xs
xsm
sm
md
lg

ท้าชน! ใครแน่ขวางหมอนวดตาบอดขึ้นทะเบียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรมแพทย์แผนไทยฯ แตก 2 หมอ “วิชัย” “เพ็ญนภา” แลกหมัด ท้าพิสูจน์ใครกันแน่ขวางผู้พิการทางสายตาประกอบอาชีพนวด ขณะที่ม็อบคนตาบอดกว่า 500 คน บุกสธ. ค้านสุดตัวกฎหมายกีดกันอาชีพนวดไทย ขู่หากคำตอบไม่น่าพอใจจะร้องต่อศาลปกครองต่อไป ด้าน ปลัดสธ. รับปากจะทบทวนข้อกังวลของวณิพกมากความสามารถ

นายสมชาย ปัญญ์เอกวงศ์ ประธานฝ่ายอาชีพสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เป็นแกนนำคนตาบอดกว่า 500 คนชุมนุมที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คัดค้านร่างประกาศคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย สธ. กีดกันคนตาบอดมิให้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนตาบอดกว่า 200 คนทยอยมาชุมนุมตั้งแต่เวลา 11.00 น.ที่บริเวณหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่เนื่องจากอากาศร้อนเจ้าหน้าที่สธ. จึงประสานงานกับแกนนำคนตาบอด นำกลุ่มผู้ชุมนุมมาที่ห้องโถง ใต้ถุนอาคาร 1 พร้อมจัดหาน้ำดื่มและอาหารกลางวันให้ กระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น.นพ.วิชัย เทียนถาวร ปลัดสธ. ได้ปราศรัยกับผู้ชุมนุม ให้คำยืนยันว่าสธ.จะทบทวนประกาศดังกล่าว แต่ตัวแทนผู้ชุมนุมยังไม่ยอมยื่นหนังสือร้องเรียนกับปลัดสธ. โดยระบุว่า จะรอให้กลุ่มผู้ชุมนุมมาพร้อมกันในเวลา 13.30 น.ก่อน

นายสมชาย กล่าวว่า ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย เนื่องจากร่างประกาศดังกล่าวมีข้อความห้ามมิให้คนตาบอดสนิททั้ง 2 ข้างขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย หากประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ หมอนวดตาบอดจะกลายเป็นหมอเถื่อนทันที ปัจจุบันมีคนตาบอดผ่านการฝึกอาชีพนวดไม่ต่ำกว่า 3,000 คน เปิดร้านนวดใน 49 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเป็นทั้งเจ้าของร้านและบางส่วนทำงานในร้านนวดแผนไทย

นายต่อพงศ์ เสลานนท์ โฆษกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อาชีพนวดเป็นอาชีพที่คนตาบอดทำได้ดี มีอาชีพไม่กี่อย่างที่คนตาบอดทำได้ในปัจจุบันเช่น ขายล็อตเตอรี่ นวด รับราชการครู นักดนตรี พนักงานรับโทรศัพท์ หากประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้จะมีผลกระทบต่อคนตาบอดทั่วประเทศกว่า 10,000 คน ทำให้สูญเสียอาชีพ

นพ.วิชัย ให้สัมภาษณ์ว่า อาศัยตามมาตรา 32(6) พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ซึ่งมาตรา 29 ประกอบมาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้ สธ.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย พิจารณาการขอรับใบประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ซึ่งข้อ 1 มีข้อความห้ามมิให้ผู้ตาบอดสนิทขึ้นทะเบียนขอใบประกอบโรคศิลปะ

โดยปัญหานี้ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สธ. รับทราบแล้ว มีนโยบายให้คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยไปทบทวนประเด็นที่คนตาบอดร้องเรียน ซึ่งมติของคณะกรรมการวิชาชีพฯสามารถทบทวนได้ตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งคนตาบอดมีทักษะทางการนวดและ ใจเย็น

นายธเนตร บัวแย้ม กลุ่มงานกฎหมายและการประกอบโรคศิลปะ กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพ 9 สาขาต้องสอบใบประกอบโรคศิลปะ ประกอบด้วย 1.สาขาการแพทย์แผนไทย มี 4 ประเภทคือ ประเภทเวชกรรมไทย ประเภทเภสัชกรรมไทย ประเภทการผดุงครรภ์ไทย ประเภทการนวดไทย 2.สาขาแพทย์แผนไทยประยุกต์

3.สาขาเทคนิคการแพทย์ 4.สาขากายภาพบำบัด 5.สาขากิจกรรมบำบัด 6.สาขารังสีเทคนิค 7.สาขาการแก้ไขความผิดปกติของการสื่อความหมาย 8.สาขาหัวใจและทรวงอก และ 9.สาขาจิตวิทยาคลินิก ซึ่งทั้ง 9 สาขาต้องสอบวัดความรู้ มีคุณสมบัติและความรู้ตามที่กฎหมายกำหนด

ในมาตรา 32(6) กำหนดลักษณะทุพพลภาพหรือโรคต้องห้ามไว้ ทั้ง 9 สาขาจึงออกประกาศกำหนดลักษณะทุพพลภาพหรือโรคต้องห้าม ยังอยู่ในระหว่างร่างประกาศ ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะสาขาแพทย์แผนไทยกำหนดเรื่อง ตาบอดทั้ง 2 ข้างเป็นลักษณะทุพพลภาพต้องห้าม เนื่องจากคณะกรรมการวิชาชีพเห็นว่า การประกอบวิชาชีพศิลปะเป็นการรักษาโรค ต้องมีการตรวจวินิจฉัย ก่อนลงมือบำบัดรักษา ทั้งนี้ การประกอบโรคศิลปะกับการนวดเพื่อสุขภาพเป็นคนละเรื่องกัน

“คนตาบอดยังนวดเพื่อสุขภาพ นวดผ่อนคลาย นวดเท้า เขายังทำได้ แต่ถ้าหากจะนวดเพื่อการรักษาโรค มีเส้นประธานสิบ เป็นการประกอบโรคศิลปะ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ท่านปลัดฯและกระทรวงฯรับคำร้องเรียนตรงนี้ไป และอาจทบทวน ยกเลิก (1) ตาบอดสนิทไป”นายธเนตร กล่าว

ส่วนผู้ที่จะสอบรับใบประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยประเภทการนวดไทย ต้องเรียน อย่างต่ำ 800 ชั่วโมงในเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี

ต่อมาเวลา 13.30 น.นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี รองปลัดสธ. ได้เป็นผู้มารับเรื่องร้องเรียนและกลุ่มคนตาบอดเดินทางกลับ

ด้านนายต่อพงศ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ต้องการให้ตัดคำว่าทุพพลภาพ ตาบอดสนิททั้ง 2 ข้างออกจากประกาศฯ การขึ้นทะเบียนเพื่อรับใบประกอบโรคศิลปะให้ออกข้อสอบวัดความสามารถของหมอนวดแทนการกำหนดเรื่องทุพพลภาพ อย่าใช้ความพิการเป็นเครื่องตัดสิน หากคนตาบอดทำได้ก็ให้ใบประกอบโรคศิลปะ ซึ่งพวกเรายอมรับว่า ฝีมือการนวดของคนตาบอดมีหลายระดับ ความก้าวหน้าในอาชีพต้องมีพัฒนาการ ซึ่งใบประกอบโรคศิลปะประเภทการนวดไทยเป็นสุดยอดของคนนวดตาบอด เราเป็นคนไทยเหมือนกัน ควรให้โอกาสพวกเราด้วย ไม่ใช่เป็นได้แค่หมอนวดเพื่อสุขภาพ

“เราเรียกร้องตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ส่งข่าวสารไปทั่วประเทศ ร้องเรียนต่อรัฐมนตรีสาธารณสุข ปลัดกระทรวงฯอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย ซึ่งทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รับปากจะตัดคำว่าตาบอดสนิททั้ง 2 ข้างและทุพพลภาพออก หากคำพูดของคนระดับนี้เชื่อถือไม่ได้ ผมว่าค่อนข้างลำบากแล้วประเทศนี้ หากยังมีข้อความเหล่านี้อยู่ พวกเราจะเคลื่อนไหวขอความเป็นธรรมจากศาลปกครอง ถือเป็นคำสั่งของรัฐที่จำกัดสิทธิประชาชน”นายต่อพงศ์ กล่าว

อนึ่งเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์ไทยฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “พลังชีวิต” ทางสถานีวิทยุ อสมท เอฟเอ็ม 100.5 โดย ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีว่า ตนกีดกันผู้พิการทางสายตาไม่ให้ประกอบวิชาชีพนวดนั้นไม่เป็นความจริงเลย เพราะตนเป็นผู้ที่ผลักดันให้หมอนวดพิการทางสายตาสามารถเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรของกระทรวงสาธารณสุข สามารถประกอบโรคศิลปะได้ภายใต้ผู้ประกอบโรคศิลปะ เช่นเดียวกับหมอนวดทั่วไปเพียงแต่หมอนวดผู้พิการทางสายตาผ่านการอบรม 1,200 ชั่วโมง

“สิ่งที่เป็นปัญหาในขณะนี้คือ การตีความของคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย ที่มี น.พ.วิชัย โชควิวัฒน์ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นประธานไปตีความลักษณะทุพพลภาพหรือโรคที่ไม่ให้ขึ้นทะเบียนตามมาตรา 32 (6) ที่ระบุว่า แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542ที่ระบุว่า ทุพพลภาพคือตาบอดทั้งสองข้าง ซึ่งทำให้ผู้พิการทางสายตาไม่สามารถประกอบโรคศิลปะได้ โดยจะออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข แต่โชคดีที่ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข ยังไม่ลงนามและเชื่อว่าท่านจะไม่ลงเพราะท่านเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้พิการประกอบวิชาชีพได้ และขอเรียนพี่น้องผู้พิการทางสายตาทุกคนว่าดิฉันไม่เคยขัดขวางการทำงานของท่าน” พญ.เพ็ญนภา กล่าวเสียงสั่นเครือ

รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ความขัดแย้งในการพิจารณาเรื่องแพทย์แผนไทยนั้น ส่วนใหญ่หากมีการพิจารณาเรื่องระเบียบหรือประกาศอะไร ผู้ที่เป็นประธานจะเป็นจากกลุ่มแพทย์ทางเลือก ทุกวันนี้เรื่องการแพทย์แผนไทยมีความขัดแย้งทางความคิดค่อนข้างสูง เพราะพื้นฐานความรู้ความเข้าใจเรื่องแพทย์แผนไทยนั้นไม่ใช่จะมาเรียนรู้ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ มันต้องอาศัยความเข้าใจเป็นเวลายาวนานเป็น 10 ปี เข้าใจว่าวิชาชีพที่เกี่ยวกับแพทย์แผนไทยเดือดร้อนอย่างไร บางครั้งเราต้องเข้าใจหลักของมนุษยธรรม มนุษยวิทยา ไม่ใช่มาใช้วิทยาศาสตร์และกฎหมายมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการแพทย์แผนไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น