มูลนิธิรณรงค์ไม่สูบบุรี่ เตรียมเข็น อย.ให้อนุญาตวางจำหน่ายหมากฝรั่งนิโคตินตามร้านขายยา-ร้านค้าทั่วไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้อยากเลิกสูบบุหรี่ ให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น พร้อมจัดประชุมบุหรี่และสุขภาพ ครั้งที่ 4 เน้นรณรงค์บุคลากรด้านสาธารณสุขไม่สูบบุหรี่ ชี้แพทย์-พยาบาลแนะนำ หรือเตือนคนไข้ไม่ให้สูบบุหรี่ได้ผลสูงถึงร้อยละ 10 พร้อมประสาน

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า ในวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ 2548 จะมีการประชุมบุหรี่และสุขภาพ ครั้งที่ 4 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ซึ่งปีนี้องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นปีรณรงค์บุคลากรสาธารณสุขไม่สูบบุหรี่ ดังนั้น จะมีการเชิญสมาคมวิชาชีพด้านสาธารณสุขทุกส่วนเข้าร่วมประชุม และตั้งเครือข่ายรณรงค์ขึ้นในแต่ละวิชาชีพ เพื่อสร้างจรรยาบรรณของบุคลากรสาธารณสุขที่จะไม่สูบบุหรี่ รวมทั้งจะเชิญสมาคมวิชาชีพประชุมเพื่อลงนามร่วมกันและไปขยายผลต่อในแต่ละวงการ
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า ปีนี้องค์การอนามัยโลกกำหนดให้มีการสำรวจทั่วโลกว่า มีบุคลากรสาธารณสุขติดบุหรี่มากเท่าใด ซึ่งของไทยเองก็วางแผนที่จะสำรวจอยู่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามีบุคลากรสาธารณสุขในไทยจำนวนน้อยที่สูบบุหรี่ แต่ก็พบมีสูบอยู่ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 กรอบอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบของโลกจะเริ่มใช้ ซึ่งมีประเทศลงนามไปแล้วกว่า 50 ประเทศ เมื่อมีผลบังคับใช้ ก็จะมีมาตราการต่าง ๆ ที่แต่ละประเทศต้องดำเนินการ ซึ่งเป็นเรื่องดีในการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่
“ที่ผ่านมาการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ของเราโดยภาพรวมเราทำแต่เรื่องนโยบายและผลักดันด้านกฎหมาย ไม่ค่อยได้ทำเรื่องให้คนที่สูบอยู่เลิกบุหรี่ การรณรงค์บุคลากรสาธารณสุขก็จะช่วยให้การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในประชาชนทั่วไปได้ผลขึ้นด้วย” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า บุคลากรด้านสาธารณสุขของไทยปัจจุบันมีแพทย์ ประมาณ 30,000 คน พยาบาล 100,000 คน ทันตแพทย์ 10,000 คน นักการสาธารณสุขกว่า 10,000 คน กลุ่มเป้าหมายนี้ต้องมีการสร้างระบบในงานประจำ เพราะพบว่าคนไข้มาพบแพทย์เฉลี่ย 2 ครั้งเศษต่อปี มีผู้ชายสูบบุหรี่ ร้อยละ 45 ซึ่งการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ที่ทำมาตั้งแต่ปี 2529 ได้ผลทำให้ลดจำนวนลงจากร้อยละ 68 เหลือร้อยละ 45 แต่ที่ผ่านมาเป็นการรณรงค์ในระดับมหภาค ยังไม่ได้ช่วยให้คนสูบบุหรี่โดยตรงเลิกสูบ เพราะยาเลิกสูบมีราคาแพงและเบิกไม่ได้ เช่น หมากฝรั่งนิโคติน ต้องใช้เงิน 100 บาทต่อวันในการเลิก หลายประเทศจึงมีการอนุญาตให้วางขายและผู้อยากเลิกสูบซื้อได้เอง โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ แล้วให้แพทย์สั่งยาให้

ขณะนี้เครือข่ายรณรงค์ไม่สูบบุหรี่โดยกลุ่มเภสัชกรในไทยได้ประสานขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุญาตให้วางขายหมากฝรั่งนิโคตินได้ทั่วไปโดยไม่ต้องให้แพทย์สั่ง เพื่อให้ความสะดวกกับผู้อยากเลิกสูบบุหรี่
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า จากข้อมูลพบว่า ตามปกติอัตราการทยอยเลิกบุหรี่เองจากสภาพร่างกายหรืออื่นๆ มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น แต่หากได้รับคำแนะนำ หรือคำเตือนเพียงสั้น ๆ จากบุคลากรด้านสาธารณสุขจะเพิ่มอัตรากรเลิกบุหรี่ได้ร้อยละ 6-7 และถ้ามีบุคลากรนั่งให้ข้อมูลแนะนำมากขึ้น ก็จะเพิ่มอัตราการเลิกบุหรี่ในคนไข้ได้ถึงร้อยละ 10 และหากใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่จะได้ผลให้มีการเลิกบุหรี่ถึงร้อยละ 20 นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังประมาณการว่าถ้าไม่มีการรณรงค์ให้คนที่สูบอยู่ปัจจุบันเลิกบุหรี่ ในปี ค.ศ. 2050 จะมีคนเสียชีวิตอีก 500 ล้านคนทั่วโลก แต่ถ้าเราทำให้ผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่ปัจจุบันลดไปได้ครึ่งหนึ่งจะลดจำนวนคนเสียชีวิตได้เหลือ 320 ล้านคนในปี ค.ศ. 2050 องค์การอนามัยโลกจึงได้หันกลับมาเน้นให้สนใจช่วยคนที่ติดบุหรี่อยู่เลิกบุหรี่ ซึ่งถ้าผู้ที่ติดบุหรี่สามารถเลิกบุหรี่ได้ก่อนอายุ 35 ปี โอกาสเกิดโรคต่าง ๆ จะลดไปได้มาก เทียบกับการเกิดโรคในคนปกติได้เลย
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ กล่าวฝากถึงผู้ที่กำลังเลิกสูบบุหรี่ว่า อาการหลังเลิกบุหรี่ในระยะแรก มีอาการต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ 108 อย่าง บางคนนอนไม่หลับ ท้องผูก ปวดท้อง น้ำหูน้ำตาไหล ซึ่งจะเป็นมาก ๆ ใน 3-4 วันแรก และเป็นต่อเนื่องได้เป็นสัปดาห์ ส่วนเรื่องความอยากสูบ จะมีอาการอยากได้เป็นเดือน หรือเป็นปีในรายที่สูบบุหรี่มานาน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะกลับไปสูบใหม่ คนที่เลิกได้เด็ดขาดแล้ว ต้องได้กลิ่นแล้วเหม็น คนที่ยังไม่รู้สึกเหม็นจะมีความเสี่ยงกลับไปสูบได้ใหม่ ดังนั้น ผู้ที่บอกว่าเลิกบุหรี่ได้แล้วเพียงสัปดาห์ 2 สัปดาห์ ยังไม่ถือว่าเลิกบุหรี่ได้ ต้องดูกันเป็นปี ถ้าใน 1 ปีเลิกสูบได้แล้ว จึงจะถือว่าเลิกสำเร็จ
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า ในวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ 2548 จะมีการประชุมบุหรี่และสุขภาพ ครั้งที่ 4 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ซึ่งปีนี้องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นปีรณรงค์บุคลากรสาธารณสุขไม่สูบบุหรี่ ดังนั้น จะมีการเชิญสมาคมวิชาชีพด้านสาธารณสุขทุกส่วนเข้าร่วมประชุม และตั้งเครือข่ายรณรงค์ขึ้นในแต่ละวิชาชีพ เพื่อสร้างจรรยาบรรณของบุคลากรสาธารณสุขที่จะไม่สูบบุหรี่ รวมทั้งจะเชิญสมาคมวิชาชีพประชุมเพื่อลงนามร่วมกันและไปขยายผลต่อในแต่ละวงการ
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า ปีนี้องค์การอนามัยโลกกำหนดให้มีการสำรวจทั่วโลกว่า มีบุคลากรสาธารณสุขติดบุหรี่มากเท่าใด ซึ่งของไทยเองก็วางแผนที่จะสำรวจอยู่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามีบุคลากรสาธารณสุขในไทยจำนวนน้อยที่สูบบุหรี่ แต่ก็พบมีสูบอยู่ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 กรอบอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบของโลกจะเริ่มใช้ ซึ่งมีประเทศลงนามไปแล้วกว่า 50 ประเทศ เมื่อมีผลบังคับใช้ ก็จะมีมาตราการต่าง ๆ ที่แต่ละประเทศต้องดำเนินการ ซึ่งเป็นเรื่องดีในการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่
“ที่ผ่านมาการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ของเราโดยภาพรวมเราทำแต่เรื่องนโยบายและผลักดันด้านกฎหมาย ไม่ค่อยได้ทำเรื่องให้คนที่สูบอยู่เลิกบุหรี่ การรณรงค์บุคลากรสาธารณสุขก็จะช่วยให้การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในประชาชนทั่วไปได้ผลขึ้นด้วย” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า บุคลากรด้านสาธารณสุขของไทยปัจจุบันมีแพทย์ ประมาณ 30,000 คน พยาบาล 100,000 คน ทันตแพทย์ 10,000 คน นักการสาธารณสุขกว่า 10,000 คน กลุ่มเป้าหมายนี้ต้องมีการสร้างระบบในงานประจำ เพราะพบว่าคนไข้มาพบแพทย์เฉลี่ย 2 ครั้งเศษต่อปี มีผู้ชายสูบบุหรี่ ร้อยละ 45 ซึ่งการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ที่ทำมาตั้งแต่ปี 2529 ได้ผลทำให้ลดจำนวนลงจากร้อยละ 68 เหลือร้อยละ 45 แต่ที่ผ่านมาเป็นการรณรงค์ในระดับมหภาค ยังไม่ได้ช่วยให้คนสูบบุหรี่โดยตรงเลิกสูบ เพราะยาเลิกสูบมีราคาแพงและเบิกไม่ได้ เช่น หมากฝรั่งนิโคติน ต้องใช้เงิน 100 บาทต่อวันในการเลิก หลายประเทศจึงมีการอนุญาตให้วางขายและผู้อยากเลิกสูบซื้อได้เอง โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ แล้วให้แพทย์สั่งยาให้
ขณะนี้เครือข่ายรณรงค์ไม่สูบบุหรี่โดยกลุ่มเภสัชกรในไทยได้ประสานขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุญาตให้วางขายหมากฝรั่งนิโคตินได้ทั่วไปโดยไม่ต้องให้แพทย์สั่ง เพื่อให้ความสะดวกกับผู้อยากเลิกสูบบุหรี่
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า จากข้อมูลพบว่า ตามปกติอัตราการทยอยเลิกบุหรี่เองจากสภาพร่างกายหรืออื่นๆ มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น แต่หากได้รับคำแนะนำ หรือคำเตือนเพียงสั้น ๆ จากบุคลากรด้านสาธารณสุขจะเพิ่มอัตรากรเลิกบุหรี่ได้ร้อยละ 6-7 และถ้ามีบุคลากรนั่งให้ข้อมูลแนะนำมากขึ้น ก็จะเพิ่มอัตราการเลิกบุหรี่ในคนไข้ได้ถึงร้อยละ 10 และหากใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่จะได้ผลให้มีการเลิกบุหรี่ถึงร้อยละ 20 นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังประมาณการว่าถ้าไม่มีการรณรงค์ให้คนที่สูบอยู่ปัจจุบันเลิกบุหรี่ ในปี ค.ศ. 2050 จะมีคนเสียชีวิตอีก 500 ล้านคนทั่วโลก แต่ถ้าเราทำให้ผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่ปัจจุบันลดไปได้ครึ่งหนึ่งจะลดจำนวนคนเสียชีวิตได้เหลือ 320 ล้านคนในปี ค.ศ. 2050 องค์การอนามัยโลกจึงได้หันกลับมาเน้นให้สนใจช่วยคนที่ติดบุหรี่อยู่เลิกบุหรี่ ซึ่งถ้าผู้ที่ติดบุหรี่สามารถเลิกบุหรี่ได้ก่อนอายุ 35 ปี โอกาสเกิดโรคต่าง ๆ จะลดไปได้มาก เทียบกับการเกิดโรคในคนปกติได้เลย
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ กล่าวฝากถึงผู้ที่กำลังเลิกสูบบุหรี่ว่า อาการหลังเลิกบุหรี่ในระยะแรก มีอาการต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ 108 อย่าง บางคนนอนไม่หลับ ท้องผูก ปวดท้อง น้ำหูน้ำตาไหล ซึ่งจะเป็นมาก ๆ ใน 3-4 วันแรก และเป็นต่อเนื่องได้เป็นสัปดาห์ ส่วนเรื่องความอยากสูบ จะมีอาการอยากได้เป็นเดือน หรือเป็นปีในรายที่สูบบุหรี่มานาน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะกลับไปสูบใหม่ คนที่เลิกได้เด็ดขาดแล้ว ต้องได้กลิ่นแล้วเหม็น คนที่ยังไม่รู้สึกเหม็นจะมีความเสี่ยงกลับไปสูบได้ใหม่ ดังนั้น ผู้ที่บอกว่าเลิกบุหรี่ได้แล้วเพียงสัปดาห์ 2 สัปดาห์ ยังไม่ถือว่าเลิกบุหรี่ได้ ต้องดูกันเป็นปี ถ้าใน 1 ปีเลิกสูบได้แล้ว จึงจะถือว่าเลิกสำเร็จ