xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการทางทะเลค้านสร้างเขื่อนกันสึนามิแบบญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักวิชาการทางทะเลออกตัวค้านล่วงหน้าหากจะมีการสร้างเขื่อนแบบญี่ปุ่นเพื่อป้องกันคลื่นสึนามิ ชี้ไทยกับญี่ปุ่นใช้ประโยชน์ชายหาดคนละวัตถุประสงค์ หนุนสร้างระบบเตือนภัยและสถาปัตยกรรมแนวใหม่ต้นทุนถูกแต่แก้ปัญหาได้ดีกว่า ด้านเวทีสัมมนา “เขื่อนริมทะเล ช่วยหรือทำลาย” เรียกร้องให้รัฐเปิดโอกาสประชาชนริมทะเลมีส่วนร่วมมากขึ้น และศึกษาผลดีผลเสียจากการก่อสร้างในอดีต
คณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเวทีสัมมนาเรื่อง “เขื่อนริมทะเล ช่วยหรือทำลาย” ขึ้นที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดย นายวสันต์ พานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นประธานเปิดการสัมมนาและกล่าวว่า หลายจังหวัดริมทะเลเกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

ขณะที่การแก้ปัญหาคือการสร้างกำแพงริมทะเลด้วยเงินงบประมาณมหาศาล แต่กำแพงไม่สามารถป้องกันการพังทลายของชายหาดได้ อย่างไรก็ตาม แนวนโยบายของรัฐหลังเกิดคลื่นสึนามิ ต้องการสร้างเขื่อนกันสึนามิขึ้น จึงต้องการให้มีการศึกษาผลดีผลเสีย และให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วม

“ตัวอย่างชายทะเลช่วงปากพนังถึงอำเภอระโนด นครศรีธรรมราช ชาวบ้านที่มีบ้านพักอยู่ริมทะเล ปรากฏว่า การกัดเซาะของคลื่นน้ำทะเลดึงบ้านของชาวบ้านพังลงทะเล เราจึงอยากให้มองความเสียหายเหล่านี้ จะได้พึงสังวรว่าควรจะทำเขื่อนริมทะเลหรือไม่” นายวสันต์ กล่าว

ด้าน ดร.ศุภิชัย ตั้งใจตรง อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (จุฬา) และรองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อมจุฬาฯ กล่าวว่า เขื่อนริมทะเลหรือผนังกันคลื่นมีความจำเป็นในกรณีที่ทรายชายหาดถูกกัดเซาะไปแล้วจำนวนมาก หากชายหาดยังอยู่ในภาวะปกติของสมดุลธรรมชาติ การสร้างผนังกันคลื่นต้องเป็นทางเลือกสุดท้ายโดยใช้วิธีการถอยล่นชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ ออกจากแนวชายหาดจะดีที่สุด

ดร.ศุภิชัย กล่าวต่อว่า เขื่อนสามารถป้องกันความแรงของสึนามิได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียความสวยงามของหาดและระบบนิเวศน์ชายฝั่ง ยกเว้นกรณีที่มีชุมชนติดทะเล อย่างไรก็ตาม เห็นว่า 6 จังหวัดฝั่งทะเลอันดามันที่ถูกสึนามิพลัดถล่ม รวมทั้งจังหวัดที่เสี่ยงต่อการถูกสึนามิพลัดถล่มไม่ควรมีการสร้างเขื่อนเพื่อป้องกัน แต่ใช้วิธีการถอยล่น ก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย รวมทั้งถนนแนวใหม่ ที่ไม่ตั้งฉากกับแนวของคลื่น

ขณะที่ผศ.ดร.สมบูรณ์ พรพิเนตรพงศ์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า การสร้างเขื่อนริมทะเลในอนาคตควรมีการประเมินจากการก่อสร้างที่ผ่านมาเสียก่อนและมีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ประกอบเพื่อให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วม เนื่องจากการสร้างเขื่อนในทะเลจะยับยั้งการเคลื่อนที่ของทรายซึ่งด้านหน้าเขื่อนจะเกิดพื้นที่ชายหาดงอกออก ส่วนหลังเขื่อนจะถูกกัดเซาะและเกิดการพังทลายของชายหาด ซึ่งผู้ที่สูญเสียที่ผ่านมายังไม่ได้ค่าชดเชย

“ต้องเรียกร้องให้ชาวบ้านออกมามีส่วนร่วม เพราะเป็นคนใช้พื้นที่จะรู้ดีมากที่สุด ทั้งในการเริ่มต้นโครงการ จบโครงการ และขั้นตอนการประเมินข้อผลดีข้อผลเสีย” ผศ.ดร.สมบูรณ์กล่าว

ทางด้านผศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าวต่อว่า ที่ประเทศญี่ปุ่นมีโครงการสร้างเขื่อนป้องกันสึนามิ แต่ประโยชน์การใช้ชายฝั่งญี่ปุ่นกับไทยต่างกัน โดยญี่ปุ่นไม่ได้ใช้ประโยชน์ชายฝั่งเพื่อการท่องเที่ยวแต่ใช้เพื่อการอุตสาหกรรม เช่น ทำท่าเรือ ดังนั้น โครงสร้างชายฝั่งจะลอกเลียนแบบจากญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะวัตถุประสงค์ต่างกัน หากมีการก่อสร้างลักษณะเขื่อนแบบญี่ปุ่นชายหาดจะหายไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าชายฝั่งของไทยมีไว้เพื่อการท่องเที่ยว จึงยังไม่เห็นประโยชน์ชัดเจนจากการสร้างเขื่องป้องกันสึนามิ แต่เห็นด้วยกับการสร้างระบบการเตือนภัย เพราะลงทุนน้อยแต่มีประสิทธิภาพมากกว่าการก่อสร้างเขื่อน

ผศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าวถึงการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่กั้นแม่น้ำแยงซี ในจีนว่า เปลือกโลกอยู่ในภาวะสมดุลมานาน แต่เมื่อมีการสร้างเขื่อนทำให้เปลือกโลกในบริเวณก่อสร้างต้องแบกรับน้ำ ซึ่งมีน้ำหนักมากเท่ากับเป็นการเพิ่มแรงกดใต้เปลือกโลก ประกอบกับน้ำหนักที่มากทำให้แรงเหวี่ยงของโลกเสียสมดุล จึงมีผลทำให้ชั้นเปลือกโลกขยับตัวได้ นอกจากนี้ จะมีผลให้ชั้นบรรยากาศของโลกเปลี่ยนแปลง เช่น เกิดฝนตกมากบริเวณตอนเหนือของไทย ฉะนั้น นักธรณีวิทยาต้องทำการวิเคราะห์ให้ละเอียด ไม่เพียงมองผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น