นายกฯ ส่งสารถึงสตรีเนื่องในวันสตรีสากล ยืนยันรัฐบาลพร้อมส่งเสริมบทบาทและศักยภาพของสตรีให้ได้รับการยอมรับและมีส่วนร่วมในการบริหารทุกมิติ ทั้งการเมืองเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ การกระทำความรุนแรงต่อสตรีและการใช้แรงงานสตรีอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมแสดงความเสียใจต่อสตรีและครอบครัวที่สูญเสียจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีสารเนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2548 ว่า ในโอกาสวันสตรีสากลปีนี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสตรีและครอบครัวที่ประสบความสูญเสียในเหตุการณ์ภัยพิบัติคลื่นยักษ์และจากสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีผลทำให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนไปเป็นจำนวนมาก แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราได้ประจักษ์ชัดว่าคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกันในยามยากลำบาก พลังน้ำใจตลอดจนความช่วยเหลือและความปรารถนาดีที่คนไทยทั้งประเทศได้มอบให้แก่ผู้ประสบความเดือดร้อนได้ช่วยสร้างพลังและกำลังใจในการลุกขึ้นสู้แก่ทุกคนต่อไป โดยเฉพาะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงห่วงใยและทรงให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน สมควรที่คนไทยจักได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เพื่อความผาสุกร่มเย็นและความก้าวหน้ารุ่งเรืองของแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักและหวงแหนยิ่งของเราทุกคนตลอดไป
สารของนายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมบทบาทและศักยภาพของสตรีให้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เนื่องจากตระหนักดีว่าสตรีเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า มีความสำคัญต่อการพัฒนาในทุกบริบทของสังคมและมีส่วนร่วมอย่างสำคัญต่อความสำเร็จของนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงพลังสตรีที่เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง รัฐบาลได้ยืนยันเจตนารมณ์ในการยกระดับสถานภาพสตรีด้วยการกำหนดนโยบายกลไก และมาตรการต่าง ๆ ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเอื้อโอกาสของสตรีในการเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม เพื่อคุ้มครองสิทธิและพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรีให้มั่นคงปลอดภัย รวมทั้งมุ่งขจัดภัยสังคมที่มีผลกระทบต่อสตรีและการแสวงหาประโยชน์จากสตรีโดยมิชอบ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติในการขจัดความรุนแรงต่อสตรีในทุกรูปแบบ และการใช้แรงงานสตรีอย่างไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสตรี รวมทั้งสนับสนุนให้สตรีมีสถานภาพและมีส่วนร่วมในการบริหารทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีสารเนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2548 ว่า ในโอกาสวันสตรีสากลปีนี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสตรีและครอบครัวที่ประสบความสูญเสียในเหตุการณ์ภัยพิบัติคลื่นยักษ์และจากสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีผลทำให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนไปเป็นจำนวนมาก แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราได้ประจักษ์ชัดว่าคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกันในยามยากลำบาก พลังน้ำใจตลอดจนความช่วยเหลือและความปรารถนาดีที่คนไทยทั้งประเทศได้มอบให้แก่ผู้ประสบความเดือดร้อนได้ช่วยสร้างพลังและกำลังใจในการลุกขึ้นสู้แก่ทุกคนต่อไป โดยเฉพาะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงห่วงใยและทรงให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน สมควรที่คนไทยจักได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เพื่อความผาสุกร่มเย็นและความก้าวหน้ารุ่งเรืองของแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักและหวงแหนยิ่งของเราทุกคนตลอดไป
สารของนายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมบทบาทและศักยภาพของสตรีให้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เนื่องจากตระหนักดีว่าสตรีเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า มีความสำคัญต่อการพัฒนาในทุกบริบทของสังคมและมีส่วนร่วมอย่างสำคัญต่อความสำเร็จของนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงพลังสตรีที่เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง รัฐบาลได้ยืนยันเจตนารมณ์ในการยกระดับสถานภาพสตรีด้วยการกำหนดนโยบายกลไก และมาตรการต่าง ๆ ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเอื้อโอกาสของสตรีในการเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม เพื่อคุ้มครองสิทธิและพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรีให้มั่นคงปลอดภัย รวมทั้งมุ่งขจัดภัยสังคมที่มีผลกระทบต่อสตรีและการแสวงหาประโยชน์จากสตรีโดยมิชอบ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติในการขจัดความรุนแรงต่อสตรีในทุกรูปแบบ และการใช้แรงงานสตรีอย่างไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสตรี รวมทั้งสนับสนุนให้สตรีมีสถานภาพและมีส่วนร่วมในการบริหารทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม