กศน.ระบุวุฒิการศึกษาปลอมออกมาจากโรงเรียนผู้ใหญ่ที่ปัจจุบันเริ่มทยอยยุบเลิกไปแล้ว แต่ยังไม่ยอมคืนตรายาง ระบุราคาขายวุฒิปลอมหลักหมื่นขึ้นไป และไม่สามารถติดตามได้เพราะไม่มีหลักแหล่งและให้ไว้เฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือ เตรียมจัดทำฐานข้อมูลนักศึกษาที่จบจริง ขณะที่ปลัดให้เวลา 1 เดือนในการตรวจสอบวุฒิการศึกษาตามที่ มสธ.ยื่นขอให้ตรวจสอบ
ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนางานการศึกษานอกโรงเรียน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ รศ.ดร.ประภาพรรณ เอี่ยมสุภาษิต รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) และนายคมสัน โพธิ์คง ผู้ช่วยอธิการบดี มสธ.เพื่อหารือการดำเนินตรวจสอบวุฒิการศึกษาจากสถานศึกษาในสังกัดหน่วยงานของสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ที่นำวุฒิการศึกษามาเป็นหลักฐานการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยว่า
ที่ประชุมได้มีข้อตกลงร่วมกันระหว่าง กศน.และ มสธ.ว่า มสธ.จะส่งหลักฐานของนักศึกษาที่ทาง มสธ.สงสัยว่าจะใช้วุฒิปลอมให้ กศน.ตรวจสอบซ้ำ หลังจากที่เคยส่งมาให้ กศน.ตรวจสอบประมาณ 40 กว่ารายแล้ว โดยมีบางส่วนที่ทาง กศน.ได้ตอบฟันธงกลับไปว่าเป็นวุฒิปลอม แต่มีบางส่วนที่ยังไม่แน่ใจ
“ที่ผ่านมารายชื่อที่ มสธ.สงสัยว่าจะใช้วุฒิปลอมแล้วส่งมาให้ กศน.ตรวจสอบแล้วก็พบว่าส่วนใหญ่เป็นวุฒิปลอมจริงแสดงให้เห็นว่า มสธ.มีระบบการตรวจสอบที่ค่อนข้างแม่นยำ และน่าเชื่อถือ และเท่าที่ตรวจสอบที่มาของวุฒิการศึกษาปลอมที่ระบุว่ามาจาก กศน.นั้น พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่จบจากโรงเรียนผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นหน่วยจัดของ กศน. แต่ปัจจุบันโรงเรียนผู้ใหญ่ส่วนมากจะยุบเลิกไปแล้ว ปัจจุบันจะเหลือเพียงไม่กี่โรง ซึ่งโรงเรียนผู้ใหญ่ที่ยุบเลิกไปแล้วจะต้องส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดพร้อมตรายางคืนมาที่ กศน.แต่ปรากฎว่ามีบางโรงที่ไม่ส่งคืนและมีการแอบเอาหลักฐานพร้อมตรายางไปปลอมวุฒิการศึกษาขาย ซึ่งมีข่าวลือว่าขายในราคาหลักหมื่นบาทและ กศน ก็กำลังติดตามโรงเรียนที่ยังมีพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ แต่เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้จะไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและมีการติดต่อกับลูกค้าทางโทรศัพท์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่จึงค่อนข้างยากที่จะติดตามได้” ดร.ชัยยศ กล่าว
ผอ.กลุ่มพัฒนางาน กศน. กล่าวอีกว่า กศน.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อยืนยันสถานภาพนักศึกษาที่ มสธ.ขอให้ตรวจสอบอีกครั้งตามระยะเวลาที่คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการให้เวลาในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวรายละไม่เกิน 1 เดือน
ขณะเดียวกัน กศน.จะให้สถานศึกษาในสังกัดร่วมกันสำรวจว่ามีสถานศึกษาใดบ้างที่มีพฤติกรรมหลอกลวง เพื่อขึ้นบัญชีดำและแจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อให้มีการตรวจสอบการรับนักศึกษาที่ได้รับวุฒิเหล่านั้นอย่างเข้มงวด ซึ่ง กศน.กำลังพัฒนาโปรแกรมเก็บข้อมูลของนักศึกษาไว้ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้การตรวจสอบมีความชัดเจนและสะดวกมากขึ้น
“ที่น่าสงสารก็คือ กลุ่มที่ถูกหลอกมาจากโรงเรียนกวดวิชาโดยหลอกให้ลงทะเบียนและซื้อสื่อสุดท้ายก็ออกหลักฐานวุฒิการศึกษาปลอมให้ นอกจากนี้เรื่องของวุฒิการศึกษาปลอมตามกฎหมายถือว่ามีความผิดทั้งผู้ออกให้และคนที่นำไปใช้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ กรณีของ มสธ.หากต้องการแจ้งความทาง กศน.ก็อาจจะเป็นโจทก์ร่วมก็ได้”ดร.ชัยยศกล่าว
ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนางานการศึกษานอกโรงเรียน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ รศ.ดร.ประภาพรรณ เอี่ยมสุภาษิต รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) และนายคมสัน โพธิ์คง ผู้ช่วยอธิการบดี มสธ.เพื่อหารือการดำเนินตรวจสอบวุฒิการศึกษาจากสถานศึกษาในสังกัดหน่วยงานของสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ที่นำวุฒิการศึกษามาเป็นหลักฐานการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยว่า
ที่ประชุมได้มีข้อตกลงร่วมกันระหว่าง กศน.และ มสธ.ว่า มสธ.จะส่งหลักฐานของนักศึกษาที่ทาง มสธ.สงสัยว่าจะใช้วุฒิปลอมให้ กศน.ตรวจสอบซ้ำ หลังจากที่เคยส่งมาให้ กศน.ตรวจสอบประมาณ 40 กว่ารายแล้ว โดยมีบางส่วนที่ทาง กศน.ได้ตอบฟันธงกลับไปว่าเป็นวุฒิปลอม แต่มีบางส่วนที่ยังไม่แน่ใจ
“ที่ผ่านมารายชื่อที่ มสธ.สงสัยว่าจะใช้วุฒิปลอมแล้วส่งมาให้ กศน.ตรวจสอบแล้วก็พบว่าส่วนใหญ่เป็นวุฒิปลอมจริงแสดงให้เห็นว่า มสธ.มีระบบการตรวจสอบที่ค่อนข้างแม่นยำ และน่าเชื่อถือ และเท่าที่ตรวจสอบที่มาของวุฒิการศึกษาปลอมที่ระบุว่ามาจาก กศน.นั้น พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่จบจากโรงเรียนผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นหน่วยจัดของ กศน. แต่ปัจจุบันโรงเรียนผู้ใหญ่ส่วนมากจะยุบเลิกไปแล้ว ปัจจุบันจะเหลือเพียงไม่กี่โรง ซึ่งโรงเรียนผู้ใหญ่ที่ยุบเลิกไปแล้วจะต้องส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดพร้อมตรายางคืนมาที่ กศน.แต่ปรากฎว่ามีบางโรงที่ไม่ส่งคืนและมีการแอบเอาหลักฐานพร้อมตรายางไปปลอมวุฒิการศึกษาขาย ซึ่งมีข่าวลือว่าขายในราคาหลักหมื่นบาทและ กศน ก็กำลังติดตามโรงเรียนที่ยังมีพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ แต่เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้จะไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและมีการติดต่อกับลูกค้าทางโทรศัพท์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่จึงค่อนข้างยากที่จะติดตามได้” ดร.ชัยยศ กล่าว
ผอ.กลุ่มพัฒนางาน กศน. กล่าวอีกว่า กศน.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อยืนยันสถานภาพนักศึกษาที่ มสธ.ขอให้ตรวจสอบอีกครั้งตามระยะเวลาที่คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการให้เวลาในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวรายละไม่เกิน 1 เดือน
ขณะเดียวกัน กศน.จะให้สถานศึกษาในสังกัดร่วมกันสำรวจว่ามีสถานศึกษาใดบ้างที่มีพฤติกรรมหลอกลวง เพื่อขึ้นบัญชีดำและแจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อให้มีการตรวจสอบการรับนักศึกษาที่ได้รับวุฒิเหล่านั้นอย่างเข้มงวด ซึ่ง กศน.กำลังพัฒนาโปรแกรมเก็บข้อมูลของนักศึกษาไว้ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้การตรวจสอบมีความชัดเจนและสะดวกมากขึ้น
“ที่น่าสงสารก็คือ กลุ่มที่ถูกหลอกมาจากโรงเรียนกวดวิชาโดยหลอกให้ลงทะเบียนและซื้อสื่อสุดท้ายก็ออกหลักฐานวุฒิการศึกษาปลอมให้ นอกจากนี้เรื่องของวุฒิการศึกษาปลอมตามกฎหมายถือว่ามีความผิดทั้งผู้ออกให้และคนที่นำไปใช้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ กรณีของ มสธ.หากต้องการแจ้งความทาง กศน.ก็อาจจะเป็นโจทก์ร่วมก็ได้”ดร.ชัยยศกล่าว