสูงมาให้ลูกรับประทานโดยไม่รู้ว่า จะส่งผลกระทบต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด
ระวังให้หนักกินยาเพิ่มความสูง
เริ่มต้นจากประเด็นแรกคือ การรับประทานฮอร์โมนเพิ่มความสูง
พญ.ศิริพร กัญชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข อดีตรองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันมีผู้ปกครองจำนวนหนึ่งเห็นลูกเติบโตช้า มักจะซื้อฮอร์โมนที่ใช้ในการเจริญเติบโตมาฉีดให้ลูก บางรายซื้อยาบำรุงและยาเจริญอาหารให้รับประทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ แม้ในประเทศไทยยังไม่เคยมีการศึกษาถึงผลกระทบในการกินยาประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ในต่างประเทศได้มีการศึกษาและผลการศึกษาพบว่าเด็กจะเจริญเติบโตได้ระดับหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็จะหยุดโต เพราะถ้าพันธุกรรมพ่อแม่เตี้ย ลูกก็จะไม่สามารถพัฒนาให้สูงใหญ่เหมือนกับเด็กที่มีพ่อแม่ตัวสูงใหญ่ได้
ดังนั้น อยากแนะนำให้เด็กที่มีรูปร่างเล็กเตี้ยหันมาออกกำลังกายและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะผลการวิจัยพบว่าการออกกำลังกายและนอนมีผลต่อการเจริญเติบโตมากกว่ารับประทานยา แต่สิ่งที่พบในบ้านเราก็คือเด็กส่วนใหญ่ขาดการออกกำลังกายและนอนน้อย
ด้านสุนิพนธ์ ภุมมางกูร นายกเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ปกติแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าคนไหนมีฮอร์โมนบกพร่อง ถึงจะสั่งให้รับประทานฮอร์โมนเสริมเพื่อให้เจริญเติบโตตามวัยที่ควรจะเป็น แต่ปัจจุบันกลับมีการซื้อขายฮอร์โมนกันอย่างโจ่งแจ้ง และผู้ซื้อเพียงต้องการให้เด็กสูงใหญ่ โดยไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมา
“จริงๆ แล้วผู้ที่กินฮอร์โมนควรเป็นผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนเท่านั้น คนปกติไม่ควรกิน เนื่องจากอาจมีสารตกค้างในร่างกายหรือฮอร์โมนที่กินอาจไปเร่งส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจนเกิดผิดปกติได้ อีกอย่างทำให้สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ ที่สำคัญบ้านเรายังไม่เคยมีการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบการกินฮอร์โมนในคนปกติ”
อาจารย์สุนิพนธ์ บอกด้วยว่า สมัยก่อนร้านขายยาจะขายให้เฉพาะผู้ที่ถือใบสั่งของแพทย์เท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าระบบการซื้อยาเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ควรมีการเข้มงวดมากขึ้น
เด็กไทยโตเร็วก่อนวัยอันควร
ประเด็นถัดมาคือ การรับประทานอาหารที่ใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งในความเป็นจริงนอกเหนือจาก “วัว” ดังที่ตกเป็นข่าวแล้ว “ไก่” ก็เป็นสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่อันตราย รวมทั้งการได้รับฮอร์โมนผ่านทางสิ่งแวดล้อมด้วย
ในเรื่องนี้ อาจารย์สุนิพนธ์ให้ความเห็นว่า หากมีสารตกค้างแล้วประชาชนนำมารับประทานอาจมีผลต่อร่างกายได้ ยกอย่างตัวอย่างเช่นที่เคยมีข่าวว่าเด็กผู้หญิงมีขนาดของหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นกว่าวัยอันควร ซึ่งหากเป็นไปได้ไม่อยากให้เกษตรกรใช้สารเร่ง หรือถ้าใช้ควรให้อยู่ในระยะพ้นอันตรายเสียก่อนที่จะนำไก่ออกมาจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
อย่างไรก็ตาม เพื่อลดปัญหาการสะสมของฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อซื้อเนื้อวัวหรือเนื้อไก่มาแล้ว ควรปรุงให้สุก เพราะฮอร์โมนบางอย่างสามารถละลายในความร้อนได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเหมือนกัน
ส่วน นพ.ไพจิตร์บอกว่า การที่เด็กได้รับฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกาย จะมีผลทำให้พัฒนาการการเติบโตในช่วงแรกเร็วมาก แต่จะหยุดการเจริญเติบโตก่อนถึงเวลาที่ควรจะเป็น เรียกว่า โตเร็วช่วงแรก และหลังจากนั้นจะไม่โตอีก ซึ่งคิดว่าการที่เด็กสมัยนี้โตเร็ว เด็กผู้หญิงมีประจำเดือนเร็ว อาจมีส่วนสัมพันธ์กับเรื่องการได้รับฮอร์โมนเหล่านี้เข้าไปก็ได้
....จากข้อมูลทั้งหมดเมื่อสืบค้นข้อมูลย้อนหลัง จะพบว่า มีการศึกษาชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ การศึกษาเรื่อง “ภาวะการเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัยอันควร” ซึ่งเป็นผลงานของ ศ.นพ.กิตติ อังศุสิงห์ จากโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
ข้อมูลของ ศ.นพ.กิตติบอกเอาไว้ว่า ปัจจุบันเด็กไทยอยู่ในภาวะของการเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัยเริ่ม “สูงขึ้น” โดยผู้หญิงจะมีเต้านมคลำได้เป็นไตก่อนอายุ 8 ปี บางคนมีประจำเดือนโดยไม่มีไตเต้านมอย่างใดอย่างหนึ่งในเด็กหญิง และในผู้ชายมีการเพิ่มขนาดของอัณฑะและองคชาติก่อนอายุ 9 ปี ที่สำคัญทั้งเด็กชายและเด็กหญิงมีอสุจิและรังไข่ จึงมีโอกาสให้กำเนิดบุตรได้
นอกจากนี้ เมื่อเด็กผู้หญิงก้าวสู่วัยสาวเร็วเกินไป จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งของเต้านมและมดลูกได้ ขณะเดียวกันการเจริญเติบโตเร็วผิดวัย อายุกระดูกเจริญเร็วกว่าอายุจริงของเด็ก เด็กเหล่านี้จะมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันในระยะต้น ๆ ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจะหยุดโตและจะเป็นผู้ใหญ่ที่เตี้ยในที่สุด ซึ่งภาวะของการที่เด็กเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัยพบมากในเพศหญิงมากกว่าชายประมาณ 8 เท่า และมักพบมีความผิดปกของคลื่นสมองร่วมด้วย
ตัวอย่างที่ ศ.นพ.กิตติพบก็คือ เด็กหญิงอายุ 9 ปี 6 เดือน เริ่มมีหน้าอกตั้งแต่อายุ 7 ปี 6 เดือน และมีประจำเดือนเมื่ออายุ 8 ปี หลังจากนั้นอีก 6 เดือนเริ่มมีขนที่หัวเหน่า ทั้งนี้ ในการตรวจในห้องปฏิบัติการพบว่า กระดูกของเด็กหญิงคนดังกล่าวมีอายุเหมือนเด็กอายุ 15 ปี จากความผิดปกตินี้เองแพทย์เร่งให้การรักษาอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้สภาพร่างกายเกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
หรือกรณีตรวจพบเด็กผู้ชายอายุ 3 ปี 4 เดือนมารับการตรวจรักษา เนื่องจากเติบโตเร็วผิดปกติ กล่าวคือ อวัยวะเพศโตผิดปกติคือมีขนาดขององคชาติยาว 6 เซนติเมตร ทั้งที่ในวัยเดียวกันจะมีขนาดเพียง 3 เซนติเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ลูกอัณฑะ 2 ข้างยังไม่เท่ากันด้วยคือข้างซ้ายขนาด 6 มิลลิเมตร ข้างขวา 2 มิลลิเมตร ซึ่งจากการซักประวัติ เด็กไม่ได้รับประทานยาบำรุงผสมฮอร์โมนใด ๆ แต่พอซักประวัติมารดาพบว่ามีประจำเดือนตอนอายุ 15 ปี”
ขณะเดียวกันยังมีตัวอย่างของเด็กชายอายุ 5 ปี ที่เข้ารับการรักษา ด้วยปัญหาเต้านมโตทั้งสองข้าง มีคล้ำ และภายหลังจากซักประวัติพบว่าเด็กได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นเวลานาน 2 เดือน เนื่องจากชอบไปเล่นในห้องที่พ่อใช้ฝังเอสโตรเจนในไก่เพื่อทำไก่ตอน ซึ่งเด็กมีโอกาสได้รับสารดังกล่าวทางปาก
ศ.นพ.กิตติสรุปเอาไว้ว่า การเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัยอันควรนั้น จะเปลี่ยนแปลงเฉพาะทางร่างกายเท่านั้น สติปัญญา ความนึกคิดและจิตใจเทียบเท่ากับอายุของเด็กเอง เด็กเหล่านี้จึงไม่มีความนึกคิดหรือสนใจในเพศตรงข้ามแต่อย่างใด แต่เด็กเหล่านี้มีโอกาสถูกล่อลวงทางเพศและเด็กหญิงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เด็กเหล่านี้มีอายุน้อยแต่รูปร่างสูงใหญ่จึงมักจะคบเพื่อนขนาดรูปร่างใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจมีปัญหาทำให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรตามมาด้วย