แนวโน้มการหันกลับมาดูแลสุขภาพ กำลังกลายเป็นที่นิยมและให้ความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ควบคู่ไปกับศาสตร์ของแพทย์ทางเลือกใหม่ๆ ที่ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่หวงแหนสุขภาพของตัวเองอยู่ทุกขณะ ทั้งการนำศาสตร์โบราณกลับมารื้อฟื้นภูมิปัญญาความรู้ใหม่ หรือแม้กระทั่งการสร้างและคิดค้นศาสตร์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
หนึ่งในศาสตร์ทางเลือกที่คนไทยอาจยังไม่รู้จักหรือไม่คุ้นหู แต่กลับเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง และแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาก็คือ "ไคโรแพรคติก" (Chairopractic) ซึ่งเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขได้จัดให้มีการประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้น
ดร.โอ๊ต บูรณะสมบัติ นายกสมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า คำว่าไคโรแพรคติกนั้น เป็นคำภาษากรีกซึ่งมีความหมายถึง "การรักษาด้วยมือ" ถือเป็นศาสตร์ทางเลือกของการดูแลระบบสุขภาพอีกแขนงหนึ่ง ซึ่งเน้นไปที่การจัดกระดูกสันหลังและระบบประสาท โดยจะไม่ใช้ยา ไม่ใช้เข็ม และไม่มีการผ่าตัด แต่จะมุ่งรักษาความผิดปกติของโครงสร้างการเคลื่อนไหวของร่างกาย และการคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งปกติของกระดูกสันหลังเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ปัจจุบันไคโรแพรคติกถือเป็น 1 ใน 5 ของศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่องค์การอนามัยโลกให้การยอมรับ ขณะที่ในสหรัฐอเมริกาเอง ผู้คนก็นิยมหันมาหาศาสตร์ของแพทย์ทางเลือกมากขึ้น โดย 6 ใน 10 ของผู้ป่วยจะหันไปหาแพทย์ทางเลือกมากกว่าการเข้าหาแพทย์แผนปัจจุบัน และไคโรแพรคติกนี้ก็ถือเป็นสาขาการแพทย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากแพทย์ ทันตแพทย์ และยังเป็นการแพทย์ทางเลือกที่มีจำนวนมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วย
สำหรับหลักการดูแลของศาสตร์แขนงนี้ เชื่อว่าระบบประสาทเป็นตัวควบคุมการทำงานของร่างกาย ดังนั้น การรบกวนการทำงานของระบบประสาท จึงส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดลงไป ซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยครั้งก็คือ การเคลื่อนของกระดูกสันหลัง ซึ่งวิธีการรักษาแบบไคโรแพรคติกนี้ ก็จะเริ่มต้นคล้ายกับการตรวจวิธีอื่น เช่นการสอบประวัติ การทดสอบระบบของประสาทต่างๆ และบางครั้งก็อาจมีการทำเอกซเรย์ด้วย
นอกเหนือไปจากนี้ ไคโรแพรคติกยังอาศัยการดูลักษณะอีกหลายอย่างก่อนการรักษา เช่น การเดิน เพื่อดูลักษณะโครงสร้างว่า ผู้ป่วยมีความสมดุลแค่ไหน รวมถึงการดูบุคลิกภาพ เพราะคนส่วนใหญ่จะนั่งหลังค่อม ตัวงอ ก็ทำให้โครงสร้างของกระดูกสันหลังงอไปด้วย และก็จะมีการตรวจสอบโดยใช้มือ การตรวจประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของข้อ
"ในการรักษานั้น แพทย์ไคโรแพรคติกจะรักษาด้วยมือ โดยจะใช้มือจัดกระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกราน จากตำแหน่งที่ผิดปกติ ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งส่งผลให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น ส่วนคนไข้ที่จะพบบ่อยในคลินิกที่รักษาด้วยวิธีนี้ คือ อาการปวดหัว ปวดคอ ปวดหลัง และการปวดร้าวหรือชาตามแขนขา ซึ่งองค์การอนามัยโลกก็ยืนยันแล้วว่า อาการดังกล่าวสามารถรักษาด้วยวิธีไคโรแพรคติกได้ผล" ดร.โอ๊ตอธิบาย
อย่างไรก็ดี บางครั้งการรักษาด้วยวิธีนี้ คนป่วยก็อาจมีอาการแทรกซ้อนบ้าง ซึ่งส่วนมากที่พบเห็นมักเป็นคนไข้ที่เข้ามารักษาในครั้งแรก คือเกิดการระบม ปวดเมื่อย แต่เพียงหนึ่งวันก็จะหายเอง และก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรักษานั้น ก็ตกอยู่คราวละประมาณ 600-1000 บาท ต่อครั้ง ครั้งละ30 - 45 นาที และโดยทั่วไปผู้ป่วยก็จะอาการดีขึ้นภายใน 10 ครั้ง
กระนั้นก็ตาม การรักษาด้วยวิธีไคโรแพรคติกก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่ คือต้องดูว่าสภาพกระดูกอยู่ในขั้นไหนแล้ว เพราะหากกระดูกเสื่อม อักเสบ หมอนรองกระดูกเสื่อมหนัก หรือเป็นมะเร็งที่กระดูก ก็จำเป็นที่จะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลต่อไป รวมถึงอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากมีเลือดออก หรือเป็นแผลฉกรรจ์ ก็ต้องส่งให้แพทย์เฉพาะทางในการรักษา
สำหรับอันตรายในการรักษาด้วยวิธีไคโรแพรคติกนั้น ดร.โอ๊ต ยืนยันว่า ในสหรัฐอเมริกา แพทย์ไคโรแพรคติกมีมาแล้วประมาณ 100 ปี มีคนไข้มากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ติดต่อกัน ก็ไม่ปรากฏว่า มีรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ร้ายแรงแต่อย่างใด
"คนทุกเพศ ทุกวัย สามารถที่จะรักษาด้วยวิธีไคโรแพรคติกได้ ขณะที่ในการรักษาก็อาจจะมีการให้วิตามิน หรือให้อาหารเสริมต่างๆ กับผู้ป่วยควบคู่กันไป รวมถึงอาจมีใช้เครื่องมือกายภาพบำบัดเข้าไป แต่ที่สำคัญก็คือผู้ป่วยต้องมีการออกกำลังกายด้วย อย่างไรก็ดี
ขณะนี้แพทย์สาขานี้ในเมืองไทยมีค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในส่วนของสมาคมก็แพทย์เพียง 14 คน ขณะที่สถานที่รักษาส่วนใหญ่ก็จะเป็นตามคลินิกเอกชน เพราะยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนักในเมืองไทย" ดร. โอ๊ตสรุปสถานการณ์ทิ้งท้าย
อนึ่ง สำหรับการรักษาด้วยวิธีไคโรแพรคติกให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ลักษณะท่าทางของหลังให้ถูกต้อง ที่จะไม่ทำให้เกิดการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ ข้อ เส้นเอ็น และอวัยวะภายใน รวมถึงลักษณะของท่าทางที่ดี ก็ควรคำนึงถึงในทุกอริยาบท ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง นอน เดิน พักผ่อน หรือการออกกำลังกาย
สำหรับผู้ที่สนใจในศาสตร์การรักษาไคโรแพรคติกแขนงนี้เพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ สมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย หรือที่ www.thailandchiropractic.org