สช.เข้ม ร.ร.กวดวิชา ขีดเส้นตาย 15 - 30 วันแก้ปัญหาแต่ละเรื่อง ระบุหากไม่ทำตาม ลงโทษตามระเบียบ ถึงขั้นถอนใบอนุญาต
นายอนุสรณ์ ไทยเดชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้บริหารสถาบันกวดวิชาย่านสยามสแควร์ประมาณ 40 แห่ง ว่า เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีปัญหาเรื่องของสถาบันกวดวิชาในเรื่องต่างๆ อาทิ บันไดหนีไฟไม่สมบูรณ์ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่กำหนดมาตรการในการป้องกันอัคคีภัยในโรงเรียนกวดวิชาว่าบันไดหนีไฟต้องสามารถใช้ได้ครบทุกชั้น และการรับนักเรียนเกินจำนวนต่อห้องที่กำหนดไว้ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชน ประเภทกวดวิชา พ.ศ.2545
แต่จากการไปตรวจสถาบันกวดวิชาในย่านสยามสแควร์ เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามีสถาบันกวดวิชาประมาณ 15 โรงที่ยังต้องมีการปรับปรุงทั้งในเรื่องของบันไดหนีไฟที่ยังมีปัญหาว่าไม่สามารถเปิดได้บ้าง บันไดหนีไฟไม่ถึงชั้นล่างบ้าง รวมทั้งอุปกรณ์การเรียนการสอนไม่ครบ เป็นต้น ดังนั้นตนจึงได้ขอให้สถาบันกวดวิชาที่มีปัญหาได้ปรับปรุงแก้ไขในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ ภายใน 15 วัน ส่วนเรื่องของบันไดหนีไฟนั้นให้แก้ไขภายใน 30 วัน โดยทางสำนักงานทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นเจ้าของที่ในการอนุญาตให้เช่ารับที่จะไปดูแลและแก้ไขให้
ผอ.สช.กล่าวต่อว่า สำหรับการรับนักเรียนของโรงเรียนกวดวิชาที่มีจำนวนมากเกินไป ทั้งที่ตามระเบียบฯ กำหนดไว้ให้พื้นที่ของห้องเรียน 1 ตารางเมตรเท่ากับ 1 คน หรือห้องที่มีครูผู้สอนต้องมีนักเรียนไม่เกิน 45 คนส่วนห้องที่ใช้สื่อในการเรียนการสอนมีนักเรียนได้ไม่เกิน 90 คนพร้อมทั้งต้องมีเจ้าหน้าที่อยู่ดูแลด้วยนั้น
จากการตรวจพบว่ามีสถาบันกวดวิชาประมาณ 10 แห่งในย่านสยามฯ ที่รับนักเรียนมากเกินไป ดังนั้นจึงได้ขอให้มีการลดจำนวนนักเรียนลงภายใน 15 วันและหากนักเรียนคนใดได้รับผลกระทบที่ไม่สามารถเรียนต่อได้ทางสถาบันกวดวิชาก็ต้องคืนเงินค่าเรียนให้แก่นักเรียนด้วย
อย่างไรก็ตามทางสช.จะลงไปตรวจดูสถาบันกวดวิชาที่ได้ให้ปรับปรุงตามระยะเวลาที่กำหนด หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษตามระเบียบตั้งแต่การปรับ พักใช้ใบอนุญาตจนถึงถอนใบอนุญาต สำหรับสถาบันกวดวิชาย่านอื่นๆ นั้นทาง สช.กำลังลงไปติดตามตรวจดูควบคู่กันไปด้วย ซึ่งหากพบปัญหาก็ต้องแก้ไขตามระเบียบฯ
นายอนุสรณ์ ไทยเดชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้บริหารสถาบันกวดวิชาย่านสยามสแควร์ประมาณ 40 แห่ง ว่า เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีปัญหาเรื่องของสถาบันกวดวิชาในเรื่องต่างๆ อาทิ บันไดหนีไฟไม่สมบูรณ์ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่กำหนดมาตรการในการป้องกันอัคคีภัยในโรงเรียนกวดวิชาว่าบันไดหนีไฟต้องสามารถใช้ได้ครบทุกชั้น และการรับนักเรียนเกินจำนวนต่อห้องที่กำหนดไว้ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชน ประเภทกวดวิชา พ.ศ.2545
แต่จากการไปตรวจสถาบันกวดวิชาในย่านสยามสแควร์ เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามีสถาบันกวดวิชาประมาณ 15 โรงที่ยังต้องมีการปรับปรุงทั้งในเรื่องของบันไดหนีไฟที่ยังมีปัญหาว่าไม่สามารถเปิดได้บ้าง บันไดหนีไฟไม่ถึงชั้นล่างบ้าง รวมทั้งอุปกรณ์การเรียนการสอนไม่ครบ เป็นต้น ดังนั้นตนจึงได้ขอให้สถาบันกวดวิชาที่มีปัญหาได้ปรับปรุงแก้ไขในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ ภายใน 15 วัน ส่วนเรื่องของบันไดหนีไฟนั้นให้แก้ไขภายใน 30 วัน โดยทางสำนักงานทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นเจ้าของที่ในการอนุญาตให้เช่ารับที่จะไปดูแลและแก้ไขให้
ผอ.สช.กล่าวต่อว่า สำหรับการรับนักเรียนของโรงเรียนกวดวิชาที่มีจำนวนมากเกินไป ทั้งที่ตามระเบียบฯ กำหนดไว้ให้พื้นที่ของห้องเรียน 1 ตารางเมตรเท่ากับ 1 คน หรือห้องที่มีครูผู้สอนต้องมีนักเรียนไม่เกิน 45 คนส่วนห้องที่ใช้สื่อในการเรียนการสอนมีนักเรียนได้ไม่เกิน 90 คนพร้อมทั้งต้องมีเจ้าหน้าที่อยู่ดูแลด้วยนั้น
จากการตรวจพบว่ามีสถาบันกวดวิชาประมาณ 10 แห่งในย่านสยามฯ ที่รับนักเรียนมากเกินไป ดังนั้นจึงได้ขอให้มีการลดจำนวนนักเรียนลงภายใน 15 วันและหากนักเรียนคนใดได้รับผลกระทบที่ไม่สามารถเรียนต่อได้ทางสถาบันกวดวิชาก็ต้องคืนเงินค่าเรียนให้แก่นักเรียนด้วย
อย่างไรก็ตามทางสช.จะลงไปตรวจดูสถาบันกวดวิชาที่ได้ให้ปรับปรุงตามระยะเวลาที่กำหนด หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษตามระเบียบตั้งแต่การปรับ พักใช้ใบอนุญาตจนถึงถอนใบอนุญาต สำหรับสถาบันกวดวิชาย่านอื่นๆ นั้นทาง สช.กำลังลงไปติดตามตรวจดูควบคู่กันไปด้วย ซึ่งหากพบปัญหาก็ต้องแก้ไขตามระเบียบฯ