ใกล้จะหมดภาคเรียนที่ 2 สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เต็มที ซึ่งหลังจากนั้นแต่ละคนก็ต้องแยกย้ายกันไปหาที่ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา แม้ว่าในปีการศึกษานี้ การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาจะยังคงเป็นการเอนทรานซ์ที่กระทำกันมาต่อเนื่องหลายปี ยังไม่ใช่ระบบแอดมิชชั่นที่จะเข้ามาแทนที่ในปีการศึกษา 2549
แต่หลายๆ มหาวิทยาลัย เริ่มมีการปรับ ขยับขยายการ "รับนักศึกษาตรง" ด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านระบบเอนทรานซ์บ้างแล้ว
เริ่มจาก มหาวิทยาลัยมหิดล ที่แจ้งข่าวก่อนมหาวิทยาลัยอื่นๆ ถึงแนวทางการรับตรงนักศึกษา
ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า ในปีการศึกษา 2548 มหาวิทยาลัยจะเปิดรับสมัครคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีและต่ำกว่าปริญญาตรี ในระบบรับตรงเกือบ 2,000 คนจาก 24 หลักสูตรนอกเหนือจากการสอบผ่านระบบเอนทรานซ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
1.โควตาทั่วไป รับสมัครจากทั่วประเทศ ในระดับปริญญาตรี 1,122 คน และต่ำกว่าปริญญาตรี 155 คน ซึ่งเป็นหลักสูตรของคณะต่างๆ ในม.มหิดล และ 4 วิทยาลัย รวมทั้งสถาบันสมทบคือ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์กรุงเทพฯและวชิรพยาบาล
2.โควตาวิทยาเขต/พื้นที่ รับสมัครผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่มีวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยไปตั้งอยู่หรือในจังหวัดใกล้เคียง และในโรงเรียนที่มีข้อตกลงร่วมกัน โดยปริญญาตรีรับจำนวน 554 คน และต่ำกว่าปริญญาตรี 40 คน กล่าวคือวิทยาเขตศาลายา และกาญจนบุรี ได้แก่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และโรงเรียน 2 แห่ง คือมหิดลวิทยานุสรณ์ และไทรโยคมณีกาญจน์วิทยา วิทยาเขตนครสวรรค์ ได้แก่ จ.นครสวรรค์ และวิทยาเขตอำนาจเจริญได้แก่ จ.อำนาจเจริญ นอกจากนั้น มีบางจังหวัดที่ได้โควตาพิเศษในบางหลักสูตร ได้แก่ นครราชสีมาและร้อยเอ็ด
3.โควตาในโครงการร่วมผลิตแพทย์ชนบท จำนวน 96 คน โดยศูนย์แพทย์ฯ รพ.มหาราช นครราชสีมา ได้แก่ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์และชัยภูมิ ศูนย์แพทย์ฯ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ได้แก่ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชรและพิจิตร ศูนย์แพทย์ฯ รพ.ราชบุรีได้แก่จ.ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี และประจวบฯ และศูนย์แพทย์ฯ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรังและพัทลุง
"ข้อดีของนักศึกษารับตรงคือแทบจะไม่มีการลาออกกลางคันเพราะเป็นผู้เลือกคณะเอง ขณะที่นักศึกษาที่มาจากเอนทรานซ์จะลาออกในช่วงปีที่ 2 ประมาณ 20% เนื่องจากมาพบภายหลังว่า ไม่ชอบเรียนสาขาที่เลือก ซึ่งแนวข้อสอบที่ใช้จะเป็นแบบใหม่เพื่อวัดความสามารถในการเรียนรู้ การประมวลและประเมินข้อมูล ที่ต่างจากรูปแบบข้อสอบเดิมๆ ที่วัดว่าใครกาถูกมากกว่ากัน"ศ.ดร.อมเรศ ภูมิรัตน รองอธิการบดีฯ ให้ข้อมูลเสริม
สำหรับหลักสูตรรับตรงระดับปริญญาตรี ได้แก่ แพทยศาสตรบัณฑิตของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี วิทยาลัยแพทยศาสตรกรุงเทพมหานครและวชิระพยาบาล และโครงการร่วมผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท หลักสูตรทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต เภสัชศาสตร์บัณฑิต สัตวแพทย์ศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณทิต สาขาต่างๆ ได้แก่ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ พฤกษาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีการอาหาร ชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ วิทยาศาสตร์การเกษตรและธรณีศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์การกีฬา หลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต หลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต หลักสูตรการจัดการบัณฑิต โดยมีหลักสูตรนานาชาติที่จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ 4 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรบริหารธุรกิจ หลักสูตรศิลปะศาสตรบัณฑิต หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
ส่วนระดับต่ำกว่าปริญญาตรี เป็นหลักสูตรคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลที่รับผู้จบมัธยมศึกษาตอนปลายแผนวิทยาศาสตร์เข้าศึกษาในหลักสูตรอนุปริญญาวิทยาศาสตร์การแพทย์(รังสีเทคนิค) ประกาศนียบัตรพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์และประกาศนียบัตรพยาบาล
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครสอบได้โดยส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ได้ตั้งแต่วันนี้ -16 ก.ย.โดยสามารถพิมพ์ใบสมัครจากwww.mahidol.ac.th.muthai หรือขอได้จากโรงเรียนที่ผู้สมัครสังกัด กำหนดสอบข้อเขียนในวันที่ 6-7 พ.ย.2547 พร้อมกันทุกหลักสูตร ซึ่งจะสอบวิชาสามัญ 7 วิชา ได้แก่ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และสังคมศึกษา ซึ่งวิชาที่สอบจะแตกต่างกันตามลักษณะของหลักสูตร และบางหลักสูตรจะมีการสอบวิชาเฉพาะและตรวจสุขภาพจิตร่วมด้วย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยฯ ได้จัดสนามสอบกระจายไว้ทั่วทุกภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาด้วย โดยจะประกาศผลสอบประมาณวันที่ 7 ม.ค.2548 ก่อนการยื่นคะแนนเพื่อสมัครเข้ารับการคัดเลือกเอนทรานซ์ อีกมหาวิทยาลัยหนึ่งที่ประกาศจำนวนโควตารับตรงออกมาในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน คือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า ในปีนี้มศวรับนิสิตโดยการสอบตรงกับทางมหาวิทยาลัยถึง 50 % และรับจากการสอบผ่านระบบเอนทรานซ์อีก 50 % โดยเปิดใน 9 หลักสูตร 35 วิชาเอก ได้แก่ คณะแพทย์ศาสตร์ เภสัชศาสตร์พยาบาลศาสตร์ สหเวชศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ พลศึกษา มนุษยศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสถาบันพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือรับรวมทั้งสิ้น 1,145 คน
"มศว พัฒนาเรื่องการรับนิสิตโดยการสอบตรงมานาน เราพยายามลดจำนวนนิสิตจากการสอบโดยผ่านการสอบเอนทรานซ์ลง การสอบตรงในความหมายของผมก็คือระบบแอดมิชชั่น แต่เป็นการดำเนินการโดยมหาวิทยาลัย ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจะมีศูนย์เพื่อประสานงานซึ่งไม่ใช่ศูนย์สอบแนวทางตรงนั้นก็จะมีผลมาสู่มศว และทุกๆมหาวิทยาลัยด้วย การที่มหาวิทยาลัยรับตรงจะมีผลดีตรงที่ แต่ละมหาวิทยาลัยมีธรรมชาติ มีวัฒนธรรม วิสัยทัศน์ และการที่นักเรียนเข้ามาเลือกเรียน แสดงให้เห็นว่าเขาเห็นชอบเห็นพ้องกับสถาบันการศึกษานั้นๆ และเขาจะเข้ามาสู่ระบบแอดมิชชั่นของแต่ละมหาวิทยาลัย"
ด้าน รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มศว ให้ข้อมูลด้วยว่า การสอบตรงมีข้อดีคือทำให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองสนใจและรัก ประกอบกับมหาวิทยาลัยก็คัดเลือกโดยใช้เกณฑ์ของสถาบันเพื่อให้ได้คนที่ตรงกับความต้องการของมหาวิทยาลัยมากที่สุด
ทั้งนี้ นักเรียนคนใดสนใจสอบเข้าเรียนที่ มศว สามารถซื้อใบสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ 30 ก.ย.ที่ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ถนนสุขุมวิท 23 หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2664-1000 ต่อ 5716 ,5717 และ5665 และสามารถสั่งซื้อใบสมัครได้ทางไปรษณีย์ได้ตั้งแต่วันouh- 15 ก.ย. โดยสั่งจ่าย ผู้อำนวยการกองคลัง ตู้ปณ.15 ศรีนครินทรวิโรฒ กทม.10117 หรือสามารถพิมพ์ใบสมัครจากอินเทอร์เนต ดูรายละเอียดได้ที่ http:admission.swu.ac.th/และเลือกหัวข้อ "รับสมัครเข้าศึกษาต่อ" ตั้งแต่วันนี้-20 ก.ย.47
ปิดท้ายกันที่ "คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ที่ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่า ในปีการศึกษา 2548 จะรับตรงทั้งหมด 100% เช่นกัน ขณะที่คณะอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อกำหนดสัดส่วนการรับนักศึกษาว่าจะแบ่งออกเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นระบบโครงการที่มีวิธีการรับพิเศษ วิธีรับตรง International Program หรือเอนทรานซ์ ซึ่งคาดว่าคงจะสามารถสรุปได้เร็วๆ นี้
ส่วนรายละเอียดการรับตรงของมหาวิทยาลัยอื่นๆ นั้น คาดว่าจะทยอยออกระเบียบการและเงื่อนไขการรับสมัครตามกันมาในระยะเวลาอันใกล้นี้...คงต้องติดตามกันต่อไป
แต่หลายๆ มหาวิทยาลัย เริ่มมีการปรับ ขยับขยายการ "รับนักศึกษาตรง" ด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านระบบเอนทรานซ์บ้างแล้ว
เริ่มจาก มหาวิทยาลัยมหิดล ที่แจ้งข่าวก่อนมหาวิทยาลัยอื่นๆ ถึงแนวทางการรับตรงนักศึกษา
ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า ในปีการศึกษา 2548 มหาวิทยาลัยจะเปิดรับสมัครคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีและต่ำกว่าปริญญาตรี ในระบบรับตรงเกือบ 2,000 คนจาก 24 หลักสูตรนอกเหนือจากการสอบผ่านระบบเอนทรานซ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
1.โควตาทั่วไป รับสมัครจากทั่วประเทศ ในระดับปริญญาตรี 1,122 คน และต่ำกว่าปริญญาตรี 155 คน ซึ่งเป็นหลักสูตรของคณะต่างๆ ในม.มหิดล และ 4 วิทยาลัย รวมทั้งสถาบันสมทบคือ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์กรุงเทพฯและวชิรพยาบาล
2.โควตาวิทยาเขต/พื้นที่ รับสมัครผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่มีวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยไปตั้งอยู่หรือในจังหวัดใกล้เคียง และในโรงเรียนที่มีข้อตกลงร่วมกัน โดยปริญญาตรีรับจำนวน 554 คน และต่ำกว่าปริญญาตรี 40 คน กล่าวคือวิทยาเขตศาลายา และกาญจนบุรี ได้แก่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และโรงเรียน 2 แห่ง คือมหิดลวิทยานุสรณ์ และไทรโยคมณีกาญจน์วิทยา วิทยาเขตนครสวรรค์ ได้แก่ จ.นครสวรรค์ และวิทยาเขตอำนาจเจริญได้แก่ จ.อำนาจเจริญ นอกจากนั้น มีบางจังหวัดที่ได้โควตาพิเศษในบางหลักสูตร ได้แก่ นครราชสีมาและร้อยเอ็ด
3.โควตาในโครงการร่วมผลิตแพทย์ชนบท จำนวน 96 คน โดยศูนย์แพทย์ฯ รพ.มหาราช นครราชสีมา ได้แก่ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์และชัยภูมิ ศูนย์แพทย์ฯ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ได้แก่ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชรและพิจิตร ศูนย์แพทย์ฯ รพ.ราชบุรีได้แก่จ.ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี และประจวบฯ และศูนย์แพทย์ฯ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรังและพัทลุง
"ข้อดีของนักศึกษารับตรงคือแทบจะไม่มีการลาออกกลางคันเพราะเป็นผู้เลือกคณะเอง ขณะที่นักศึกษาที่มาจากเอนทรานซ์จะลาออกในช่วงปีที่ 2 ประมาณ 20% เนื่องจากมาพบภายหลังว่า ไม่ชอบเรียนสาขาที่เลือก ซึ่งแนวข้อสอบที่ใช้จะเป็นแบบใหม่เพื่อวัดความสามารถในการเรียนรู้ การประมวลและประเมินข้อมูล ที่ต่างจากรูปแบบข้อสอบเดิมๆ ที่วัดว่าใครกาถูกมากกว่ากัน"ศ.ดร.อมเรศ ภูมิรัตน รองอธิการบดีฯ ให้ข้อมูลเสริม
สำหรับหลักสูตรรับตรงระดับปริญญาตรี ได้แก่ แพทยศาสตรบัณฑิตของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี วิทยาลัยแพทยศาสตรกรุงเทพมหานครและวชิระพยาบาล และโครงการร่วมผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท หลักสูตรทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต เภสัชศาสตร์บัณฑิต สัตวแพทย์ศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณทิต สาขาต่างๆ ได้แก่ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ พฤกษาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีการอาหาร ชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ วิทยาศาสตร์การเกษตรและธรณีศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์การกีฬา หลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต หลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต หลักสูตรการจัดการบัณฑิต โดยมีหลักสูตรนานาชาติที่จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ 4 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรบริหารธุรกิจ หลักสูตรศิลปะศาสตรบัณฑิต หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
ส่วนระดับต่ำกว่าปริญญาตรี เป็นหลักสูตรคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลที่รับผู้จบมัธยมศึกษาตอนปลายแผนวิทยาศาสตร์เข้าศึกษาในหลักสูตรอนุปริญญาวิทยาศาสตร์การแพทย์(รังสีเทคนิค) ประกาศนียบัตรพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์และประกาศนียบัตรพยาบาล
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครสอบได้โดยส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ได้ตั้งแต่วันนี้ -16 ก.ย.โดยสามารถพิมพ์ใบสมัครจากwww.mahidol.ac.th.muthai หรือขอได้จากโรงเรียนที่ผู้สมัครสังกัด กำหนดสอบข้อเขียนในวันที่ 6-7 พ.ย.2547 พร้อมกันทุกหลักสูตร ซึ่งจะสอบวิชาสามัญ 7 วิชา ได้แก่ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และสังคมศึกษา ซึ่งวิชาที่สอบจะแตกต่างกันตามลักษณะของหลักสูตร และบางหลักสูตรจะมีการสอบวิชาเฉพาะและตรวจสุขภาพจิตร่วมด้วย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยฯ ได้จัดสนามสอบกระจายไว้ทั่วทุกภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาด้วย โดยจะประกาศผลสอบประมาณวันที่ 7 ม.ค.2548 ก่อนการยื่นคะแนนเพื่อสมัครเข้ารับการคัดเลือกเอนทรานซ์ อีกมหาวิทยาลัยหนึ่งที่ประกาศจำนวนโควตารับตรงออกมาในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน คือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า ในปีนี้มศวรับนิสิตโดยการสอบตรงกับทางมหาวิทยาลัยถึง 50 % และรับจากการสอบผ่านระบบเอนทรานซ์อีก 50 % โดยเปิดใน 9 หลักสูตร 35 วิชาเอก ได้แก่ คณะแพทย์ศาสตร์ เภสัชศาสตร์พยาบาลศาสตร์ สหเวชศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ พลศึกษา มนุษยศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสถาบันพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือรับรวมทั้งสิ้น 1,145 คน
"มศว พัฒนาเรื่องการรับนิสิตโดยการสอบตรงมานาน เราพยายามลดจำนวนนิสิตจากการสอบโดยผ่านการสอบเอนทรานซ์ลง การสอบตรงในความหมายของผมก็คือระบบแอดมิชชั่น แต่เป็นการดำเนินการโดยมหาวิทยาลัย ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจะมีศูนย์เพื่อประสานงานซึ่งไม่ใช่ศูนย์สอบแนวทางตรงนั้นก็จะมีผลมาสู่มศว และทุกๆมหาวิทยาลัยด้วย การที่มหาวิทยาลัยรับตรงจะมีผลดีตรงที่ แต่ละมหาวิทยาลัยมีธรรมชาติ มีวัฒนธรรม วิสัยทัศน์ และการที่นักเรียนเข้ามาเลือกเรียน แสดงให้เห็นว่าเขาเห็นชอบเห็นพ้องกับสถาบันการศึกษานั้นๆ และเขาจะเข้ามาสู่ระบบแอดมิชชั่นของแต่ละมหาวิทยาลัย"
ด้าน รศ.ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มศว ให้ข้อมูลด้วยว่า การสอบตรงมีข้อดีคือทำให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองสนใจและรัก ประกอบกับมหาวิทยาลัยก็คัดเลือกโดยใช้เกณฑ์ของสถาบันเพื่อให้ได้คนที่ตรงกับความต้องการของมหาวิทยาลัยมากที่สุด
ทั้งนี้ นักเรียนคนใดสนใจสอบเข้าเรียนที่ มศว สามารถซื้อใบสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ 30 ก.ย.ที่ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ถนนสุขุมวิท 23 หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2664-1000 ต่อ 5716 ,5717 และ5665 และสามารถสั่งซื้อใบสมัครได้ทางไปรษณีย์ได้ตั้งแต่วันouh- 15 ก.ย. โดยสั่งจ่าย ผู้อำนวยการกองคลัง ตู้ปณ.15 ศรีนครินทรวิโรฒ กทม.10117 หรือสามารถพิมพ์ใบสมัครจากอินเทอร์เนต ดูรายละเอียดได้ที่ http:admission.swu.ac.th/และเลือกหัวข้อ "รับสมัครเข้าศึกษาต่อ" ตั้งแต่วันนี้-20 ก.ย.47
ปิดท้ายกันที่ "คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ที่ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่า ในปีการศึกษา 2548 จะรับตรงทั้งหมด 100% เช่นกัน ขณะที่คณะอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อกำหนดสัดส่วนการรับนักศึกษาว่าจะแบ่งออกเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นระบบโครงการที่มีวิธีการรับพิเศษ วิธีรับตรง International Program หรือเอนทรานซ์ ซึ่งคาดว่าคงจะสามารถสรุปได้เร็วๆ นี้
ส่วนรายละเอียดการรับตรงของมหาวิทยาลัยอื่นๆ นั้น คาดว่าจะทยอยออกระเบียบการและเงื่อนไขการรับสมัครตามกันมาในระยะเวลาอันใกล้นี้...คงต้องติดตามกันต่อไป