ถ้าคุณซื้อรถใหม่ป้ายแดง ราคาคันละล้านกว่าบาท แต่ถอยออกมาใช้ได้ไม่ทันจะข้ามเดือน ปรากฏว่าต้องเอาเข้าอู่ซ่อมอาทิตย์เว้นอาทิตย์ คุณจะทำอย่างไร
ก. ก้มหน้ารับกรรมถือเป็นโชคร้ายของเรา แล้วให้ศูนย์บริการ ซ่อม แก้ไขอาการไปเรื่อย ๆ
ข. ยอมรับข้อเสนอของบริษัทที่จะรับผิดชอบด้วยการขยายระยะเวลารับประกันออกไปอีก
ค. ยืนยันขอเปลี่ยนรถคันใหม่ เพราะตั้งใจซื้อรถมาใช้ไม่ได้ซื้อมาให้ซ่อม
ง. ขอเงินคืนแล้วไปซื้อ รถยี่ห้ออื่น ดีกว่า
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องทนกล้ำกลืนเลือก ข้อ ก.หรือ ข. ทั้งที่ใจจริงอยากจะเลือกข้อ ค. หรือ ง. แต่ไม่รู้จะเจรจาต่อรองกับบริษัทอย่างไร ก็ในเมื่อบริษัทยืนกรานอย่างเดียวว่าซ่อมได้และจะซ่อมให้ ไม่มีทางที่บริษัทจะเปลี่ยนรถ หรือคืนเงินให้คุณได้ เพราะรถคันหนึ่งราคาเป็นแสนเป็นล้าน ไม่ใช่สินค้าขายตรงทางทีวี ที่ไม่พอใจสินค้าก็ยินดีคืนเงิน
ก็เพราะรถยนต์ในบ้านเราราคาคันหนึ่งไม่ใช่ถูกนี่แหละ ที่ทำให้ผู้บริโภคหลายคนตั้งคำถามย้อนกลับว่า ก็แล้วทำไมจะต้องยอมเขาล่ะ กับสินค้าราคาไม่เท่าไรเขายังรับผิดชอบ แล้วนี่เราเสียเงินเป็นล้านเป็นแสนแล้วทำไมต้องมาทนใช้รถที่มีปัญหา
หลายคนจึงลุกขึ้นมาทวงสิทธิของตนในฐานะผู้บริโภค จนบริษัทรถยนต์ต้องรับผิดชอบคืนเงิน หรือเปลี่ยนรถให้ใหม่ตามที่เรียกร้อง ดังนั้น ผู้บริโภคจึงไม่จำเป็นต้องทนแบกรับปัญหาในลักษณะนี้อีกต่อไป
ในเรื่องการซื้อขาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๗๒ “ในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งขายนั้นชำรุดบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด
ความที่กล่าวมาในมาตรนี้ย่อมใช้ได้ ทั้งที่ผู้ขายรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ว่าความชำรุดบกพร่องมีอยู่”
ดังนั้น หากรถใหม่ป้ายแดงที่ซื้อมาใช้ได้สามวันดี สี่วันซ่อม โดยเฉพาะการซ่อมเกี่ยวกับเครื่องยนต์ในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญของรถ ก็จะเข้าลักษณะของการขายทรัพย์ซึ่งชำรุดบกพร่อง ทำให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมที่จะใช้ประโยชน์จากรถยนต์ใหม่ ซึ่งทางบริษัทผู้ขายจะต้องรับผิดชอบ
ในประเทศไทยเราก็มีกรณีผู้บริโภคฟ้องร้องบริษัทเพื่อขอคืนรถและขอเงินคืน ซึ่งศาลก็ได้พิพากษาให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายชนะคดีมาแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าเรื่องของการเปลี่ยนหรือคืนสินค้าที่ชำรุดบกพร่องนั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าของที่เราซื้อมานั้นจะมีราคาเท่าใดก็ตาม ซึ่งผู้ซื้อจะต้องใช้สิทธิฟ้องร้องภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง (ม. ๔๗๔ ปพพ.)
สำหรับผู้บริโภคโดยทั่วไป การเรียกร้องให้บริษัทต้องรับผิดชอบจนถึงฟ้องร้องเป็นคดีความนั้น ก็เป็นวิธีการที่ไม่ง่ายนัก เพราะต้องใช้เงิน ใช้ความรู้ ใช้เวลามากพอสมควร
อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีที่การแก้ไขปัญหาจบลงโดยไม่ต้องถึงโรงถึงศาล ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคพอที่จะสรุปแนวทางเบื้องต้น ได้ดังนี้
๑ เก็บหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับซ่อมแซมรถใหม่ของคุณไว้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นจริง
๒ ในกรณีที่ความชำรุดบกพร่องนั้นมีมากจน อย่างที่ภาษากฎหมายเขาว่า “อันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี” เช่น รถใหม่ป้ายแดงใช้ได้ไม่ถึงเดือน มีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ เข้าศูนย์สามสี่ครั้งก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ แบบนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องทนให้เขาซ่อมแล้วซ่อมอีก
๓ ดำเนินการเจรจา เพื่อให้บริษัทผู้ขายรถยนต์รับผิดชอบแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด และควรทำเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในบริษัทโดยตรง เพื่อจะได้มีหลักฐาน และเป็นการแสดงความตั้งใจของเราที่ต้องการให้บริษัทแก้ไขปัญหา หากเป้าหมายของคุณคือการขอเปลี่ยนรถใหม่ หรือขอเงินคืน อย่าเสียเวลาเจรจาปากเปล่ากับพนักงานขาย ลูกค้าสัมพันธ์ หรือช่างของศูนย์บริการเพราะการตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนรถหรือคืนเงิน ไม่อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของเขา และป่วยการที่จะพยายามขอเจรจากับผู้มีอำนาจด้วยการขอเข้าพบหรือโทรศัพท์มาติดต่อ เพราะจะถูกกัน การส่งหนังสือจึงเป็นวิธีการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดในการแก้ปัญหาลักษณะนี้
๔ เนื้อหาหนังสือที่คุณทำจะต้องพูดถึง ความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ พร้อมกับสำเนาหลักฐานการซ่อมต่าง ๆ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง และคุณต้องการให้บริษัทรับผิดชอบอย่างไร จะให้เปลี่ยนรถใหม่ หรือจะขอเงินคืน ควรระบุให้ชัดเจน และควรกำหนดระยะเวลาให้ทางบริษัทตัดสินใจ เช่น ภายใน ๗ วัน หรือ ๑๕ วันนับแต่ได้รับจดหมาย
๕ นอกจากจะส่งหนังสือนี้ให้กับทางบริษัทผู้ขาย คู่สัญญาของคุณแล้ว ก็ควรจะทำสำเนาส่งถึงผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้แก่ บริษัทแม่เจ้าของผลิตภัณฑ์ บริษัทไฟแนนซ์ที่คุณเช่าซื้อรถ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคทั้งภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และภาคเอกชนอย่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อที่ทุกฝ่ายที่จะได้ทราบเรื่อง โดยเฉพาะบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีส่วนในการตัดสินใจว่าจะให้ตัวแทนจำหน่ายของเขารับผิดชอบต่อลูกค้าอย่างไร
๖ ควรส่งหนังสือนี้ โดยใช้รูปแบบของจดหมายลงทะเบียนแบบตอบรับ เพื่อที่จะได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า หนังสือของคุณส่งถึงมือของผู้รับแน่นอน
๗.เมื่อการเจรจากับคู่กรณีไม่เป็นผล ก็มีหลายกรณีที่ผู้บริโภค ต้องใช้พลังทางสังคมเข้ามาช่วย โดยการให้ข่าวกับสื่อมวลชน หรือ ปิดป้ายประท้วงรอบรถคันที่มีปัญหาแล้วขับไปในที่ต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลกับสาธารณชน ซึ่งก็เป็นสิทธิที่ผู้บริโภคจะสามารถกระทำได้ ในลักษณะให้ประสบการณ์ของตนเป็นอุทธาหรณ์เตือนผู้บริโภคอื่น ๆ ให้เกิดความระมัดระวัง ไม่ใช่เป็นการใส่ความให้บริษัทได้รับความเสียหาย
ความสำเร็จของการแก้ปัญหานั้นขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ เพราะการใช้สิทธิขอเปลี่ยนรถใหม่ หรือขอเงินคืนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพบกับอุปสรรคบ้าง แต่เมื่อผู้บริโภคลุกขึ้นมาใช้สิทธิเช่นนี้กันมากขึ้น ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยยกระดับของความรับผิดชอบของผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์ในบ้านเราให้สูงขึ้น
ปิติชัย พงษ์วานิชย์อนันต์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ข่าวเกี่ยวข้อง
27/01/2548
ทุบทิ้ง "ซีอาร์วีป้ายแดง" ประจาน! (13:38 น.)
"ฮอนด้า" ย้ำ!! ไม่มีเปลี่ยนรถ พร้อมแถลงข่าวกรณีCR-Vเย็นนี้ (16:25 น.)
ย้อนรอย "ซีอาร์-วี" ปัญหาคาใจที่ผู้บริโภคต้องรับกรรม (16:43 น.)
ทนายฯ ชี้"ทุบรถประจาน"ดีกว่าฟ้องร้องเพราะกม.มีช่องว่าง (17:39 น.)
สคบ.นัดคู่กรณีซีอาร์วี ไกล่เกลี่ยจ่ายค่าชดเชย 7 ก.พ.นี้ (18:00 น.)
มูลนิธิผู้บริโภคจวกผู้ประกอบการรถยนต์ขายของห่วยคุณภาพต่ำ (19:01 น.)
ฮอนด้าแจงกรณีทุบ "ซีอาร์-วี" (20:01 น.)
28/01/2548
เหยื่อฮอนด้านัดเคลียร์วันนี้ ลั่นขอเปลี่ยนรถและขอค่าเสียเวลา (06:48 น.)
คำต่อคำ! กับสาวใจเด็ดทุบรถหรูสังเวยความชุ่ย (06:50 น.)
ทนายชี้เคส“ซีอาร์-วี”ต้องยอมรับชะตากรรม (11:43 น.)
ทนายฯแนะฟ้องฮอนด้า ถือเป็นคดีตัวอย่าง หากผลเจรจาวืด (12:12 น.)
สคบ.ลั่นถ้าตกลงไม่ได้ ก็พร้อมเป็นทนายฟ้องฮอนด้า (12:15 น.)
ยอดจอง "ซีอาร์-วี" คงที่ ลูกค้ายังเชื่อใจ (14:26 น.)
เปิดโต๊ะเจรจา บ.ฮอนด้าจับเข่าคุยสาวค้อนปอนด์ ยุติศึกซีอาร์วี (14:37 น.)
ชมภาพวิดีโอ ทุบซีอาร์วีประจาน!!!
ก. ก้มหน้ารับกรรมถือเป็นโชคร้ายของเรา แล้วให้ศูนย์บริการ ซ่อม แก้ไขอาการไปเรื่อย ๆ
ข. ยอมรับข้อเสนอของบริษัทที่จะรับผิดชอบด้วยการขยายระยะเวลารับประกันออกไปอีก
ค. ยืนยันขอเปลี่ยนรถคันใหม่ เพราะตั้งใจซื้อรถมาใช้ไม่ได้ซื้อมาให้ซ่อม
ง. ขอเงินคืนแล้วไปซื้อ รถยี่ห้ออื่น ดีกว่า
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องทนกล้ำกลืนเลือก ข้อ ก.หรือ ข. ทั้งที่ใจจริงอยากจะเลือกข้อ ค. หรือ ง. แต่ไม่รู้จะเจรจาต่อรองกับบริษัทอย่างไร ก็ในเมื่อบริษัทยืนกรานอย่างเดียวว่าซ่อมได้และจะซ่อมให้ ไม่มีทางที่บริษัทจะเปลี่ยนรถ หรือคืนเงินให้คุณได้ เพราะรถคันหนึ่งราคาเป็นแสนเป็นล้าน ไม่ใช่สินค้าขายตรงทางทีวี ที่ไม่พอใจสินค้าก็ยินดีคืนเงิน
ก็เพราะรถยนต์ในบ้านเราราคาคันหนึ่งไม่ใช่ถูกนี่แหละ ที่ทำให้ผู้บริโภคหลายคนตั้งคำถามย้อนกลับว่า ก็แล้วทำไมจะต้องยอมเขาล่ะ กับสินค้าราคาไม่เท่าไรเขายังรับผิดชอบ แล้วนี่เราเสียเงินเป็นล้านเป็นแสนแล้วทำไมต้องมาทนใช้รถที่มีปัญหา
หลายคนจึงลุกขึ้นมาทวงสิทธิของตนในฐานะผู้บริโภค จนบริษัทรถยนต์ต้องรับผิดชอบคืนเงิน หรือเปลี่ยนรถให้ใหม่ตามที่เรียกร้อง ดังนั้น ผู้บริโภคจึงไม่จำเป็นต้องทนแบกรับปัญหาในลักษณะนี้อีกต่อไป
ในเรื่องการซื้อขาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๗๒ “ในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งขายนั้นชำรุดบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด
ความที่กล่าวมาในมาตรนี้ย่อมใช้ได้ ทั้งที่ผู้ขายรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ว่าความชำรุดบกพร่องมีอยู่”
ดังนั้น หากรถใหม่ป้ายแดงที่ซื้อมาใช้ได้สามวันดี สี่วันซ่อม โดยเฉพาะการซ่อมเกี่ยวกับเครื่องยนต์ในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญของรถ ก็จะเข้าลักษณะของการขายทรัพย์ซึ่งชำรุดบกพร่อง ทำให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมที่จะใช้ประโยชน์จากรถยนต์ใหม่ ซึ่งทางบริษัทผู้ขายจะต้องรับผิดชอบ
ในประเทศไทยเราก็มีกรณีผู้บริโภคฟ้องร้องบริษัทเพื่อขอคืนรถและขอเงินคืน ซึ่งศาลก็ได้พิพากษาให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายชนะคดีมาแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าเรื่องของการเปลี่ยนหรือคืนสินค้าที่ชำรุดบกพร่องนั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าของที่เราซื้อมานั้นจะมีราคาเท่าใดก็ตาม ซึ่งผู้ซื้อจะต้องใช้สิทธิฟ้องร้องภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง (ม. ๔๗๔ ปพพ.)
สำหรับผู้บริโภคโดยทั่วไป การเรียกร้องให้บริษัทต้องรับผิดชอบจนถึงฟ้องร้องเป็นคดีความนั้น ก็เป็นวิธีการที่ไม่ง่ายนัก เพราะต้องใช้เงิน ใช้ความรู้ ใช้เวลามากพอสมควร
อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีที่การแก้ไขปัญหาจบลงโดยไม่ต้องถึงโรงถึงศาล ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคพอที่จะสรุปแนวทางเบื้องต้น ได้ดังนี้
๑ เก็บหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับซ่อมแซมรถใหม่ของคุณไว้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นจริง
๒ ในกรณีที่ความชำรุดบกพร่องนั้นมีมากจน อย่างที่ภาษากฎหมายเขาว่า “อันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี” เช่น รถใหม่ป้ายแดงใช้ได้ไม่ถึงเดือน มีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ เข้าศูนย์สามสี่ครั้งก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ แบบนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องทนให้เขาซ่อมแล้วซ่อมอีก
๓ ดำเนินการเจรจา เพื่อให้บริษัทผู้ขายรถยนต์รับผิดชอบแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด และควรทำเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในบริษัทโดยตรง เพื่อจะได้มีหลักฐาน และเป็นการแสดงความตั้งใจของเราที่ต้องการให้บริษัทแก้ไขปัญหา หากเป้าหมายของคุณคือการขอเปลี่ยนรถใหม่ หรือขอเงินคืน อย่าเสียเวลาเจรจาปากเปล่ากับพนักงานขาย ลูกค้าสัมพันธ์ หรือช่างของศูนย์บริการเพราะการตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนรถหรือคืนเงิน ไม่อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของเขา และป่วยการที่จะพยายามขอเจรจากับผู้มีอำนาจด้วยการขอเข้าพบหรือโทรศัพท์มาติดต่อ เพราะจะถูกกัน การส่งหนังสือจึงเป็นวิธีการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดในการแก้ปัญหาลักษณะนี้
๔ เนื้อหาหนังสือที่คุณทำจะต้องพูดถึง ความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ พร้อมกับสำเนาหลักฐานการซ่อมต่าง ๆ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง และคุณต้องการให้บริษัทรับผิดชอบอย่างไร จะให้เปลี่ยนรถใหม่ หรือจะขอเงินคืน ควรระบุให้ชัดเจน และควรกำหนดระยะเวลาให้ทางบริษัทตัดสินใจ เช่น ภายใน ๗ วัน หรือ ๑๕ วันนับแต่ได้รับจดหมาย
๕ นอกจากจะส่งหนังสือนี้ให้กับทางบริษัทผู้ขาย คู่สัญญาของคุณแล้ว ก็ควรจะทำสำเนาส่งถึงผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้แก่ บริษัทแม่เจ้าของผลิตภัณฑ์ บริษัทไฟแนนซ์ที่คุณเช่าซื้อรถ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคทั้งภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และภาคเอกชนอย่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อที่ทุกฝ่ายที่จะได้ทราบเรื่อง โดยเฉพาะบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีส่วนในการตัดสินใจว่าจะให้ตัวแทนจำหน่ายของเขารับผิดชอบต่อลูกค้าอย่างไร
๖ ควรส่งหนังสือนี้ โดยใช้รูปแบบของจดหมายลงทะเบียนแบบตอบรับ เพื่อที่จะได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า หนังสือของคุณส่งถึงมือของผู้รับแน่นอน
๗.เมื่อการเจรจากับคู่กรณีไม่เป็นผล ก็มีหลายกรณีที่ผู้บริโภค ต้องใช้พลังทางสังคมเข้ามาช่วย โดยการให้ข่าวกับสื่อมวลชน หรือ ปิดป้ายประท้วงรอบรถคันที่มีปัญหาแล้วขับไปในที่ต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลกับสาธารณชน ซึ่งก็เป็นสิทธิที่ผู้บริโภคจะสามารถกระทำได้ ในลักษณะให้ประสบการณ์ของตนเป็นอุทธาหรณ์เตือนผู้บริโภคอื่น ๆ ให้เกิดความระมัดระวัง ไม่ใช่เป็นการใส่ความให้บริษัทได้รับความเสียหาย
ความสำเร็จของการแก้ปัญหานั้นขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ เพราะการใช้สิทธิขอเปลี่ยนรถใหม่ หรือขอเงินคืนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพบกับอุปสรรคบ้าง แต่เมื่อผู้บริโภคลุกขึ้นมาใช้สิทธิเช่นนี้กันมากขึ้น ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยยกระดับของความรับผิดชอบของผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์ในบ้านเราให้สูงขึ้น
ปิติชัย พงษ์วานิชย์อนันต์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ข่าวเกี่ยวข้อง
27/01/2548
ทุบทิ้ง "ซีอาร์วีป้ายแดง" ประจาน! (13:38 น.)
"ฮอนด้า" ย้ำ!! ไม่มีเปลี่ยนรถ พร้อมแถลงข่าวกรณีCR-Vเย็นนี้ (16:25 น.)
ย้อนรอย "ซีอาร์-วี" ปัญหาคาใจที่ผู้บริโภคต้องรับกรรม (16:43 น.)
ทนายฯ ชี้"ทุบรถประจาน"ดีกว่าฟ้องร้องเพราะกม.มีช่องว่าง (17:39 น.)
สคบ.นัดคู่กรณีซีอาร์วี ไกล่เกลี่ยจ่ายค่าชดเชย 7 ก.พ.นี้ (18:00 น.)
มูลนิธิผู้บริโภคจวกผู้ประกอบการรถยนต์ขายของห่วยคุณภาพต่ำ (19:01 น.)
ฮอนด้าแจงกรณีทุบ "ซีอาร์-วี" (20:01 น.)
28/01/2548
เหยื่อฮอนด้านัดเคลียร์วันนี้ ลั่นขอเปลี่ยนรถและขอค่าเสียเวลา (06:48 น.)
คำต่อคำ! กับสาวใจเด็ดทุบรถหรูสังเวยความชุ่ย (06:50 น.)
ทนายชี้เคส“ซีอาร์-วี”ต้องยอมรับชะตากรรม (11:43 น.)
ทนายฯแนะฟ้องฮอนด้า ถือเป็นคดีตัวอย่าง หากผลเจรจาวืด (12:12 น.)
สคบ.ลั่นถ้าตกลงไม่ได้ ก็พร้อมเป็นทนายฟ้องฮอนด้า (12:15 น.)
ยอดจอง "ซีอาร์-วี" คงที่ ลูกค้ายังเชื่อใจ (14:26 น.)
เปิดโต๊ะเจรจา บ.ฮอนด้าจับเข่าคุยสาวค้อนปอนด์ ยุติศึกซีอาร์วี (14:37 น.)
ชมภาพวิดีโอ ทุบซีอาร์วีประจาน!!!
