xs
xsm
sm
md
lg

ชำแหละพฤติกรรม “รุมโทรม” จิตใต้สำนึกหรือสิ่งแวดล้อม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไอ้ต้นมึงเอาปลาหมึกไปส่งห้อง 215 หน่อยโว้ย เขาสั่งมาชาตินึงแล้ว ไอ้ลูกเวรวันๆ เอาแต่เล่นไม่คิดจเช่วยกันทำมาหากินเลยหรือไงวะสันดานเดียวกับพ่อมึงเลยจริงๆ

เสียงสบถของ จวง หญิงสาววัยปลาย 30 ปี สลับกับคำด่าทอลูกชายวัย 13 ปี ดูจะเป็นเรื่องปกติของชุมชนแออัดแห่งนี้

จวงยึดอาชีพขายปลาหมึกบดหน้าโรงแรมเกรดต่ำ สวรรค์ของคนรายได้น้อย มาเกือบ 10 ปี หลังจากที่สามีถูกจับในข้อหาฆ่าคนตาย และด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยจะดีของสามี ทำให้จวงมักจะหยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบกับต้นอยู่เป็นประจำ ต้นจึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวแทนของพ่อที่มีชีวิตเพื่อให้แม่ด่าทอทั้งที่เขาแทบจะจำหน้าพ่อไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

จากคำบอกเล่าผ่านคำด่าทอของแม่ทำให้ต้นไม่เคยศรัทธาในตัวพ่อ ทุกๆ วันของเขาหมดไปกับการเล่นและการวิ่งส่งปลาหมึกให้กับหญิงบริการอาชีพที่สังคมประณามว่าต่ำนักหนา แต่หญิงเหล่านั้นก็เป็นลูกค้าชั้นต่ำที่ทำให้อาชีพขายปลาหมึกของเขาและแม่คงกระพันมาถึง 80 ปี และด้วยความที่ยึดอาชีพมาตั้งแต่ต้นยังเด็ก เขาจึงสามารถเข้านอกออกในห้องเล็กๆ อับๆ แหล่งบำบัดความกำหนัดของชายฉกรรจ์ยันดึก ได้ทุกเวลาแม้ขณะปฏิบัติกามกิจก็ตาม

จากสภาพแวดล้อมดังกล่าวทำให้ต้นบันทึกมันไว้ในมโนภาพ หล่อหลอมจนกลายเป็นความคุ้นชิน และมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ผู้ชายที่จะอาศัยเรือนร่างของหญิงบริการเป็นที่บำบัดความใคร่ ขณะที่มนุษย์ผู้หญิงก็สามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายได้หลายคนทั้งที่ไม่จิตพิศวาสต่อกัน

ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างปกติเหมือนหนังขายยา ที่ฉายซ้ำซาก จะต่างตรงที่วันนี้ต้นเหยียบย่างเข้าสู่วัยรุ่น ภาพการร่วมรักตรงหน้า ไม่เคยสร้างความรู้สึกอันใด กลายเป็นความกำหนัดที่ต้องการปลดปล่อยกับผู้หญิงสักคน และด้วยความที่ตัวเองมีร่างกายแคระแกร็น คิดว่าคงไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพัง จึงชวนพรรคพวกอีกกว่า 10 คน ดักสุ่มฉุดคร่าหญิงสาวและรุมโทรม โดยที่ต้นขอเป็นคนสุดท้าย โดยที่เขาไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด เมื่อมีครั้งแรกก็มีครั้ง 2, 3, 4 ไปเรื่อยๆ และไม่มีสักรายที่ฝ่ายหญิงจะนำเรื่องแจ้งความ เพราะถูกข่มขืนจากต้นและพวกว่า ถ้าแจ้งความจะฆ่าให้ตาย

เมื่อไม่มีความแจ้งความต้นและพวกรู้สึกฮึกเหิม และปฏิบัติการคร่าสวาทนักเรียนสาวที่เผลอผ่านเข้ามาในดงทรชน คนแล้วคนเล่า นับรวม 2 ราย กระทั่งรายล่าสุด ฝ่ายหญิงตัดสินใจนำความเข้าแจ้งต่อตำรวจและชี้ตัวทุกคนที่ร่วมกระบวนการได้อย่างแม่นยำ 11 ใน 13 คนรวมทั้งต้น ถูกนำตัวไป...บ้านเมตตา

ต้นเป็นเพียง 1 ใน หลายพันชีวิตที่สามารถหลงผิดได้โดยผ่านกระบวนการขัดเหลาทางสังคมที่แตกต่าง ผนวกประสานกับความคิดแบบชั้นเดียว ไม่เคยสำนึกรู้ว่าเหยื่อจะเจ็บปวดจากการกระทำของตัว ทำให้คดีอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นทุกวัน

คำถามที่ตามมาก็คือ การที่ต้นมีแนวความคิดเช่นนี้เกิดจากอะไร และมีแนวทางแก้ไขได้หรือไม่

น.พ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิต ให้ภาพว่า พฤติกรรมของคนถูกกำหนดด้วย 2 สิ่งคือ สัญชาตญาณกับการเรียนรู้ โดยการเรียนรู้ก็สามารถแยกย่อยได้อีกว่า เรียนรู้แบบไหน เรียนรู้แบบกลางๆ คือ ทำโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือเรียนรู้จนสามารถคิดได้ว่าอะไรดีไม่ดี

กรณีของการโทรมหญิงนั้น ผู้กระทำไม่เคยรับรู้ถึงสภาพจิตใจของเหยื่อว่า เขาจะรู้สึกอย่างไร หรือแม้แต่หญิงขายบริการเองก็ถูกตัดสินว่า เขามีความสุขกับแขกทุกคนทั้งที่ความจริงอาจไม่ใช่ คนประพฤติเช่นนี้มีปัญหาทางบุคลิกภาพ เมื่อประกอบกับการได้ดูวีดีโอลามก อาจทำให้เกิดความฝังใจที่ผิด เมื่อมีการชักชวนกันรุมโทรมหญิงก็จะส่งผลกระทบไปถึงเหยื่อ “เขาได้ยินเสียงร้องด้วยความกลัวและความเจ็บปวดของเหยื่อ บางครั้งก็เป็นการไปปลุกเร้าอารมณ์ เพราะเรียนรู้จากวีดีโอมาอย่างนั้นว่าผู้หญิงบางคนก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทั้งที่มีความสุข เขาไม่สามารถจะแยกแยะได้ ซึ่งต้องกลับมาดูว่า ทำไมสังคมจึงถูกปล่อยปละละเลยให้อบายมุขเหล่านี้แพร่หลาย” น.พ.ประเวช ตั้งปุจฉากับสังคม

สำหรับกรณีของต้นนั้น น.พ.ประเวช มองว่า จิตใต้สำนึกของเขาเป็นตัวสั่งการ ภาพที่เขาเคยเห็นหญิงบริการร่วมรักกันต่อหน้า มันไม่ใช่สิ่งผิดหรือเลวร้าย และยิ่งเมื่อเขาลงมือจริงแล้ว ไม่ถูกจับกุมมันยิ่งทำให้ฮึกเหิมและกระทำซ้ำ ต้น ไม่ใช่คนที่คิดหรือมองอะไรแบบลึกซึ้ง เป็นคนคิดอะไรแบบชั้นเดียว ไม่มองอะไรไกล วิธีฝึกคนประเภทนี้คือ ต้องให้เขาให้ไกลสอนให้รู้ถึงผิดชอบชั่วดีที่สำคัญ ทั้งนี้ สิ่งแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญที่จะชี้ขาดถึงพฤติกรรมมนุษย์ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น