“อดิศัย” สบช่องใช้ช่วงแต่งตั้ง ครม. เปิดผลสอบสวนทางวินัย “วรเดช จันทรศร” กรณีเปิดซองข้อสอบเอนทรานซ์ สรุปว่าเปิดซองข้อสอบจริงแต่ไม่มีการรั่วไหลและไม่สร้างผลเสียหายต่อทางราชการ เห็นควรให้งดโทษทางวินัยและให้ว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น ขณะที่ “ศศิธร อหิงสโก” ผอ.สำนักทดสอบกลาง ถูกภาคทัณฑ์ แต่งดโทษทางวินัยเช่นกัน เพราะรับตำแหน่งก่อนเกิดเรื่องเพียง 10 วัน
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ดร.อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เปิดแถลงผลการสอบสวนวินัยข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ กรณีข้อสอบคักเลือกบุคคลเพื่อเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา หรือ เอนทรานซ์รั่ว ซึ่งมีนายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยว่า ผลการสอบสวนวินัยข้าราชการพลเรือน 2 ราย คือ 1.ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการสภาการศึกษา กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้นำเอาซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา ซึ่งเป็นเอกสารลับของทางราชการมาเปิดดูและต่อมาได้นำต้นฉบับข้อสอบที่พิมพ์แล้ว มาเปิดตรวจดู พฤติกรรมดังกล่าว แตกต่างไปจากธรรมเนียมปฏิบัติ
2.นางศศิธร อหิงสโก ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักทดสอบกลาง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย โดยนำซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษาไปมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช เปิดซองต้นฉบับโดยมิได้ทักท้วงว่ามิชอบด้วยธรรมเนียมปฏิบัติ
คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า ศ.ร.ต.อ.วรเดช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ที่มีหน้าที่ประสานงานการคัดเลือกบุคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะอนุกรรมการประสานงานการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา และเป็นประธานกรรมการคณะกรรมการสร้างข้อสอบวัดความรู้เพื่อเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาจึงมีอำนาจตามกฎหมายที่จะเรียกข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาตรวจสอบดูได้ เพราะมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบออกข้อสอบให้มีคุณภาพ เหมาะสม
สอดคล้องกับนโยบายปฏิรูปการศึกษา แต่วิธีการปฏิบัติจะต้องเป็นไปตามธรรมเนียม และเป็นไปตามระเบียบแบบแผนแลธรรมเนียมของทางราชการ ซึ่งในกรณีนี้ไม่มีระเบียบกำหนดชัดเจน แต่ปฏิบัติตามธรรมเนียมของทางราชการ
คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า ศ.ร.ต.อ.วรเดช และนางศศิธร ให้การรับไว้ในชั้นสืบข้อเท็จจริงและในชั้นสอบสวน จึงถือว่า ศ.ร.ต.อ.วรเดชและนางศศิธร ได้ร่วมกันทำการเปิดซองข้อสอบทั้ง 2 ครั้งจริง แต่ไม่มีข้อสอบรั่วไหลแต่อย่างใด
สำหรับในประเด็นความเสียหายที่เกิดจากข้อสอบรั่ว
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังว่าข้อสอบไม่รั่ว ความเสียหายจึงไม่มี
ส่วนในประเด็นที่เกี่ยวกับระเบียบของทางราชการและมติของคณะรัฐมนตรีปรากฏว่า เรื่องนี้ไม่มีระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีว่าไว้โดยเฉพาะ ความเสียหายต่อระเบียบและมติคณะรัฐมนตรี จึงไม่มี แต่ธรรมเนียมปฏิบัติของทางราชการเกี่ยวกับในเรื่องนี้มีอยู่ และได้ปฏิบัติตามธรรมเนียมดังกล่าวต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เมื่อมีการฝ่าฝืนธรรมเนียมนี้จึงก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ในระดับที่ทำให้เสื่อมเสียศรัทธาในการจัดสอบวัดความรู้ เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย
ดังนั้น การกระทำของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช เป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ถือปฏิบัติตามธรรมเนียมของทางราชการ
อันเป็นความผิดตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 แม้จะฟังว่าการเปิดข้อสอบมีเหตุผลเพื่อขจัดการทุจริตเนื่องจากข้อสอบรั่ว แต่วิธีการที่จะดำเนินการก็มีอยู่หลายวิธีไม่จำเป็นต้องเปิดดูและหากจะเปิดดูก็ต้องมีคณะกรรมการออกข้อสอบอยู่ด้วย เพื่อป้องกันการครหา จึงถือนับว่าเป็นพฤติกรรมที่ตัดสินใจที่ขาดความรอบคอบ แม้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรงต่อทางราชการ แต่ส่งผลเสียหายข้างเคียงต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือขององค์กร
แต่เนื่องจาก ศ.ร.ต.อ.วรเดช ได้รับราชการมาเป็นระยะเวลานานและประกอบคุณงามความดี ทำประโยชน์ให้กับทางราชการและประเทศชาติมาแล้วมากมายทั้งการทำผิดครั้งนี้เป็นครั้งแรก จึงให้งดโทษทางวินัย โดยให้ว่ากล่าวตักเตือน ให้พึงระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้ถือปฏิบัติตามธรรมเนียมของราชการอย่างเคร่งครัดต่อไป
สำหรับนางศศิธรได้สนับสนุน ศ.ร.ต.อ.วรเดชโดยการนำข้อสอบซึ่งอยู่ในความครอบครองของตนมาให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชเปิด โดยรู้อยู่ว่าเป็นการกระทำที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติ แทนที่จะทักท้วงกลับไม่ทักท้วงการกระทำของนางศศิธรจึงเป็นการสนับสนุนให้การกระทำของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช อันเป็นความผิดตามมาตรา 91 ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 จึงเห็นควรลงโทษ ภาคทัณฑ์ แต่นางศศิธรเพิ่งรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักทดสอบกลางเมื่อ 20 มกราคม 2547 ก่อนเกิดเหตุเพียง 10 วัน อีกทั้งเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา จึงเห็นควรให้งดโทษทางวินัยและให้ว่ากล่าวตักเตือน
“สรุปว่างดโทษทางวินัย ศ.ร.ต.อ.วรเดชและนางศศิธร โดยให้ว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งผมได้เรียกทั้ง 2 คนมารับทราบผลการพิจารณาการสอบสวนและได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้วเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา” ดร.อดิศัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมจะพอใจกับผลการสอบสวนหรือไม่ ดร.อดิศัยกล่าวว่า “ผมไม่ทราบ ก็พิจารณากันตามข้อมูลและหลักฐานที่มีอยู่”