xs
xsm
sm
md
lg

ไล่ล่าหาความลับราหูยก 12 มี.ค. ปรากฏการณ์ใหญ่ที่เกิดทุก 18 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สังคมไทยกับเรื่องไสยศาสตร์นั้น ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ยากจะแยกกันออกได้ ด้วยเหตุนี้ บรรดาเครื่องรางของขลังต่างๆ จึงยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เช่นเดียวกับเรื่องของโชคชะตา ราศีและอิทธิพลของดวงดาว

ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ เป็นอีกวันหนึ่งที่คนที่เชื่อในเรื่องดังกล่าวให้ความสนใจ เพราะเป็นวันสำคัญในทางโหราศาสตร์ กล่าวคือ “ดาวราหู” จะย้ายจากราศีเมษเข้าราศีมีน ซึ่งผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างก็กำลังเตรียมพิธีบูชาราหูกันยักใหญ่ และวัดที่ได้รับการคาดหมายว่าจะมีผู้เดินทางไปบูชาราหูมากที่สุดใน พ.ศ.นี้ เห็นจะหนีไม่พ้น “วัดศีรษะทอง” จ.นครปฐม

ราหูมีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องบูชา คงต้องไปสืบสาวราวเรื่องเพื่อให้กระจ่างแจ้งกัน

นายลักษณ์ เรขานิเทศ หมอดูชื่อดังบอกว่า ตามหลักโหราศาสตร์ ราหูมี 2 ภาค ภาคหนึ่งรักษาโลก เป็นตัวแทนรักษาโลกให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข อีกภาคของราหู เป็นยักษ์ ซึ่งเกินเลือดกินเนื้อ โดยเฉพาะยามหิว
อย่างไรก็ดี สำหรับวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งราหูจะมีการเคลื่อนย้ายนั้น ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะตามหลักโหราศาสตร์ราหูเคลื่อนมาที่ราศีมีน ซึ่งเป็นธาตุลม จะไม่มีสถานการณ์อะไรร้ายแรงมากนัก แต่อยากเตือนคนที่เดินทางทางอากาศให้ระมัดระวังตัวบ้าง ระหว่างเดินทางอาจจะมีอากาศแปรปรวนตกหลุมอากาศบ้าง ส่วนทางทะเลอาจมีคลื่นลมทำให้ทะเลปั่นป่วนได้

สำหรับประชาชนแห่ไปไหว้ราหูที่วัดศีรษะทอง กันอย่างเนื่องแน่น หรือเซ่นไหว้ด้วยของดำ 8 อย่าง ตามหลักโหราศาสตร์นั้นไม่ถูกต้อง ประชาชนควรทำใจให้สงบสวดคาถาชินบัญชรเป็นเวลา 7 วัน หรือไหว้พระที่วัดไตรมิตรวิทยาราม ซึ่งมีพระนารายณ์ทรงครุฑ เพราะพระนารายณ์เปรียบเสมือนเทพพระเจ้าปราบมาร

ทั้งนี้ ที่แนะนำให้ไหว้วัดนี้เพราะเป็นวัดที่ได้มีการทำพิธีเซ่นไหว้ถูกต้องตามราชประเพณีโบราณ พระสงฆ์จะสวดบทนพพระเคราะห์ เพื่อปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บออกไป หรือสิ่งชั่วร้ายออกไปหมด

“ราหูจะเคลื่อนที่ทุกๆ 18 ปี ซึ่งมักจะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ต้องย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ว่าเมื่อ 18 ปีที่แล้วหรือปี 2530 มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับบ้านเมืองหรือประเทศชาติบ้าง”

ราหูย้ายมีผลกับบ้านเมืองหรือไม่

นายลักษณ์กล่าวต่อไปว่า เมื่อราหูเคลื่อนย้ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับดวงเมือง ตามหลักโหราศาสตร์จะมีการย้ายเมือง หมายถึงจะมีเมืองใหญ่เกิดขึ้น อย่างสมัยก่อนกรุงธนบุรีอ่อนแรงก็มาตั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งก็เฉกเช่นเดียวกันสนามบินดอนเมืองที่มีสภาพทรุดโทรมมากเกินกว่าจะปรับปรุงทำให้มีการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ พอมีการสร้างสนามบินใหม่บริเวณใกล้เคียงจะเกิดชุมชนใหม่ขึ้น

อีกอย่างเมืองไทยมีแนวโน้มจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องเพราะเมืองไทยเป็นเมืองสงบ เหมาะกับการตั้งฐานการผลิตด้านอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ดวงเมืองจะเจริญก้าวหน้ามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับดวงผู้นำประเทศด้วย หากดวงของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้มแข็งจะพาชาติและเศรษฐกิจไทยรุ่งเรือง

กำเนิดพระราหู

ส่วนประวัติและตำนานของพระราหูนั้น จากการสืบค้นข้อมูลของ “ผู้จัดการออนไลน์” ทำให้พบว่า เรื่องราวของราหูนั้นมีอยู่หลายภาคส่วนด้วยกัน

ตำนานแรกมีอยู่ว่า....เมื่อครั้งที่เทวดาและอสูรช่วยกันกวนเกษียรสมุทร เพื่อให้ได้น้ำอมฤตซึ่งเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะไม่มีวันตาย คือ มีชีวิตเป็นอมตะ แต่เมื่อได้น้ำอมฤตมาแล้ว พวกเทวดาเล่นไม่ซื่อเก็บน้ำอมฤตไว้ดื่มกันเองไม่แบ่งให้พวกอสูร

มีอสูรตนหนึ่งนามว่า "ราหู" ไม่ยอมให้เทวดาองค์ไหนเอาเปรียบได้ง่ายๆ เนื่องจากราหูมีร่างกายใหญ่โต แตกต่างจากอสูรทั้งหลายและมีอิทธิฤทธิ์มาก มีตำแหน่งเป็นถึงอุปราชแห่งอสูรพิภพ จึงไม่กลัวเกรงเทวดาหน้าไหนทั้งนั้น

อสูรราหูจึงได้ปลอมตัวเข้าไปปะปนกับพวกเทวดา และร่วมดื่มน้ำอมฤตด้วย แต่เนื่องจากอสูรไม่ใช่เทวดา จึงมีหางเป็นนาค หรือ งู เมื่อปลอมตัวเข้าไปเก็บหางไม่มิด จึงถูกพระอาทิตย์กับพระจันทร์จับได้ และนำเรื่องไปฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงพิโรธมากจึงขว้างจักรไปตัดตัวราหูขาดเป็นสองท่อน

แต่เนื่องจากราหูได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้วแม้ร่างจะขาดเป็นสองท่อนก็ยังไม่ตาย ท่อนบนที่เหลือครึ่งตัวยังเป็นราหูอยู่ ส่วนครึ่งตัวท่อนล่างได้กลายเป็นอสูรอีกตนหนึ่งชื่อว่า เกตุ (ดาวเกตุหนึ่งในกลุ่มดาวนพเคราะห์) ด้วยเหตุนี้ราหูจึงมีความอาฆาตพยาบาทต่อพระจันทร์และพระอาทิตย์เป็นอย่างมาก ถ้าพบกันเมื่อไหร่ก็จะพยายามกลืนกินทันที

ดังนั้น เมื่อเกิดจันทรคราส หรือ สุริยคราสขึ้นเมื่อใด คนโบราณก็จะบอกลูกหลานให้ช่วยกันตีเกราะเคาะไม้เพื่อให้ราหูตกใจ จะได้คายพระจันทร์ หรือ พระอาทิตย์ออกมา

นอกจากนิยามปรัมปราของชาวอินเดียแล้ว ยังมี นิยายของชาวไทย ช่วยแต่งเติมเรื่องราวเกี่ยวกับราหูอมจันทร์ให้วิจิตรพิสดารขึ้นไปอีก คือ เล่าเรื่องในอดีตชาติของอสูรราหู พระจันทร์ และพระอาทิตย์ไว้ว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเป็นศัตรูกันนี้ ทั้งสามเคยเกิดเป็นพี่น้องท้องเดียวกันมาก่อน โดยเกิดเป็นลูกเศรษฐี เมื่อบิดาเสียชีวิต บุตรทั้งสามได้นิมนต์พระมาทำบุญที่บ้าน พี่ชายคนโตตักบาตรด้วยขันทอง พี่ชายคนกลางตักบาตรด้วยขันเงิน ส่วนน้องคนเล็กตักบาตรด้วยกระบุง

ครั้นพี่น้องทั้งสามตายไป พี่ชายคนโตไปเกิดเป็นพระอาทิตย์ มีผิวสุกปลั่งเป็นสีทอง พี่ชายคนกลางไปเกิดเป็นพระจันทร์ มีผิวพรรณขาวนวลเป็นสีเงิน เพราะตักบาตรด้วยขันเงิน ส่วนน้องคนเล็กไปเกิดเป็นราหูมีร่างกายกำยำดำมืด เพราะตักบาตรด้วยกระบุง เมื่อพี่น้องทั้งสามเกิดมาแล้ว ระลึกชาติได้ สำหรับพี่ชายคนโตและคนกลางที่ได้เกิดใหม่เป็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ ต่างก็มีความพึงพอใจในสรีระอันงดงามของพวกตน

ยกเว้นน้องคนเล็กที่เกิดเป็นราหู รูปชั่วตัวดำ ให้รู้สึกน้อยใจนักที่ตนเองอุตส่าห์ทำบุญเหมือนกัน แต่มาถือกำเนิดในร่างกายที่น่าเกลียด จึงคิดอิจฉาพี่ชายทั้งสองที่งดงามกว่าตน ฉะนั้นยามใดที่มีโอกาสก็จะพยายามจับพระจันทร์ และพระอาทิตย์กลืนกินเสีย แต่ก็ไม่สำเร็จสักครั้งเพราะมนุษย์กลัวโลกจะมืดจึงส่งเสียงขับไล่ จนราหูทนฟังไม่ไหวต้องคายพระอาทิตย์ หรือ พระจันทร์ออกมา

วรรณกรรมทางพุทธศาสนาก็มีเรื่องราวกล่าวถึงราหูกลืนกินพระอาทิตย์ พระจันทร์ไว้เหมือนกัน โดยเล่าไว้ว่า ราหูกลัวพระพุทธเจ้ามาก เมื่อราหูจับพระจันทร์ได้ พระจันทร์ก็จะระลึกถึงพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงราหูว่า พระจันทร์ถือพระองค์เป็นที่พึ่งแล้ว ขอให้ปล่อยพระจันทร์เสีย เท่านั้นแหละ ราหูก็ตกใจปล่อยพระจันทร์ทันที เมื่อจับพระอาทิตย์ได้ก็เป็นอย่างเดียวกัน เพราะพระอาทิตย์ก็ถือพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งเช่นเดียวกัน

สำหรับของดำ 8 อย่างที่มีผู้นิยมนำไปไหว้ราหูประกอบด้วย 1.ไก่ดำหรือองุ่นดำ 2.เหล้าดำ 3.กาแฟดำ 4.เฉาก๊วย 5.ถั่วดำ 6.ข้าวเหนียวดำ 7.ขนมเปียกปูน และ 8.ไข่เยี่ยวม้า โดยมีความเชื่อว่าสามารถสะเดาะเคราะห์ได้



กำลังโหลดความคิดเห็น