แพทย์ชี้สารพัดวิธีนมเด้งเสี่ยงมะเร็งเต้านม ระบุครีมนมเด้ง "ปุ๊กกี้" โฆษณาเกินจริง เต่งเพราะตบมากกว่าเพราะครีม ส่งผมให้โตวันเดียวแต่มะเร็งถามหา เตือนผู้บริโภคควรใช้วิจารณญาณในการใช้ แนะออกกำลังกายแต่งตัวเสริมบุคลิคดีระบุมาตรฐานเต้านมสาวไทยไม่น้อยหน้าต่างชาติ
กว่า

น.พ.ศุภกร โรจนนินทร์ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ ศรีษะ คอ และเต้านม รองคณะบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจกรรมพิเศษ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันมีคนนิยมที่จะทำให้ทรวดทรงดูดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะการ หาเทคนิคต่างๆเพื่อทำให้หน้าอกดูเต่งตึง กระชับ ไม่หย่อนคล้อยนั้น ขอเตือนว่าเทคนิควิธี การต่างๆ อาจก่อให้เกิดมะเร็งตามมา อาทิ การฉีดนมโดยการดูดไขมันจากส่วนใดส่วนหนึ่ง ของร่างกายมาฉีดเข้าสู่เต้านมหรือหน้าอก จะก่อให้เกิดอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก ไขมันที่นำมาเสริมหน้าอกไม่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง ส่งผลให้เกิดผังผืด และมีแคลเซียมเข้ามาจับตัว ในที่สุดแล้วก่อให้เป็นเกิดก้อนแข็งขึ้น เมื่อนานวันเข้าก้อนเนื้อขยายใหญ่และ กลายเป็นสารมะเร็งขึ้นในที่สุด
ส่วนการตบนม นวดนมนั้นก็เช่นเดียวกันเป็นไปไม่ได้เลยที่การตบนมหรือนวด นมแล้วจะทำให้ไขมันเกิดการเคลื่อนจากที่หนึ่งมาอยู่อีกที่หนึ่ง เพราะไขมันไม่มีทางย้ายได้ และหากว่าการตบหรือนวดแรงๆนานๆ ก็จะทำให้เกิดการคั่งตัวของสารน้ำ และทำให้เกิดการ อักเสบ มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเต่งตึงขึ้นมาระยะหนึ่งประมาณ 1 วัน หลังจากนั้นจะมีลักษณะ กลับไปเหมือนเดิม แต่ผลค้างเคียงที่ตามมาไขมันมีความอักอักเสบและบอบช้ำ ส่งผลให้ เกิดเป็นก้อนแข็งตัว และก่อให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน
“ปัจจุบันนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นสาว คิดกันว่าอวัยวะเต้านมไม่ ได้มีคุณสมบัติเพียงให้นมลูกอย่างเดียว แต่ต้องทำให้มีขนาดใหญ่ เต่งตึงสวยงาม เพื่อโชว์ และดึงดูดความสนใจด้วย วัยรุ่นหลายคนจึงพยามยามหาทางออกโดยวิธีการต่างๆ อาทิ การ ตบนม ฉีดนมและนวดนม โดยใช้บริการน้ำมัน ยา ครีมสารพัด แต่ไม่คำนึงถึงผลใกล้เคียงที่ จะตามมา ซึ่งผู้หญิงเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมีหน้าตาในสังคม ร่ำรวย อาทิ นางแบบ ดารา ไฮโซ เป็นต้น” น.พ.ศุภกร กล่าว
น.พ.ศุภกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีของ บ.เซ็น เฮิบ คอมเมติกส์ อินเตอร์ เนชั่นแนล ที่ระบุว่า ผลิตภัณธ์ของตัวผลิตจากกวาวเครือ สามารถนำมานวดโดยใช้เวลา เพียง 15-20 นาทีแล้วจะทำให้หน้าอกใหญ่เต่งตึง ไม่คล้อย และความห่างของหน้าอกจะแคบลงนั้น เห็นว่าการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นเรื่องไม่สมควร เนื่องจากภาพที่เห็นว่า หน้าอกตึงขึ้น ใหญ่ขึ้น และมีความห่างแคบลงนั้น ไม่ใช่เป็นผลมาจากยา แต่เกิดจากการนวด ซึ่งร่างกายเมื่อถูกกระตุ้นก็จะก่อให้เกิดการอักเสบ บวม มีสารน้ำคั่งและดูเหมือนว่า ยาที่ทานั้นเห็นผลได้ทันที เพราะเป็นลักษณะการบวมใหญ่ ตรงกันข้ามสารเอสโตรเจนในกวาวเครือ หากมีการนำมาใช้จริง ผลที่ได้ไม่น่าจะเกิน 20 % และต้องใช้เวลา 1 เดือน โดยมี ข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะหญิงสาวที่มีอายุไม่มากกว่า 24 ปี เพราะหลังจากนั้นจำนวนเซลส์จะไม่เพิ่มขึ้น และจะใช้ได้ผลไม่เหมือนกันในทุกกรณี เนื่องจากการตอบสนองของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่จะเห็นผล 100% นอกจากคนตั้งครรภ์ อีกอย่างหนึ่งปัจจุบันนั้นยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า กวาวเครือมีคุณสมบัติในทางการแพทย์เพียงแต่ใช้อารมณ์ ความรู้สึกเท่านั้น
“ขอเตือนผู้ที่ต้องการจะทำให้มันใหญ่ เต่งดึง ดูดีไม่หย่อนคล้อยนั้นใช้ วิจารญาณ หลักเหตุผลในการบริโภค เพื่อที่จะไม่ต้องเกิดผลข้างเคียง และเสียเปรียบในการบริโภค ถ้าอยากจะให้หน้าอกใหญ่ แต่งตึงดูดีนั้นควรหันไปออกกำลังกาย แต่งตัวเสริมบุคลิกจะดีกว่า" น.พ.ศุภกร กล่าว
ด้านรศ.นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ สาขาศัลยศาสตร์ ศีรษะคอเต้านม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ได้ศึกษาขนาดเต้านมของหญิงไทยจำนวนประมาณ 400 คน โดยเปรียบเทียบช่วงอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง วัดความยาวจากไหปลาร้าถึงหัวนม ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 18-19 เซนติเมตร วัดลานนมคือความยาวจากหัวนมถึงฐานนมตามความโค้ง ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 7-8 เซนติเมตร เช่น ความสูง 150 เซนติเมตร อายุ 20 ปี น้ำหนัก 45 กิโลกรัม ระยะจากไหปลาร้าถึงหัวนมเฉลี่ย 18.7 เซนติเมตร ผู้ที่มีระยะเฉลี่ยเท่านี้ถือว่าอยู่ในมาตรฐาน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคนต่างชาติที่มีอายุ ส่วนสูง น้ำหนักใกล้เคียงกัน พบว่าขนาดเต้านมของคนไทยไม่มีความแตกต่างกับต่างชาติ
รศ.นพ.อดุลย์ กล่าวว่า ผู้ที่มีขนาดเต้านมใหญ่เกินไปก่อทำให้เกิดอาการปวดไหล่ เพราะกล้ามเนื้อต้องแบกรับขนาดเต้านมที่ใหญ่และหนักตลอดเวลา สายรัดเสื้อชั้นในรัดหัวไหล่ บางคนมีปัญหาไม่กล้าวิ่ง เพราะถูกเพื่อนล้อเวลาเต้านมกระเพื่อม ทำให้ต้องเดินห่อไหล่ ปิดบังเต้านม ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ ที่ผ่านมาคนไข้ที่มาพบแพทย์ที่ศิริราชมีทั้งผู้ที่ขอผ่าตัดลดขนาดเต้านม และผู้ที่เต้านมเล็กขอทำศัลยกรรมเพิ่มขนาด
รศ.นพ.ศุภกร กล่าวย้ำว่า การทำศัลยกรรมหน้าอกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความปลอดภัย แพทย์จะใช้ถุงซิลิโคนเสริมเต้านม หากมีผลแทรกซ้อนสามารถผ่าตัดเอาถุงซิลิโคนออกได้ แต่พบว่าปัจจุบันมีหมอเถื่อนฉีดซิลิโคนเสริมเต้านมโดยตรง ทำให้ซิลิโคนกระจายทั่วเต้านม กลายเป็นก้อน เป็นไตตะปุ่มตะปุ่ม ไม่สามารถผ่าตัดออกได้เมื่อมีการอักเสบ เกิดผลแทรกซ้อนการรักษามีทางเดียวคือ ตัดเต้านมทิ้ง นอกจากนี้ พบว่ามีการดูดไขมันจากส่วนอื่น ๆ ไปฉีดเสริมเต้านม ซึ่งก่อนให้เกิดอันตรายเพราะไขมันที่ฉีดเข้าไปไม่มีเลือดไปเลี้ยง เกิดการอักเสบถึงขั้นต้องตัดเต้าทิ้งได้เช่นกัน
“การที่คนเราไม่พอใจสรีระของตนเองถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่คนผิดปกติ บางคนรักตัวเองมาก อยากให้สรีระดูดี ถือเป็นค่านิยม ไม่ใช่โรค เขามีส่วนอื่นดีแล้ว อยากมีเต้านมตามขนาดที่ต้องการก็มาทำศัลยกรรม ผู้ที่มารับบริการส่วนใหญ่เป็นดารา นางแบบ นักแสดงมากกว่าคนทั่วไป ต้องยอมรับว่าแต่ละคนมีความพอดีไม่เหมือนกัน” รศ.นพ.ศุภกร กล่าว และย้ำว่าหน้าที่หลักของเต้านมคือการให้นมลูก
กว่า
น.พ.ศุภกร โรจนนินทร์ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ ศรีษะ คอ และเต้านม รองคณะบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจกรรมพิเศษ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันมีคนนิยมที่จะทำให้ทรวดทรงดูดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะการ หาเทคนิคต่างๆเพื่อทำให้หน้าอกดูเต่งตึง กระชับ ไม่หย่อนคล้อยนั้น ขอเตือนว่าเทคนิควิธี การต่างๆ อาจก่อให้เกิดมะเร็งตามมา อาทิ การฉีดนมโดยการดูดไขมันจากส่วนใดส่วนหนึ่ง ของร่างกายมาฉีดเข้าสู่เต้านมหรือหน้าอก จะก่อให้เกิดอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก ไขมันที่นำมาเสริมหน้าอกไม่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง ส่งผลให้เกิดผังผืด และมีแคลเซียมเข้ามาจับตัว ในที่สุดแล้วก่อให้เป็นเกิดก้อนแข็งขึ้น เมื่อนานวันเข้าก้อนเนื้อขยายใหญ่และ กลายเป็นสารมะเร็งขึ้นในที่สุด
ส่วนการตบนม นวดนมนั้นก็เช่นเดียวกันเป็นไปไม่ได้เลยที่การตบนมหรือนวด นมแล้วจะทำให้ไขมันเกิดการเคลื่อนจากที่หนึ่งมาอยู่อีกที่หนึ่ง เพราะไขมันไม่มีทางย้ายได้ และหากว่าการตบหรือนวดแรงๆนานๆ ก็จะทำให้เกิดการคั่งตัวของสารน้ำ และทำให้เกิดการ อักเสบ มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเต่งตึงขึ้นมาระยะหนึ่งประมาณ 1 วัน หลังจากนั้นจะมีลักษณะ กลับไปเหมือนเดิม แต่ผลค้างเคียงที่ตามมาไขมันมีความอักอักเสบและบอบช้ำ ส่งผลให้ เกิดเป็นก้อนแข็งตัว และก่อให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน
“ปัจจุบันนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นสาว คิดกันว่าอวัยวะเต้านมไม่ ได้มีคุณสมบัติเพียงให้นมลูกอย่างเดียว แต่ต้องทำให้มีขนาดใหญ่ เต่งตึงสวยงาม เพื่อโชว์ และดึงดูดความสนใจด้วย วัยรุ่นหลายคนจึงพยามยามหาทางออกโดยวิธีการต่างๆ อาทิ การ ตบนม ฉีดนมและนวดนม โดยใช้บริการน้ำมัน ยา ครีมสารพัด แต่ไม่คำนึงถึงผลใกล้เคียงที่ จะตามมา ซึ่งผู้หญิงเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมีหน้าตาในสังคม ร่ำรวย อาทิ นางแบบ ดารา ไฮโซ เป็นต้น” น.พ.ศุภกร กล่าว
น.พ.ศุภกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีของ บ.เซ็น เฮิบ คอมเมติกส์ อินเตอร์ เนชั่นแนล ที่ระบุว่า ผลิตภัณธ์ของตัวผลิตจากกวาวเครือ สามารถนำมานวดโดยใช้เวลา เพียง 15-20 นาทีแล้วจะทำให้หน้าอกใหญ่เต่งตึง ไม่คล้อย และความห่างของหน้าอกจะแคบลงนั้น เห็นว่าการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นเรื่องไม่สมควร เนื่องจากภาพที่เห็นว่า หน้าอกตึงขึ้น ใหญ่ขึ้น และมีความห่างแคบลงนั้น ไม่ใช่เป็นผลมาจากยา แต่เกิดจากการนวด ซึ่งร่างกายเมื่อถูกกระตุ้นก็จะก่อให้เกิดการอักเสบ บวม มีสารน้ำคั่งและดูเหมือนว่า ยาที่ทานั้นเห็นผลได้ทันที เพราะเป็นลักษณะการบวมใหญ่ ตรงกันข้ามสารเอสโตรเจนในกวาวเครือ หากมีการนำมาใช้จริง ผลที่ได้ไม่น่าจะเกิน 20 % และต้องใช้เวลา 1 เดือน โดยมี ข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะหญิงสาวที่มีอายุไม่มากกว่า 24 ปี เพราะหลังจากนั้นจำนวนเซลส์จะไม่เพิ่มขึ้น และจะใช้ได้ผลไม่เหมือนกันในทุกกรณี เนื่องจากการตอบสนองของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่จะเห็นผล 100% นอกจากคนตั้งครรภ์ อีกอย่างหนึ่งปัจจุบันนั้นยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า กวาวเครือมีคุณสมบัติในทางการแพทย์เพียงแต่ใช้อารมณ์ ความรู้สึกเท่านั้น
“ขอเตือนผู้ที่ต้องการจะทำให้มันใหญ่ เต่งดึง ดูดีไม่หย่อนคล้อยนั้นใช้ วิจารญาณ หลักเหตุผลในการบริโภค เพื่อที่จะไม่ต้องเกิดผลข้างเคียง และเสียเปรียบในการบริโภค ถ้าอยากจะให้หน้าอกใหญ่ แต่งตึงดูดีนั้นควรหันไปออกกำลังกาย แต่งตัวเสริมบุคลิกจะดีกว่า" น.พ.ศุภกร กล่าว
ด้านรศ.นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ สาขาศัลยศาสตร์ ศีรษะคอเต้านม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ได้ศึกษาขนาดเต้านมของหญิงไทยจำนวนประมาณ 400 คน โดยเปรียบเทียบช่วงอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง วัดความยาวจากไหปลาร้าถึงหัวนม ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 18-19 เซนติเมตร วัดลานนมคือความยาวจากหัวนมถึงฐานนมตามความโค้ง ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 7-8 เซนติเมตร เช่น ความสูง 150 เซนติเมตร อายุ 20 ปี น้ำหนัก 45 กิโลกรัม ระยะจากไหปลาร้าถึงหัวนมเฉลี่ย 18.7 เซนติเมตร ผู้ที่มีระยะเฉลี่ยเท่านี้ถือว่าอยู่ในมาตรฐาน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคนต่างชาติที่มีอายุ ส่วนสูง น้ำหนักใกล้เคียงกัน พบว่าขนาดเต้านมของคนไทยไม่มีความแตกต่างกับต่างชาติ
รศ.นพ.อดุลย์ กล่าวว่า ผู้ที่มีขนาดเต้านมใหญ่เกินไปก่อทำให้เกิดอาการปวดไหล่ เพราะกล้ามเนื้อต้องแบกรับขนาดเต้านมที่ใหญ่และหนักตลอดเวลา สายรัดเสื้อชั้นในรัดหัวไหล่ บางคนมีปัญหาไม่กล้าวิ่ง เพราะถูกเพื่อนล้อเวลาเต้านมกระเพื่อม ทำให้ต้องเดินห่อไหล่ ปิดบังเต้านม ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ ที่ผ่านมาคนไข้ที่มาพบแพทย์ที่ศิริราชมีทั้งผู้ที่ขอผ่าตัดลดขนาดเต้านม และผู้ที่เต้านมเล็กขอทำศัลยกรรมเพิ่มขนาด
รศ.นพ.ศุภกร กล่าวย้ำว่า การทำศัลยกรรมหน้าอกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความปลอดภัย แพทย์จะใช้ถุงซิลิโคนเสริมเต้านม หากมีผลแทรกซ้อนสามารถผ่าตัดเอาถุงซิลิโคนออกได้ แต่พบว่าปัจจุบันมีหมอเถื่อนฉีดซิลิโคนเสริมเต้านมโดยตรง ทำให้ซิลิโคนกระจายทั่วเต้านม กลายเป็นก้อน เป็นไตตะปุ่มตะปุ่ม ไม่สามารถผ่าตัดออกได้เมื่อมีการอักเสบ เกิดผลแทรกซ้อนการรักษามีทางเดียวคือ ตัดเต้านมทิ้ง นอกจากนี้ พบว่ามีการดูดไขมันจากส่วนอื่น ๆ ไปฉีดเสริมเต้านม ซึ่งก่อนให้เกิดอันตรายเพราะไขมันที่ฉีดเข้าไปไม่มีเลือดไปเลี้ยง เกิดการอักเสบถึงขั้นต้องตัดเต้าทิ้งได้เช่นกัน
“การที่คนเราไม่พอใจสรีระของตนเองถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่คนผิดปกติ บางคนรักตัวเองมาก อยากให้สรีระดูดี ถือเป็นค่านิยม ไม่ใช่โรค เขามีส่วนอื่นดีแล้ว อยากมีเต้านมตามขนาดที่ต้องการก็มาทำศัลยกรรม ผู้ที่มารับบริการส่วนใหญ่เป็นดารา นางแบบ นักแสดงมากกว่าคนทั่วไป ต้องยอมรับว่าแต่ละคนมีความพอดีไม่เหมือนกัน” รศ.นพ.ศุภกร กล่าว และย้ำว่าหน้าที่หลักของเต้านมคือการให้นมลูก