น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์ กล่าวว่า ผู้หญิงและผู้ชายย่างก้าวเข้าสู่วัยทอง จะคล้ายๆ กันคือ ผู้ชายจะขาดฮอร์โมนเพศชาย ส่วนผู้หญิงก็ขาดฮอร์โมนเพศหญิง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยสังเกตจาก 4 องค์ประกอบสำคัญ คือ ทางด้านจิตใจ ร่างกาย ความรู้สึกทางเพศ และการปรับตัวทางด้านสังคมที่เกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ คนในวัยนี้จะมีอาการซึมเศร้า ขาดความรู้สึกกระตือรือร้น อารมณ์แปรปรวน และขาดสมาธิ ส่วนด้านร่างกาย สังเกตได้จากเส้นผมบางลง มีสีขาว สายตาจะเริ่มมองเห็นไม่ชัดเจน ความจำเริ่มถดถอยลดลง ขณะที่ความรู้สึกทางเพศจะลดลง เบื่อหน่ายเรื่องเพศ อาจส่งผลต่อความสุขในการดำเนินชิตคู่ได้ สำหรับด้านสังคมจะทำให้คนใกล้ชิดเบื่อหน่ายเพราะอารมณ์แปรปรวนของคนวัยทองเอง
ดังนั้น คนวัยนี้จะต้องรู้จักสร้างทางเลือกสำหรับตนเอง รู้จักปรับและเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันทุกๆ ด้านนั้น เช่น พักผ่อนให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้สร้างฮอร์โมนอย่างเต็มที่ เพราะภายหลังที่ผู้หญิงหมดประจำเดือนตามธรรมชาติไปแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะน้อยลง ภายใน 6 ปีหลังจากหมดประจำเดือน สตรีอาจมีกระดูกบางลงได้ถึงหนึ่งในสามจากของเดิม และยังเสี่ยงต่อโรคของระบบหัวใจและหลอดเหลือดสูงขึ้นได้เช่นกัน ส่วนผู้ชายจะขาดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะโรคกระดูกพรุนได้เช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ คนในวัยนี้จะมีอาการซึมเศร้า ขาดความรู้สึกกระตือรือร้น อารมณ์แปรปรวน และขาดสมาธิ ส่วนด้านร่างกาย สังเกตได้จากเส้นผมบางลง มีสีขาว สายตาจะเริ่มมองเห็นไม่ชัดเจน ความจำเริ่มถดถอยลดลง ขณะที่ความรู้สึกทางเพศจะลดลง เบื่อหน่ายเรื่องเพศ อาจส่งผลต่อความสุขในการดำเนินชิตคู่ได้ สำหรับด้านสังคมจะทำให้คนใกล้ชิดเบื่อหน่ายเพราะอารมณ์แปรปรวนของคนวัยทองเอง
ดังนั้น คนวัยนี้จะต้องรู้จักสร้างทางเลือกสำหรับตนเอง รู้จักปรับและเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันทุกๆ ด้านนั้น เช่น พักผ่อนให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้สร้างฮอร์โมนอย่างเต็มที่ เพราะภายหลังที่ผู้หญิงหมดประจำเดือนตามธรรมชาติไปแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะน้อยลง ภายใน 6 ปีหลังจากหมดประจำเดือน สตรีอาจมีกระดูกบางลงได้ถึงหนึ่งในสามจากของเดิม และยังเสี่ยงต่อโรคของระบบหัวใจและหลอดเหลือดสูงขึ้นได้เช่นกัน ส่วนผู้ชายจะขาดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะโรคกระดูกพรุนได้เช่นกัน