xs
xsm
sm
md
lg

รสนา จี้สธ.เผยผลสอบทุจริตยา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“รสนา” เตรียมแจ้งความดำเนินคดีบริษัทยา หาก สตช.ไม่ดำเนินการ พร้อมจี้ สธ.เผยผลสอบคณะอนุกรรมการสอบข้าราชการ หลังขอดูมานานแต่ไม่ได้ ขณะที่การเสวนาองค์กรพัฒนาเอกชน ทุจริตยา 1,400 ล้านบาท ชี้ยังมีศึกตรวจจับคอรัปชั่นครั้งใหญ่รออยู่ข้างหน้า เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือ

นางสาวรสนา โตสิตระกูล ประธานเครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชนต่อต้านคอรัปชั่น กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามการดำเนินการกับบริษัทยาที่เป็นผู้จ่ายสินบนให้กับนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า ขณะนี้เท่าที่ติดตามยังไม่ทราบว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ไปถึงขึ้นตอนไหนแล้ว ซึ่งหากยังพบว่ายังไม่มีการดำเนินคดี และจำเป็นต้องมีผู้กล่าวหา ทางเครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชนฯ จะเป็นผู้ดำเนินการเข้าแจ้งความเพื่อให้เกิดการดำเนินการทางคดีเอง เพราะเรื่องนี้ถือเป็นความผิดต่อแผ่นดินดังนั้นประชาชนเองสามารถเข้าแจ้งความได้ แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบก่อนว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำตามขั้นตอนไปถึงไหนแล้ว

“เท่าที่ทราบจากรองอธิบดีกรมอัยการฝ่ายต่างประเทศ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องเป็นเจ้าทุกข์ฟ้องร้อง แต่ที่ผ่านมากลับอ้างว่า ทาง ปปช.ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย เพราะไม่แน่ใจว่า ปปช.จะเข้าดำเนินการได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นคำพิพากษาของศาลฎีกาผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง แต่บริษัทยาจะต้องขึ้นศาลปกติ ดังนั้น จะต้องเป็นไปตาม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะเลือกหยิบเรื่องขึ้นมาส่งไปยังอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้อง หรือจะอาศัยช่องโหว่กฎหมาย หากไม่มีใครมาแจ้งความก็ไม่ดำเนินการใด ๆ"ประธานเครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชน กล่าว

นางสาวรสนา ยังเรียกร้องให้มีการนำผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการสอบสวนข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตยา ของกระทรวงสาธารณสุข ที่เสนอต่อคณะกรรมการตรวจสอบชุด นายธงทอง จันทราสุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ออกมาเปิดเผย เนื่องจากทราบว่ายังมีความผิดปกติ เรื่องนี้จะต้องดูในภาพรวม เพราะผู้ชงเรื่องให้มีการทุจริตเกิดขึ้น จะต้องเป็นระดับผู้บริหารกระทรวง ในการยกเลิกราคากลางยา แต่ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขกลับช่วยเหลือกันเอง ซึ่งทาง 30 องค์กรพัฒนาเอกชนได้เคยยื่นเรื่องให้ทาง ปปช.ตรวจสอบ แต่เรื่องยังคงค้างอยู่

“การตรวจสอบชุดอาจารย์ธงทองถือว่ายังไม่แจ่มแจ้ง เพราะรับทราบมาว่า คณะอนุกรรมการในส่วนของอัยการ ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ชี้ว่ามีความผิด มีเพียงกรรมการเสียงส่วนน้อยที่เป็นของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้นที่ชี้ว่าไม่มีความผิด แต่คณะกรรมการชุดใหญ่กลับสรุปโดยใช้ความเห็นของเสียงข้างน้อย ที่ผ่านมาได้ขอเอกสารไปแล้ว แต่กลับได้เพียงผลสอบในคณะกรรมการชุดใหญ่เท่านั้น หากแน่จริงให้นำผลสอบของอนุกรรมการออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน และชี้ด้วยว่ามีเหตุผลอะไรที่คณะกรรมการชุดใหญ่นำเสียงส่วนน้อยมาใช้ในการตัดสิน ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่ายังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะยังไม่มีการดำเนินการทั้ง บริษัทยา และข้าราชการ “

นางรสนา ยังได้กล่าวในการเสวนาเรื่อง องค์กรพัฒนาเอกชนกับกระบวนการทางสังคม กรณีทุจริตคอรัปชั่น 1,400 ล้านบาท ว่า ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันแตกต่างจากอดีต ที่รักศักดิ์ศรี และพร้อมชนถึงขึ้นลาออกจากตำแหน่ง หากมีการสั่งการที่ไม่ถูกต้อง แต่ปัจจุบันเรียกได้ว่า หิ้วกระเป๋าเฝ้าสนามบิน ใช้แต่ประสาทไขสันหลังก้มโค้งให้กับนักการเมือง ซึ่งวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงไป หวังเพียงตำแหน่ง ทำให้เกิดการคอรัปชั่นมีมากขึ้น

“กรณีทุจริตยาถือเป็นกรณีแรกที่เกิดจากการตรวจสอบโดยภาคประชาชน แต่ต่อไปเราจะต้องแสวงหาความรู้การตรวจสอบคอรัปชั่นให้มากขึ้น เพราะการคอรัปชั่นปัจจุบันเนียนขึ้นกว่าในอดีต อาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย นักธุรกิจเข้ายึดอำนาจฝ่ายการเมือง ซึ่งอยากให้จับตาการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จะเป็นการคอรัปชั่นที่ใหญ่มาก นำผลประโยชน์ของชาติมาแบ่งให้กับคนไม่กี่กลุ่ม ซึ่งประชาชนจะต้องร่วมกันตรวจสอบเพื่อถ่วงดุลย์"

ขณะที่ ภญ.สำลี ใจดี อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษากลุ่มปัญหายา กล่าวว่า ปัญหาทุจริตยาถือเป็นวิกฤตทางจริยธรรม เพราะปรัชญาวิชาชีพแพทย์ พยาบาลจะต้องยึดผลประโยชน์ของผู้ป่วย และประชาชนสูงสุด หากมีการปล่อยให้การทุจริตผ่านไป ประเทศจะเสียหายสูงสุด อย่างไรก็ตาม จากนี้อยากให้ช่วยกันติดตามตรวจสอบการคอรัปชั่นมากยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้การแปรรูปประเทศไทยกำลังเกิดขึ้นแล้ว มีการรื้อระบบกฎหมาย การเปิดเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมไปถึงการสนับสนุนโอทอปที่เป็นการทำลายศิลปวัฒนธรรมความหลากหลายของท้องถิ่น ซึ่งความทุกข์ยากของประชาชนจะเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ การทุจริตคอรัปชั่นที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นศึกใหญ่กว่าการทุจริตยา แต่ใหญ่แค่ไหนหากร่วมมือกัน เชื่อว่าจะสู้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น