เผยเอนทรานซ์ปี 2548 จะมีมหาวิทยาลัย 10 แห่งนำรองใช้ระบบแอดมิชชั่นรับนักศึกษาร้อยละ 50 จากเอนทรานซ์ ขณะเดียวกันการรับนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ สามารถใช้แอดมิชชั่นได้ เพราะอาศัยความสามารถเฉพาะตัว ไม่จำเป็นต้องสอบวิชาหลัก ส่วนปี 2549 ยืนยันเลิกระบบเอนทรานซ์ใช้แอดมิชชั่นเต็มรูปแบบ ระบุถ้าไม่เลิกเอนทรานซ์จะเป็นการทำลายสังคมไทยทั้งระบบ
รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) กล่าวถึงระบบกลางการรับนักศึกษา หรือแอดมิชชั่น ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในอุดมศึกษาหรือเอนทรานซ์ปี 2549 ว่าจะยกเลิกเอนทรานซ์กลางแล้วใช้ระบบแอดมิชชั่นแทน โดยจะประมวลความต้องการของมหาวิทยาลัย ซึ่งวิธีคิดดำเนินการคือจะมีหน่วยงานกลางให้เด็กได้สมัครที่เดียว แล้วจัดส่งข้อมูลไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินการคัดเลือกโดยอาจจะพิจารณาผลการเรียน บุคลิกภาพ ความคล่องตัว หรือทดสอบอื่นที่ไม่ใช่เนื้อหา
อย่างไรก็ตาม ในปี 2548 แม้จะมีเอนทรานซ์แต่ได้เชิญมหาวิทยาลัยประมาณ 10 แห่ง ที่ให้ความสนใจระบบใหม่นี้ร่วมทดลองใช้ระบบแอดมิชชั่น โดยจะมีสัดส่วนรับจากเอนทรานซ์ร้อยละ 50 และระบบกลางการรับนักศึกษาอีกร้อยละ 50 อาทิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นต้น
รศ.ดร.ภาวิช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ บางสาขาก็สามารถใช้ระบบแอดมิชชั่นได้เลย เช่น สถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ เพราะเป็นการอาศัยความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะตัวของนักศึกษามากกว่าความรู้ในวิชาหลัก และในปี 2548 แม้มหาวิทยาลัยจะยังใช้ระบบเอนทรานซ์อยู่ แต่ก็จะมีการรับตรงมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่รวมรวมได้จากมหาวิทยาลับพบว่าจะมีการรับตรงประมาณร้อยละ 50 จากปีที่แล้วรับร้อยละ 40 ดังนั้น จำนวนนักศึกษาที่รับทั้งสิ้น 80,000 คน จะรับตรงประมาณ 40,000 คน
เลขาธิการ กอ. กล่าวว่า หลักการรับนักศึกษาตามระบบแอดมิชชั่นจะไม่มีการสอบวัดความรู้เหมือนในปัจจุบัน แต่จะมีการทดสอบศักยภาพเบื้องต้นในการเรียนต่อ หรือมีการทดสอบศักยภาพเบื้องต้นในการเรียนต่อ หรือ Aptitude Test ซึ่งไม่ใช่เป็นการเนื้อหาวิชาแต่เป็นการทดสอบความสามารถในด้านหลัก ๆ เช่น ความสามารถในการคิด ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และความสามารถเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบเมื่อใดก็ได้เหมือนการสอบโทเฟล ทั้งนี้ โดยมีสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติที่กำลังจัดตั้งขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับในช่วงของการทดลองการรับด้วยระบบแอดมิชชั่นในปี 2548 นั้น หากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติยังเกิดไม่ทันก็จะให้สำนักทดสอบกลางของ สกอ. เป็นผู้ดูแล
“ระบบเอนทรานซ์ที่ผ่านมาเป็นการทำลายการศึกษาพื้นฐานมาโดยตลอด หรือแม้แต่ปัญหาการกวดวิชาก็เป็นผลมาจากการสอบเอนทรานซ์เช่นกัน ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้กระทรวงศึกษาธิการได้พยายามแก้ไขปัญหาอยู่ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องมีการปรับระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ยากมาก เพราะเมื่อแก้อย่างหนึ่งก็ติดอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น ปี 2549 จะต้องยกเลิกระบบเอนทรานซ์เพื่อมาใช้แอดมิชชั่นอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่เลิกก็จะเป็นการทำลายสังคมไทยทั้งระบบ” รศ.ดร.ภาวิชกล่าว
รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอ.) กล่าวถึงระบบกลางการรับนักศึกษา หรือแอดมิชชั่น ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในอุดมศึกษาหรือเอนทรานซ์ปี 2549 ว่าจะยกเลิกเอนทรานซ์กลางแล้วใช้ระบบแอดมิชชั่นแทน โดยจะประมวลความต้องการของมหาวิทยาลัย ซึ่งวิธีคิดดำเนินการคือจะมีหน่วยงานกลางให้เด็กได้สมัครที่เดียว แล้วจัดส่งข้อมูลไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินการคัดเลือกโดยอาจจะพิจารณาผลการเรียน บุคลิกภาพ ความคล่องตัว หรือทดสอบอื่นที่ไม่ใช่เนื้อหา
อย่างไรก็ตาม ในปี 2548 แม้จะมีเอนทรานซ์แต่ได้เชิญมหาวิทยาลัยประมาณ 10 แห่ง ที่ให้ความสนใจระบบใหม่นี้ร่วมทดลองใช้ระบบแอดมิชชั่น โดยจะมีสัดส่วนรับจากเอนทรานซ์ร้อยละ 50 และระบบกลางการรับนักศึกษาอีกร้อยละ 50 อาทิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นต้น
รศ.ดร.ภาวิช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ บางสาขาก็สามารถใช้ระบบแอดมิชชั่นได้เลย เช่น สถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ เพราะเป็นการอาศัยความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะตัวของนักศึกษามากกว่าความรู้ในวิชาหลัก และในปี 2548 แม้มหาวิทยาลัยจะยังใช้ระบบเอนทรานซ์อยู่ แต่ก็จะมีการรับตรงมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่รวมรวมได้จากมหาวิทยาลับพบว่าจะมีการรับตรงประมาณร้อยละ 50 จากปีที่แล้วรับร้อยละ 40 ดังนั้น จำนวนนักศึกษาที่รับทั้งสิ้น 80,000 คน จะรับตรงประมาณ 40,000 คน
เลขาธิการ กอ. กล่าวว่า หลักการรับนักศึกษาตามระบบแอดมิชชั่นจะไม่มีการสอบวัดความรู้เหมือนในปัจจุบัน แต่จะมีการทดสอบศักยภาพเบื้องต้นในการเรียนต่อ หรือมีการทดสอบศักยภาพเบื้องต้นในการเรียนต่อ หรือ Aptitude Test ซึ่งไม่ใช่เป็นการเนื้อหาวิชาแต่เป็นการทดสอบความสามารถในด้านหลัก ๆ เช่น ความสามารถในการคิด ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และความสามารถเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบเมื่อใดก็ได้เหมือนการสอบโทเฟล ทั้งนี้ โดยมีสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติที่กำลังจัดตั้งขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับในช่วงของการทดลองการรับด้วยระบบแอดมิชชั่นในปี 2548 นั้น หากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติยังเกิดไม่ทันก็จะให้สำนักทดสอบกลางของ สกอ. เป็นผู้ดูแล
“ระบบเอนทรานซ์ที่ผ่านมาเป็นการทำลายการศึกษาพื้นฐานมาโดยตลอด หรือแม้แต่ปัญหาการกวดวิชาก็เป็นผลมาจากการสอบเอนทรานซ์เช่นกัน ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้กระทรวงศึกษาธิการได้พยายามแก้ไขปัญหาอยู่ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องมีการปรับระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ยากมาก เพราะเมื่อแก้อย่างหนึ่งก็ติดอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น ปี 2549 จะต้องยกเลิกระบบเอนทรานซ์เพื่อมาใช้แอดมิชชั่นอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่เลิกก็จะเป็นการทำลายสังคมไทยทั้งระบบ” รศ.ดร.ภาวิชกล่าว