คุณหญิงกษมาเผยวุฒิการศึกษาปลอมเกิดจากขาดหน่วยงานควบคุมดูแลใกล้ชิด หลายโรงเรียนปิดไปแล้วแต่ยังออกใบปราะกาศได้ ระบุข้อมูลจากผู้ตรวจราชการที่ลงไปดูพื้นที่ พบสถานศึกษาหลายแห่งมีนักเรียนน้อยจนน่าสงสัย แต่ยังเชื่อว่าแหล่งปลอมวุฒิการศึกษาไม่ได้มีมากอย่างที่เป็นข่าว เพียงแต่เปิดให้ร้องเรียนอย่างกว้างขวางซึ่งบางรายไม่มีหลักฐานใดๆ เลยด้วยซ้ำ
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามตรวจสอบสถานศึกษาที่ถูกระบุว่ามีการซื้อขายวุฒิการศึกษาปลอม ว่า ได้รับรายงานจากนายสมเกียรติ ชอบผล ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการซึ่งได้ไปตรวจสอบสถานศึกษาประมาณ 4-5 แห่ง ทั้งที่ถูกระบุและไม่ได้ถูกระบุว่ามีปัญหาเรื่องการซื้อขายวุฒิการศึกษา พบว่าบางสถานศึกษาไม่มีปัญหา การทำระบบทะเบียนบัญชีของนักเรียน นักศึกษาเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีหลายแห่งที่ถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจำนวนนักเรียน นักศึกษา ที่มีอยู่ในสถานศึกษาน้อยเกินไปจนไม่น่าที่จะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้หรือบางแห่งคุณภาพของอุปกรณ์การเรียนการสอนก็ไม่ดีเท่าที่ควร โดยบางแห่งมีนักศึกษาที่มาจากท้องถิ่นไกลๆ เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการสรุปผลในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งคงจะต้องมีการลงไปตรวจสอบในรายละเอียดอีกครั้งโดยจะมีการแก้ไขเป็นรายกรณีๆ ไป เช่น หากมีนักศึกษาในบางระดับน้อยเกินไป สถานศึกษาก็รับว่าอาจจะมีการปิดในระดับนั้นๆ ส่วนอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ไม่เพียงพอ ก็จะส่งศึกษานิเทศน์ลงไปช่วยดูว่าจะปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนอย่างไร เป็นต้น
นอกจากนั้นจะลงไปตรวจสอบเรื่องระบบทะเบียนต่างๆ ซึ่งได้ทราบจากนายอนุสรณ์ ไทยเดชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ว่าต่อไปจะมีการจัดทำสำเนาทะเบียนนักเรียน นักศึกษา มาเก็บไว้ที่ สช. ด้วย
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อไปอีกว่า จากข้อมูลที่ได้รับว่าสถานศึกษาบางแห่งมีการซื้อขายวุฒิปลอมนั้น หลายโรงเรียนได้ที่ปิดไปแล้ว ซึ่งจะนำเอาวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นมาประชุมร่วมกันและแก้ไขเฉพาะกรณีไป
ขณะเดียวกันก็จะนำประเด็นที่เป็นปัญหา 3-4 แห่งมาแก้ไขว่าระบบใหญ่จะทำอย่างไร ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาคือ การไม่มีคนดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ในเรื่องนี้การควบคุมดูแลคงจะต้องมีการหารือกับทางสมาคมโรงเรียนอาชีวเอกชนแห่งประเทศไทยที่มีความเป็นห่วงต่อเรื่องดังกล่าวอย่างมากและต้องการให้โรงเรียนทุกแห่งมีคุณภาพ
ต่อข้อถามว่า ต้องมีการตรวจสอบระบบบุคลากรภายในสถานศึกษาว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายวุฒิหรือไม่ คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ความบกพร่องที่เห็นได้ชัดคือขาดคนดูแล แต่หากมีชื่อเพิ่มเข้ามาโดยไม่ได้มาเรียนตรงนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับบุคลากรภายในด้วย แต่ในสถานศึกษาที่นายสมเกียรติไปตรวจสอบนั้น ยังไม่มีเรื่องเกี่ยวกับบุคคลภายในเพราะไปดูในพื้นที่ แต่ก็มีหลายกรณีที่แจ้งว่าทางโรงเรียนน่าจะถูกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็คงติดตามดูว่าทำไมจึงไม่มีการดำเนินการใดๆ กับโรงเรียนดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเทียบสัดส่วนระหว่าง สช. และสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) แล้วจะพบปัญหาที่ใดมากกว่ากัน คุณหญิงกษมา กล่าวว่า คงไม่สามารถเทียบได้เพราะไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าใดกันแน่ ของ กศน. ก็มีรายชื่อที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชส่งมาให้ตรวจสอบ และในส่วนของ สช. ก็มีรายชื่อที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ แต่ทั้งนี้จุดที่ดีที่สุดก็คือการช่วยกันสอดส่องดูแลและร่วมกันตรวจสอบ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับรายงานเข้ามาส่วนใหญ่ก็จะเป็นสถานศึกษาในต่างจังหวัด
ทั้งนี้การมีตัวเลข 13 หลัก จะช่วยตรวจสอบได้ดีที่สุด และควรมีการติดตามดูอย่างใกล้ชิดด้วย เวลาข่าวออกมาอาจจะดูว่ามีหลายแห่ง เพราะเปิดให้มีการแจ้ง ซึ่งคนก็แจ้งเข้ามาเป็นรายบุคคล แต่ไม่มีหลักฐานและชื่อโรงเรียนที่นอกเหนือจากเป็นข่าวไปนั้นก็ไม่มีที่ใดอีก ซึ่งก็เชื่อว่าคงไม่ได้แพร่หลายอย่างที่เราเป็นห่วงกัน ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเพียงแค่สงสัยแต่ไม่มีหลักฐาน
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามตรวจสอบสถานศึกษาที่ถูกระบุว่ามีการซื้อขายวุฒิการศึกษาปลอม ว่า ได้รับรายงานจากนายสมเกียรติ ชอบผล ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการซึ่งได้ไปตรวจสอบสถานศึกษาประมาณ 4-5 แห่ง ทั้งที่ถูกระบุและไม่ได้ถูกระบุว่ามีปัญหาเรื่องการซื้อขายวุฒิการศึกษา พบว่าบางสถานศึกษาไม่มีปัญหา การทำระบบทะเบียนบัญชีของนักเรียน นักศึกษาเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีหลายแห่งที่ถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจำนวนนักเรียน นักศึกษา ที่มีอยู่ในสถานศึกษาน้อยเกินไปจนไม่น่าที่จะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้หรือบางแห่งคุณภาพของอุปกรณ์การเรียนการสอนก็ไม่ดีเท่าที่ควร โดยบางแห่งมีนักศึกษาที่มาจากท้องถิ่นไกลๆ เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการสรุปผลในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งคงจะต้องมีการลงไปตรวจสอบในรายละเอียดอีกครั้งโดยจะมีการแก้ไขเป็นรายกรณีๆ ไป เช่น หากมีนักศึกษาในบางระดับน้อยเกินไป สถานศึกษาก็รับว่าอาจจะมีการปิดในระดับนั้นๆ ส่วนอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ไม่เพียงพอ ก็จะส่งศึกษานิเทศน์ลงไปช่วยดูว่าจะปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนอย่างไร เป็นต้น
นอกจากนั้นจะลงไปตรวจสอบเรื่องระบบทะเบียนต่างๆ ซึ่งได้ทราบจากนายอนุสรณ์ ไทยเดชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ว่าต่อไปจะมีการจัดทำสำเนาทะเบียนนักเรียน นักศึกษา มาเก็บไว้ที่ สช. ด้วย
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อไปอีกว่า จากข้อมูลที่ได้รับว่าสถานศึกษาบางแห่งมีการซื้อขายวุฒิปลอมนั้น หลายโรงเรียนได้ที่ปิดไปแล้ว ซึ่งจะนำเอาวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นมาประชุมร่วมกันและแก้ไขเฉพาะกรณีไป
ขณะเดียวกันก็จะนำประเด็นที่เป็นปัญหา 3-4 แห่งมาแก้ไขว่าระบบใหญ่จะทำอย่างไร ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาคือ การไม่มีคนดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ในเรื่องนี้การควบคุมดูแลคงจะต้องมีการหารือกับทางสมาคมโรงเรียนอาชีวเอกชนแห่งประเทศไทยที่มีความเป็นห่วงต่อเรื่องดังกล่าวอย่างมากและต้องการให้โรงเรียนทุกแห่งมีคุณภาพ
ต่อข้อถามว่า ต้องมีการตรวจสอบระบบบุคลากรภายในสถานศึกษาว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายวุฒิหรือไม่ คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ความบกพร่องที่เห็นได้ชัดคือขาดคนดูแล แต่หากมีชื่อเพิ่มเข้ามาโดยไม่ได้มาเรียนตรงนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับบุคลากรภายในด้วย แต่ในสถานศึกษาที่นายสมเกียรติไปตรวจสอบนั้น ยังไม่มีเรื่องเกี่ยวกับบุคคลภายในเพราะไปดูในพื้นที่ แต่ก็มีหลายกรณีที่แจ้งว่าทางโรงเรียนน่าจะถูกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็คงติดตามดูว่าทำไมจึงไม่มีการดำเนินการใดๆ กับโรงเรียนดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเทียบสัดส่วนระหว่าง สช. และสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) แล้วจะพบปัญหาที่ใดมากกว่ากัน คุณหญิงกษมา กล่าวว่า คงไม่สามารถเทียบได้เพราะไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าใดกันแน่ ของ กศน. ก็มีรายชื่อที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชส่งมาให้ตรวจสอบ และในส่วนของ สช. ก็มีรายชื่อที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ แต่ทั้งนี้จุดที่ดีที่สุดก็คือการช่วยกันสอดส่องดูแลและร่วมกันตรวจสอบ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับรายงานเข้ามาส่วนใหญ่ก็จะเป็นสถานศึกษาในต่างจังหวัด
ทั้งนี้การมีตัวเลข 13 หลัก จะช่วยตรวจสอบได้ดีที่สุด และควรมีการติดตามดูอย่างใกล้ชิดด้วย เวลาข่าวออกมาอาจจะดูว่ามีหลายแห่ง เพราะเปิดให้มีการแจ้ง ซึ่งคนก็แจ้งเข้ามาเป็นรายบุคคล แต่ไม่มีหลักฐานและชื่อโรงเรียนที่นอกเหนือจากเป็นข่าวไปนั้นก็ไม่มีที่ใดอีก ซึ่งก็เชื่อว่าคงไม่ได้แพร่หลายอย่างที่เราเป็นห่วงกัน ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเพียงแค่สงสัยแต่ไม่มีหลักฐาน