“อดิศัย” เผยครูที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ สังกัดโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ไม่ใช่ปอเนาะ ระบุบางแห่งมีเด็กมากถึง 5-7 พันคน หวั่นดูแลลำบาก เผยการที่รัฐสามารถจับตัวบุคคลได้ถือเป็นผลงานเพราะที่ผ่านมาไม่เคยรู้ตัวศัตรู และทำให้ต้องระมัดระวังทั้งเรื่องครูและนักเรียน ด้าน สช.เรียกประชุมด่วน 4 โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่มีปัญหา พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ และร่อนมาตรการลงโทษให้กับโรงเรียนเอกชนทุกแห่ง
นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ซึ่งมีครูสอนศาสนาอิสลามเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้นว่า ที่ทางเจ้าหน้าที่จับตัวได้นั้น ทราบว่าไม่ใช่ครูในสถาบันปอเนาะ แต่เป็นครูในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งต้องทำความเข้าใจกันว่า ปอเนาะเป็นสถาบันสอนศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจะสอนสายสามัญควบคู่ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม พบว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาบางแห่งมีเด็กเข้าเรียนมากขึ้น 5,00-7,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่คิดไม่ถึงว่าจะมากขนาดนี้ เพราะยิ่งโรงเรียนมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ก็จะยิ่งดูแลและควบคุมยากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่พบครูที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไม่สงบในภาคใต้จำนวนกี่คน นายอดิศัย กล่าวว่า 1 คน ซึ่งอาจจะมีครูคนอื่นๆ อีกที่ยังไม่ทราบ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังกันต่อไป เพราะถึงแม้ว่ากระทรวงศึกษาธิการ จะทำหน้าที่หลักในการสอนหนังสือ แต่เรื่องความสงบของบ้านเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญ แม้จะจับครูที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวได้ ก็ไม่อยากให้เหมาว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามหรือปอเนาะทั้งหมดจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
“เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นและรัฐบาลสามารถตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นผลงานเพราะที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุเราไม่เคยรู้ว่าใครเป็นตัวการ หรือศัตรูของเราเป็นใคร แต่เมื่อรู้เช่นนี้ก็ทำให้เราสามารถระมักระวังได้ทั้งครูและนักเรียน ส่วนการลดจำนวนปอเนาะลงนั้น คงไม่สามารถทำได้ในวันเดียว แต่หากปล่อยให้มีจำนวนมากเกินไปก็จะดูแลยาก และทำให้ประสิทธิภาพการเรียนการสอนลดลง”นายอดิศัยกล่าวและว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ศธ. กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมก็เข้าไปดูแลร่วมกัน”
ด้านนายสุรเทพ ตั๊นประเสริฐ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวว่า วันที่ 29 ก.ค.นี้ สช.ได้เชิญผู้บริหารโรงเรียนเอกชน จำนวน 4 แห่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาพบปะพูดคยที่กระทรวงศึกษาธิการ และได้ส่ง ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ลงไปประชุมร่วมกับผู้บริหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้
พร้อมกันนี้ได้มีหนังสือชี้แจงมาตรการลงโทษผู้บริหารและครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามและสถาบันศึกษาปอเนาะทั่วประเทศ กรณีไม่ปฎิบัติตามพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน แล้ว อาทิ ไม่ปฎิบัติตามระเบียบหรือยอมให้ผู้อื่นใช้สถานที่หรือบริเวณโรงเรียนทำการสอนหรืออบรมเพื่อสนับสนุนลัทธิที่เป็นภัยต่อความมั่นหรือความปลอดภัยของประเทศ
นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ซึ่งมีครูสอนศาสนาอิสลามเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้นว่า ที่ทางเจ้าหน้าที่จับตัวได้นั้น ทราบว่าไม่ใช่ครูในสถาบันปอเนาะ แต่เป็นครูในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งต้องทำความเข้าใจกันว่า ปอเนาะเป็นสถาบันสอนศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจะสอนสายสามัญควบคู่ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม พบว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาบางแห่งมีเด็กเข้าเรียนมากขึ้น 5,00-7,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่คิดไม่ถึงว่าจะมากขนาดนี้ เพราะยิ่งโรงเรียนมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ก็จะยิ่งดูแลและควบคุมยากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่พบครูที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไม่สงบในภาคใต้จำนวนกี่คน นายอดิศัย กล่าวว่า 1 คน ซึ่งอาจจะมีครูคนอื่นๆ อีกที่ยังไม่ทราบ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังกันต่อไป เพราะถึงแม้ว่ากระทรวงศึกษาธิการ จะทำหน้าที่หลักในการสอนหนังสือ แต่เรื่องความสงบของบ้านเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญ แม้จะจับครูที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวได้ ก็ไม่อยากให้เหมาว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามหรือปอเนาะทั้งหมดจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
“เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นและรัฐบาลสามารถตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นผลงานเพราะที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุเราไม่เคยรู้ว่าใครเป็นตัวการ หรือศัตรูของเราเป็นใคร แต่เมื่อรู้เช่นนี้ก็ทำให้เราสามารถระมักระวังได้ทั้งครูและนักเรียน ส่วนการลดจำนวนปอเนาะลงนั้น คงไม่สามารถทำได้ในวันเดียว แต่หากปล่อยให้มีจำนวนมากเกินไปก็จะดูแลยาก และทำให้ประสิทธิภาพการเรียนการสอนลดลง”นายอดิศัยกล่าวและว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ศธ. กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมก็เข้าไปดูแลร่วมกัน”
ด้านนายสุรเทพ ตั๊นประเสริฐ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวว่า วันที่ 29 ก.ค.นี้ สช.ได้เชิญผู้บริหารโรงเรียนเอกชน จำนวน 4 แห่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาพบปะพูดคยที่กระทรวงศึกษาธิการ และได้ส่ง ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ลงไปประชุมร่วมกับผู้บริหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้
พร้อมกันนี้ได้มีหนังสือชี้แจงมาตรการลงโทษผู้บริหารและครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามและสถาบันศึกษาปอเนาะทั่วประเทศ กรณีไม่ปฎิบัติตามพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน แล้ว อาทิ ไม่ปฎิบัติตามระเบียบหรือยอมให้ผู้อื่นใช้สถานที่หรือบริเวณโรงเรียนทำการสอนหรืออบรมเพื่อสนับสนุนลัทธิที่เป็นภัยต่อความมั่นหรือความปลอดภัยของประเทศ