xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่าไฟแดง-ออรัลเซ็กซ์ ต้นเหตุคนไทยไม่ใช้ถุงยาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เผยตัวเลขช็อกสังคม พบอัตราการใช้ถุงยางต่ำเมื่อมีเซ็กซ์ขณะฝ่าไฟแดง รองลงมาคือการทำออรัลเซ็กซ์และการร่วมเพศทางทวารหนัก ชี้ผู้หญิงที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี หนองใน ซิฟิลิส จากสามีสูงถึงร้อยละ 1- 5 เฉพาะในวัยรุ่นพบคู่นอนของนักเรียนหญิงมีการใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 23

นางนิตยา จันทร์เรือง มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์ว่าในการประชุมนานาชาติว่าด้วยโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 11-16 กรกฎาคมนั้น ได้มีการนำเสนอวิชาการที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคเอดส์ รวมทั้งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยหลังจากที่ประเทศไทยใช้นโยบายถุงยางอนามัย 100 % พบว่าอัตราการใช้ในกลุ่มหญิงขายบริการสูงถึงกว่าร้อยละ 90 ส่วนในกลุ่มวัยรุ่นมีอัตราการใช้ต่ำเพียงร้อยละ 34 เท่านั้น

แต่ในทางกลับกัน พบว่าหญิงชายที่แต่งงานแล้ว กว่าร้อยละ 98 ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายคุมกำเนิด โดยวิธีการที่นิยมมากที่สุดคือ การรับประทานยาคุมกำเนิด การฉีดยาคุม ทำหมันถาวร

นางนิตยา กล่าวต่อว่า จากการนำเสนอผลการศึกษาของนักวิชาการประเทศไทยที่ศึกษาในกลุ่มหญิงที่แต่งงานแล้วและใช้วิธีการคุมกำเนิดด้วยการกินยาคุม ครอบคลุม 4 ภาค โดย พ.ญ.สังวาล รักษ์เผ่า อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และคณะ พบว่ามีการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อเอชไอวีลดลง โดยสะท้อนจากปัญหาโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญ ซึ่งพบว่าติดเชื้อหนองในร้อยละ 1.4 ติดเชื้อคลามัยเดียที่ช่องคลอด ร้อยละ 5.6 ติดเชื้อซิฟิลิสร้อยละ 0.2 โดยผู้หญิงที่อยู่ในภาคกลาง มีความเสี่ยงมากที่สุดเกือบร้อยละ 4 รองลงมาคือภาคใต้ร้อยละ 2 .4 เนื่องจากผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่สามารถเป็นผู้กำหนดวิธีการลดความเสี่ยงได้ ที่สำคัญยังพบว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับผู้ชายที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี จะมีอัตราการติดเชื้อดังกล่าวสูงกว่าผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ในสัดส่วน 6
ต่อ 4

นางนิตยา กล่าวต่อไปว่าสำหรับมูลเหตุที่ทำให้อัตราการใช้ถุงยางอนามัยต่ำ การศึกษาพฤติกรรมทางเพศ ครั้งนี้พบว่า จะลดลงเมื่อมีการเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน หรือที่เรียกว่าฝ่าไฟแดง ซึ่งพบสูงถึงร้อยละ 17 การทำออรัลเซ็กซ์พบร้อยละ 13 การร่วมเพศทางทวารหนักมีร้อยละ 29 เพราะเป็นวิธีที่ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์หลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากขาดสติสัมปชัญญะ พบเกือบร้อยละ 20

“ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ อาจสามารถนำมาเตือนใจวัยรุ่นไทย ในการป้องกันตัวเองในการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เพราะบางรายนึกแต่เพียงเรื่องตั้งท้อง ใช้วิธีการกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินแทน แต่ไม่ได้คำนึงถึงการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งโรคเอดส์ วิธีการเดียวที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ” นางนิตยากล่าว และว่าจากการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน ในปีที่ผ่านมา พบว่าคู่นอนของนักเรียนหญิงมีการใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 23 ต่ำกว่าคู่นอนของนักเรียนชายที่มีการใช้ถุงยางอนามัยร้อยละ 34 ผลที่เกิดตามมาทำให้เด็กนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งชายและหญิง ติดเชื้อกามโรคเพิ่มขึ้น ชายเพิ่มจากร้อยละ 1 ในปี 2545 เพิ่มเป็นร้อยละ 4 ในปี 2546 ส่วนนักเรียนหญิงติด ร้อยละ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น