กระทรวงแรงงานเผยแรงงานไทยกินหอยแล้วป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลเป็นเรื่องจริง โดยกินหอยทากยักษ์เข้าไปโดยไม่ได้ปรุงสุก แต่รักษาหายกลับประเทศไทยแล้ว 2 คน ยังเหลืออีก 2 คน เป็นชาวนครพนมและหนองคาย ขณะนี้อาการยังน่าเป็นห่วงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ด้านญาติทราบข่าวแล้วเตรียมบินไปเยี่ยมวันพรุ่งนี้ ขณะที่อธิบดีกรมควบคุมโรค อีเมลพูดคุยกับทีมแพทย์ในไต้หวันขอข้อมูลเชื้อพยาธิที่พบในสมองคนงานไทยที่ป่วย อาจจะเป็นตัวเดียวกับที่พบในหอยโข่งทางภาคอีสานของไทย ทำให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรง เรียกว่า “พยาธิปวดหัวหอย”
จากกรณีสำนักงานข่าวต่างประเทศรายงานว่ามีแรงงานไทย 4 คน ในไต้หวันรับประทานหอยโข่งและล้มป่วยถูกหามส่งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจพบพยาธิในหอยไชขึ้นสมองป่วยเข้าขั้นโคม่า 2 คน นั้น นายสิงหเดช ชูอำนาจ ผู้อำนวยการกลุ่มงานประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลไปยังสำนักงานแรงงานไทยในกรุงไทเป ทราบว่า แรงงานไทยทั้ง 4 คน ทำงานก่อสร้างที่เมืองอี้หลาน อยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะไต้หวัน โดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้ง 4 คนไปงมหอย เป็นหอยทากยักษ์และรับประทานเข้าไปโดยไม่ได้ปรุงสุก หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ เกิดอาการไม่ดีจึงถูกนำส่งโรงพยาบาลในเมืองอี้หลาน
นายสิงหเดช กล่าวต่อว่าคนงานทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายทวี กันตา นายเรืองชัย ไม่ทราบนามสกุล นายสายัณห์ รูปดี ชาวนครพนม และนายประยูร ราชบุตรดี ชาวหนองคาย โดยทั้ง 4 คน ไปทำงานกับนายจ้างบริษัท “อาร์เซอร์ เอ็นจิเนียริ่ง” ซึ่งทำก่อสร้างทาง ปรากฏว่า 2 คนแรก คือนายทวี และนายเรืองชัยรักษาหายแล้ว และเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าไปอยู่ที่ใด ส่วนคนที่ 3 และ 4 คือ นายสายัณห์และนายประยูร รายงานของแพทย์ระบุว่าอยู่ในขั้นหนักเพราะพยาธิที่มากับหอยทากเข้าไปในสมอง และขณะนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษานั้น นายจ้างเป็นผู้ดูแล เพราะมีเงินประกันที่หักจากค่าจ้างไว้ คือเงินประกันอุบัติเหตุและเงินประกันภัยด้านแรงงาน
“สำนักงานแรงงานที่ไทเปทราบเรื่องและตามเรื่องมาตลอดได้พูดคุยกับบริษัทนายจ้างยืนยันว่าจะให้การดูแลอย่างดีแต่ปัญหาคือ 2 คนนี้ต้องเฝ้าไข้กันอย่างใกล้ชิด และขณะนี้ได้อออกประกาศเตือนแรงงานไทยคนอื่น ๆ ผ่านวิทยุแรงงานที่ไต้หวันแล้วว่า อย่าไปกินอาหารแปลก ๆ ที่ไม่รู้จัก ให้กินตามคนของประเทศเขา คิดว่าคงเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์” นายสิงหเดช กล่าว และว่า ขณะนี้ญาติของนายสายัณห์และนายประยูรทราบข่าวการป่วยแล้ว และจะเดินทางไปเยี่ยมในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.)โดยทางบริษัทนายจ้างเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
ขณะที่ น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เป็นหอยทาก คล้าย ๆ หอยโข่ง เป็นตระกูลเดียวกัน นำมาทานดิบ ๆ ซึ่งอะไรก็ตามที่ทานดิบอันตรายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหอยหรือปลา อย่างไรก็ตาม อาการโคม่าและสมองตายลักษณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าเป็นพยาธิชนิดเดียวกับที่พบในหอยโข่งในเมืองไทย ทางภาคอีสานหรือไม่ เพราะชอบกินลาบ กินก้อยดิบ ๆ จึงอีเมลไปทางไต้หวัน ซึ่งกำลังรอคำตอบว่าตัวเชื้อที่ตรวจพบเป็นอย่างไร
“หมอต่อหมอคุยกัน นักระบาดวิทยาต่อนักระบาดคุยกัน จะได้ตรวจเชื้อที่ชัดเจน ตามข่าวที่ได้รับยังไม่แน่ชัดนัก เข้าใจว่าอาจจะเป็นพยาธิชนิดหนึ่งที่เราพบในหอยทางอีสานบ้านเรา จะเป็นหอยโข่ง แต่หอยโข่งที่พบบ้านเราและพบบ่อยจนชาวบ้านรู้จักดี ชาวอีสานเรียกว่าพยาธิปวดหัวหอย เพราะพยาธินี้เมื่อกินเข้าไปแล้ว จะไชเข้ากระแสโลหิตและไหลไปตามกระแสโลหิต และชอบไปที่สมอง อาการทั่วไปจะเริ่มต้นด้วยมีไข้สูง ปวดหัว แรก ๆ เป็น ๆ หายแล้วปวดหนักและทำลายเนื้อสมอง อยู่ที่ว่าเป็นสมองส่วนไหน ถ้าอยู่บริเวณสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวก็จะเกิดอัมพาต ไปตรงสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจก็มีสิทธิที่จะหยุดหายใจได้ แต่ที่บ้านเรายังถึงขนาดโคม่า แต่ก็หนัก แรก ๆ คนก็คิดว่าผีเข้าต้องไล่ผี ไล่แล้วบางทีก็หาย บางทีก็ไม่หาย ที่หายก็เพราะมันหยุดเคลื่อนไหวอาการก็เบาลง แต่ข่าวคนงานไทยที่ไต้หวันโคม่าเลย เนื้อสมองตายถาวรก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง และโคม่าแบบไหน กินทั้ง 4 คนหรือเปล่า เพราะอีก 2 คนหายอีก 2 คนยังไม่หาย เลยอีเมลไปแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว