นักวิชาด้านการศึกษาตอบรับคำเชิญ “ดร.รุ่ง” เข้าร่วมเป็นทีมที่ปรึกษาช่วยปฏิรูปการศึกษา แต่ขอให้นำข้อสรุปที่ได้กำหนดเป็นนโยบายและปฎิบัติให้เห็นผลไม่ใช่เก็บใส่ลิ้นชักจะเสียเวลาเปล่า พร้อมเสนอตั้งคณะกรรมการฝ่ายวิชาการให้ ศธ. และเสนอปรับเปลี่ยนผู้บริหารสูงสุดของ 5 องค์กรหลักด้วย
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงกรณีที่ ดร.รุ่ง แก้วแดง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ระบุว่าจะเชิญตนและนักวิชาการร่วมเป็นที่ปรึกษาช่วยกันพัฒนาการศึกษาว่าส่วนตัวแล้วก็ยินดี และคิดว่าคนอื่น ๆ ก็คงไม่ปฏิเสธ เพราะอยากจะช่วยให้การปฏิรูปการศึกษาประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่ากระแสของการปฎิรูปการศึกษาน่าเป็นห่วงมาก มีแต่เชิงความขัดแย้งทางการเมือง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หลายฝ่ายจะต้องเข้าไปร่วมมือกัน
โดย ดร.รุ่ง จะเป็นตัวเชื่อมโยงและทำให้บรรยากาศดีขึ้น และคิดว่าเมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายด้านการศึกษาแล้ว นำนโยบายมานั่งถกกันกำหนดเป็นวาระ เลือกดูว่าอะไรที่วาระแห่งชาติ เร่งด่วนหรือเฉพาะหน้า จากนั้นกำหนดขั้นตอนยุทธศาสตร์ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาในลักษณะคณะกรรมการที่ปรึกษาวิชาการให้กับกระทรวงศึกษาธิการ
“นักวิชาการที่เคยทำงานกับ ดร.รุ่ง ห่างไประยะหนึ่งที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปลี่ยนตัวเลขาธิการ กิจกรรมทางวิชาการก็หายไปแบบขาดช่วง และที่ผ่านมา ศธ. จะทำงานแบบความเห็นจากข้างในออกไปข้างนอก แต่ ดร.รุ่ง จะมีแนวความคิดเหมือนกับนายกรัฐมนตรีที่ต้องฟังจากข้างนอกเข้าไปและเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่การเชิญประชุมแล้วเมื่อได้ข้อสรุปก็ควรนำไปสู่การปฎิบัติไม่ใช่จบเก็บไว้ไม่มีนำไปเป็นนโยบายเพื่อทำให้เห็นผลก็เสียเวลาเปล่า” อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว
รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ คิดว่านายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ดร.รุ่ง น่าจะลองปรึกษาพูดคุยกันดูถึงการปรับเปลี่ยนผู้บริหารสูงสุดของทั้ง 5 องค์กรหลักให้เหมาะสมกับงาน เพราะปัจจุบันเชื่อว่ายังไม่ได้ผู้บริหารที่เหมาะสมกับงานมากนัก เนื่องจากอาจขาดข้อมูลในการตัดสินใจ
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงกรณีที่ ดร.รุ่ง แก้วแดง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ระบุว่าจะเชิญตนและนักวิชาการร่วมเป็นที่ปรึกษาช่วยกันพัฒนาการศึกษาว่าส่วนตัวแล้วก็ยินดี และคิดว่าคนอื่น ๆ ก็คงไม่ปฏิเสธ เพราะอยากจะช่วยให้การปฏิรูปการศึกษาประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่ากระแสของการปฎิรูปการศึกษาน่าเป็นห่วงมาก มีแต่เชิงความขัดแย้งทางการเมือง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หลายฝ่ายจะต้องเข้าไปร่วมมือกัน
โดย ดร.รุ่ง จะเป็นตัวเชื่อมโยงและทำให้บรรยากาศดีขึ้น และคิดว่าเมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายด้านการศึกษาแล้ว นำนโยบายมานั่งถกกันกำหนดเป็นวาระ เลือกดูว่าอะไรที่วาระแห่งชาติ เร่งด่วนหรือเฉพาะหน้า จากนั้นกำหนดขั้นตอนยุทธศาสตร์ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาในลักษณะคณะกรรมการที่ปรึกษาวิชาการให้กับกระทรวงศึกษาธิการ
“นักวิชาการที่เคยทำงานกับ ดร.รุ่ง ห่างไประยะหนึ่งที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปลี่ยนตัวเลขาธิการ กิจกรรมทางวิชาการก็หายไปแบบขาดช่วง และที่ผ่านมา ศธ. จะทำงานแบบความเห็นจากข้างในออกไปข้างนอก แต่ ดร.รุ่ง จะมีแนวความคิดเหมือนกับนายกรัฐมนตรีที่ต้องฟังจากข้างนอกเข้าไปและเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่การเชิญประชุมแล้วเมื่อได้ข้อสรุปก็ควรนำไปสู่การปฎิบัติไม่ใช่จบเก็บไว้ไม่มีนำไปเป็นนโยบายเพื่อทำให้เห็นผลก็เสียเวลาเปล่า” อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว
รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ คิดว่านายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ดร.รุ่ง น่าจะลองปรึกษาพูดคุยกันดูถึงการปรับเปลี่ยนผู้บริหารสูงสุดของทั้ง 5 องค์กรหลักให้เหมาะสมกับงาน เพราะปัจจุบันเชื่อว่ายังไม่ได้ผู้บริหารที่เหมาะสมกับงานมากนัก เนื่องจากอาจขาดข้อมูลในการตัดสินใจ