หากกล่าวถึง “ตลาดดอกไม้สด” แล้ว คงไม่มีที่ไหนเกิน “ปากคลองตลาด” เพราะที่นี่ทั้งใหญ่ สด หลากหลาย และราคาไม่แพง ซึ่งในช่วงเทศกาลแห่งความรัก-วาเลนไทน์ 14 ก.พ.ปีนี้ ปากคลองตลาดก็ยังคงเป็นแหล่งนัดพบของบรรดา “คนมีรัก” เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา
อั้ม หนุ่มน้อยลูกพ่อขุน นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ลูกค้าประจำตลาดปากคลองออกมาเดินเลือกดอกกุหลาบสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันของวันที่ 13 ก.พ.เช่นเดียวกับหนุ่มสาวคนอื่นๆ โดยอั้มซื้อดอกกุหลาบทั้งหมด 3 มัด 3 สีด้วยกัน คือ แดง ขาวและชมพู ตั้งใจจะนำไปจัดช่อมอบให้กับคนพิเศษ ส่วนเพื่อนๆ คงจะให้เป็นดอกกุหลาบดอกเดียว
นอกจากนี้ อั้มยังซื้อกุหลาบจากปากคลองเพื่อนำไปขายในมหาวิทยาลัยด้วย เพราะเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่มีเวลาออกมาซื้อหาดอกไม้และได้ไม่พลาดโอกาส ให้ดอกไม้กับคนรู้ใจในวันแห่งความรัก
“ผมมาซื้อเป็นประจำทุกปีครับ แต่ละปีจะซื้อดอกไม้ประมาณ 700-800 บาท ช่วงก่อนวันวาเลนไทน์จะต้องมาซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดเพราะราคาถูกและมีของให้เลือกเยอะครับ ปีนี้ซื้อไปขายด้วย 150 ดอก”
ส่วน เจม นักเรียนจากโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหอวัง ได้กุหลาบฮอลแลนด์ก้านยาว ดอกโต จัดมัดเข้าช่อแซมด้วยยิปโซขาวดอกเล็กดูน่ารักติดมือกลับบ้าน บอกว่า ตั้งใจมาเดินเลือกดูดอกกุหลาบเพื่อนำไปมอบให้กับคนพิเศษ และมาถูกใจดอกกุหลาบแดงนำเข้าจากแดนกังหันลม ซึ่งราคาไม่สูงมากนักแค่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น เชื่อว่าคนได้รับคงชอบและรู้สึกดีกับสิ่งที่เตรียมไว้ให้ในวันแห่งความรัก
นอกจากดอกกุหลาบที่เลือกเองกับมือแล้ว เจมยังเตรียมตุ๊กตาหมีไว้มอบให้กับคนรักอีกด้วย ส่วนเพื่อนๆ นั้น เจมตั้งใจซื้อกุหลาบไทยที่ขายเป็นมัดไปให้กับคนละดอก
ด้าน กอล์ฟ เด็กหนุ่มจากโรงเรียนศรีบุญยานนท์ ที่ยอมฝ่าฟันอากาศร้อนมาเดินเลือกหาดอกไม้ให้กับหวานใจ เปิดเผยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมชูช่อดอกกุหลาบสีขาวแซมด้วยดอกไม้สีม่วงนวลตาในมือให้ดู
“ชอบช่อนี้ครับ เห็นแล้วก็ปิ๊งเลย สีสวยดี ราคา 350 ผมตั้งงบประมาณที่จะซื้อดอกไม้ให้เค้าไว้ประมาณนี้แหละครับ ออกมาเดินตั้งแต่ 11 โมง เกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว ที่ซื้อให้แฟนไม่ได้ทำตามแฟชั่น แต่ให้เพราะผมอยากให้ วันแห่งความรักผมก็อยากจะให้เขารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรกับเขาครับ”
จากการสำรวจตลาดปากคลองในวันแห่งความรักปีนี้ แม่ค้า พ่อขายต่างออกปากบ่นว่า ราคาดอกไม้ต่ำลงกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ซื้อต่างเริงร่าเพราะได้ดอกไม้ราคาย่อมเยา ส่วนดอกกุหลาบนำเข้าจากต่างประเทศที่เคยเข้ามาตีตลาดดอกไม้ไทยแตกกระเจิงในช่วง 2-3 ปีก่อน ปีนี้ลดความนิยมลงเพราะกุหลาบไทยพัฒนาขึ้นมาได้คุณภาพดอก ก้าน ใบใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่าเยอะ
เจ้าของร้านต้องตา ฟลอริสท์ บอกว่า ก่อนวาเลนไทน์มีลูกค้าทยอยสั่งออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ ส่วนราคาขึ้นอยู่กับเกรดและดอกไม้ที่ลูกค้าเลือก โดยราคาดอกไม้จะเพิ่มสูงขึ้น 1-2 เท่าเหมือนกับทุกปี แต่ปีนี้ราคาคงไม่สูงมากเนื่องจากดอกไม้ในตลาดมีมาก
ส่วน “บุษกร” เจ้าของร้านดอกไม้ “นานาฟลอร่า” ศูนย์รวมพันธ์ดอกไม้สดเมืองหนาว บอกว่า ดอกไม้ที่สั่งเข้าเป็นดอกกุหลาบจีนสีแดง ขาว ดอกกุหลาบพันธุ์จากฮอลแลนด์ รวมทั้งดอกกุหลาบในประเทศ ซึ่งดอกกุหลาบเชียงใหม่ ดอกละ 20-30 บาท ส่วนดอกกุหลาบจีนจะมีขนาดดอกใหญ่พอๆ กับดอกกุหลาบฮอลแลนด์ แต่ไม่แข็งแรงเท่า ราคา 30-40 บาท ขณะที่กุหลาบฮอลแลนด์ราคาดอกละ 200-300 บาท แต่คนไม่ค่อยนิยมนักเพราะราคาสูง
สำหรับร้านย่อยที่เรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง แม่ค้าสาวรายหนึ่ง บอกว่า ดอกกุหลาบมีหลายพันธุ์ที่นิยมซื้อ-ขาย ก็มีพันธุ์กาล่าไร้หนาม สปอตไร้หนาม และพันธุ์ธรรมดา มีการคัดเกรด แบ่งเป็น ไม้คัดเกรด และไม้รอง หากเป็นกุหลาบแดงพันธุ์ไร้หนามราคาอยู่ที่ประมาณกำละ 180 บาท ส่วนดอกไม้ที่มีราคาสูงจะเป็นกุหลาบแดงคัดเกรดมีก้านยาว ดอกใหญ่ และมีตาข่ายพลาสติกคลุม ดอกละ 20-30 บาท ซึ่งราคาดอกไม้จะเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 13 ก.พ.
ไกลกังวล สุดสวาท หนุ่มขายดอกไม้วัย 29 ปี แนะช่วงเวลาในการเลือกซื้อดอกไม้ว่า ดอกกุหลาบจะราคาแพงขึ้นช่วงวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ เนื่องจากจะมีร้านดอกไม้ออกซื้อดอกกุหลาบไปขายปลีก ส่วนวันที่ 14 ก.พ. ราคาจะถูกลงเพราะร้านค้าต่างต้องการขายดอกไม้ออกไปให้หมด ดังนั้น ถ้ามาเลือกซื้อดอกกุหลาบให้คนรักในวันวาเลนไทน์ ควรมาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เลยดีกว่า เพราะราคาจะไม่แพงมากนักแถมยังได้กุหลาบแบบสดๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การซื้อหาดอกไม้ก็แตกต่างกันไปตามช่วงวัย วัยรุ่น-วัยกระเตาะ นิยมซื้อดอกไม้ที่จัดเป็นช่อเรียบร้อยไว้เลย แม้จะต้องจ่ายแพงแต่ก็สวยถูกใจและไม่ต้องเสียเวลาทำเอง ขณะที่หนุ่มสาวระดับอุดมศึกษาถึงวัยทำงานต่างหันหน้าเข้าหากุหลาบไทยที่มัดขายเป็นกำๆ เพื่อนำไปจัดช่อเอง สีกุหลาบที่มาแรงยังคงเป็นแดง ขาวและชมพูเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
