xs
xsm
sm
md
lg

โบท็อกซ์:ความสวยที่ต้องระวัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากกรณีที่มีข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้ป่วย 4 รายที่เข้ารับการรักษาริ้วรอยบนใบหน้าที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดาด้วยการฉีด “โบท็อกซ์” หลังจากนั้นก็เกิดอาการล้มป่วยและทรุดหนกจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง จนสร้างความตื่นตระหนักเป็นวงกว้าง รวมทั้งในประเทศไทยด้วยนั้น

พ.ญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ เลขาธิการสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณแห่งประเทศไทย และอาจารย์พิเศษทางด้านผิวพรรณ โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สำหรับคนไทยที่ต้องการเสริมสวยด้วยวิธีการฉีดโบท็อกซ์นั้น ควรแน่ใจว่า ได้รับบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและได้ใช้สารโบท็อกซ์ของแท้ที่ผ่านมารับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วอาจเกิดกรณีผิดพลาดทางเทคนิคดังกล่าวได้

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานกรณีเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้น อารที่ไม่พึงประสงค์ของการฉีดโบท็อกซ์จะมีไม่มากนัก อย่างเช่น หนังตาตกหรือคิ้วตก ซึ่งก็จะพบเพียง 1 ใน 200 รายเท่านั้นตามที่บริษัทผู้ผลิตได้รายงานไว้ แต่อาจจะมีโอกาสเป็นมากขึ้นหากไม่ได้ใช้โบทูลินั่มท็อกซินที่ได้รับมาตรฐาน

สำหรับสาเหตุสำคัญที่เกิดปัญหา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพทย์หรือผู้ฉีดไม่มีความชำนาญหรือฉีดเข้าผิดที่เนื่องจากไม่ได้รับการฝึกฝนเพียงพอ ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามนั้นต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวและประสบการณ์ของแพทย์อย่างมาก ขณะที่การใช้ปริมาณเกินกว่าที่กำหนดก็อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้เช่นกัน

ทั้งนี้ โบท็อกซ์เป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ซึ่งประกอบไปด้วยโปรตีนชื่อ โบทูลินัมท็อกซินบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดจากจุลินทรีย์ชื่อClostridium botulinum เมื่อนำมาใช้ในปริมาณที่หมาะสมจะสามารถกระชับผิวให้เต่งตึงได้ เพราะโบท็อกซ์มีคุณสมบัติในการควบคุมปลายประสาทของกล้ามเนื้อที่มีริ้วรอย เช่น รอยยับกลางหน้าผาก รอยย่นที่หัวคิ้ว หางตาตกและรอยตีนกา ฯลฯ

เมื่อฉีดในตำแหน่งและปริมาณยาที่เหมาะสมแล้ว สามารถที่จะทุเลาริ้วรอยได้ทันทีจากการรักษาในครั้งแรก และเมื่อมีการเติมสารนี้ซ้ำตามที่แพทย์กำหนด 3-4 ครั้ง ก็อาจช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ แต่แพทย์ผู้รักษาจะต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการกำหนดตำแหน่งที่จะฉีดสารนี้ รวมทั้งใช้ปริมาณยาและระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะทำให้ใบหน้าของผู้รับการรักษาดูเป็นธรรมชาติ

ส่วนผลข้างเคียงหลังการรักษาอาจจะมีเล็กน้อย เช่น อาการปวดหัว หายใจติดขัด เป็นไข้ ตาปรือและคลื่นเหียนอาเจียน

“ก่อนจะตัดสินใจใช้โบท็อกซ์หรือทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงามชนิดใดก็ตาม ควรต้องนั่งคุยกับหมอ หรือปรึกษาหมออย่างรอบคอบ ซึ่งผู้เหมาะสมกับการใช้โบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยบนผิวหน้าควรมีอายุไม่มากจนเกินไป หรือหากมีริ้วรอยมากจนเกินไปก็ควรคำนึงถึงการรักษาด้วยวิธีอื่น แต่เพื่อให้แน่ใจ คงต้องปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ จะเป็นการดีที่สุด”พ.ญ.นันทภัทร์ให้คำแนะนำทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น