ค่านิยมส่งลูกเข้าโรงเรียน "ดี เด่น ดัง" ของคนไทย ถือว่าอยู่ในขั้นโคม่า เพราะหากพิจารณาการรับเด็กเข้าเรียนของสถานศึกษาในแต่ละปี จะพบว่าที่นั่งในโรงเรียนเกรดเอที่ชื่อติดตลาดล้วนล้นทะลัก รับเด็กเข้าเรียนได้ไม่หวาดไม่ไหว โครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน (Lab School) จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโรงเรียนให้เป็น โรงเรียนในฝันของคนในสังคมที่ต้องการให้เด็กและเยาวชนได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันก็เป็นการแก้ปัญหาแย่งที่เรียนไปในตัว

โรงเรียนจำนวน 921 โรง ถูกคัดเลือกจากทั่วประเทศอำเภอละ1 แห่ง ให้เข้าสู่โครงการในฝัน โดยมีเป้าหมาย 3 ปีในการพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนในฝัน โดยในจำนวนนี้ 85 โรง ถูกคัดให้เป็นกลุ่มโรงเรียน "เร่งสู่ฝัน" ด้วยระยะเวลาในการพัฒนา 1 ปี
โรงเรียนกันทรารมณ์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นหนึ่งใน "โรงเรียนเร่งสู่ฝัน" ที่ต้องก้าวให้ถึงฝันภายใน 1 ปี ซึ่งหลังการประกาศให้เป็นโรงเรียนในฝันนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 พร้อมกับงบประมาณจำนวนหนึ่งที่ส่งตรงไปสู่สถานศึกษาสำหรับการสร้างฝันให้เป็นจริง
ปัจจุบันโรงเรียนกันทรารมณ์เริ่มขยับเข้าใกล้ฝันมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ถึงฝันก็ตาม
ทุกแห่งคือแหล่งความรู้
"แนวทางการทำงานของโรงเรียนนั้นมุ่งพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียนรู้ให้มีหลากหลาย โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง โรงเรียนและชุมชน ด้วยระบบบริหารจัดการที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักเรียน ครู และชุมชน เพื่อพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศทางด้านวิชาการและการประกอบอาชีพ รักการแสวงหาความรู้อย่างไม่สิ้นสุด ที่สำคัญต้องมีคุณธรรมจริยธรรมสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างมีความสุข"ฤทธา นันทพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ให้ข้อมูล
ด้วยเหตุดังกล่าว นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียน เราจึงเห็นคำศัพท์ ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษหรือพุทธสุภาษิตไทย ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้า ต้นไม้ภายในโรงเรียนแทบทุกต้น

เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่เจอความรู้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ในรูปแบบห้องเรียนธรรมชาติ นอกจากนี้ภูมิทัศน์ภายในโรงเรียนยังถูกจัดให้ร่มรื่น สวยงามอีกด้วย
ส่งการบ้านทางอีเมล์ เน้นฝึกฝนวิชาชีพ
จุดเด่นของ "กันทรารมณ์" อีกประการหนึ่งคือ การจัดเครื่องคอมพิวเตอร์ เชื่อมโยงระบบ LAND ไปยังหมวด ฝ่ายงานต่างๆ รวมถึงตั้งบริการเป็นจุด กว่า 10 จุด ตามใต้ถุนอาคารเรียน ให้นักเรียนสามารถเข้าใช้สืบค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้ตลอดเวลาตั้งแต่ 7.00-17.00 น. นอกเหนือจากการเข้าใช้ห้องศูนย์ปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ในชั้นเรียน ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้บริการ จำนวน 200 เครื่อง โดยเครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้ ส่วนหนึ่งได้มาจากการระดมทรัพยากรในชุมชน
นอกจากนั้น ครู อาจารย์ในหมวดวิชาต่างๆ ยังส่งเสริมให้นักเรียนภายในโรงเรียนใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตในการส่งงาน การบ้าน และสอบถามปัญหาที่สงสัยผ่านทางอีเมล์ได้ ทำให้นักเรียนได้ฝึกฝนการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสม่ำเสมอ

ด้วยการจัดการเรียน-การสอนที่นอกเหนือจากขอบข่ายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ โดยการรวมตัวของนักเรียนตั้งกลุ่มตามความสนใจและขอจัดตั้งเป็นชุมชน โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างใกล้ชิด
โรงเรียนกันทรารมณ์ จึงมีชุมนุมมากถึง 80 ชุมนุม โดยมีทั้งในรูปแบบวิชาชีพ เช่น ห้องปฏิบัติการตัดผม เสริมสวยให้กับครูและนักเรียน ที่มีผู้เข้าใช้บริการไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็นสุภาพบุรุษและสตรี โดยผู้ใช้บริการจะเสียค่าใช้จ่ายในราคาย่อมเยากว่าท้องตลาด
ส่วนรายได้ทั้งหมดจะถูกส่งให้กับโรงเรียนเพื่อใช้จ่ายเป็นค่าน้ำค่าไฟ หรือศูนย์จำหน่ายผลผลิตของนักเรียนที่อยู่ในตลอดสดเทศบาลกันทรารมณ์
สนุกกับคลินิกภาษาอังกฤษ
ไม่เพียงเท่านั้น ณ โรงเรียนแห่งนี้ยังได้มีการเปิด "คลินิกภาษาอังกฤษ" ที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้และสนทนากับเจ้าของภาษาโดยตรง รวมทั้งจัดห้องคาราโอเกะให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามสภาพจริง ดูแลเปิด-ปิดเครื่องเล่นด้วยตนเอง โดยนักเรียนสามารถเล่นคาราโอเกะได้ในชั่วโมงว่างและต้องไม่รบกวนการเรียนของผู้อื่น ซึ่งจากการเปิดเผยของผู้อำนวยการโรงเรียนพบว่า นับตั้งแต่เปิดคาราโอเกะภายในโรงเรียนยังไม่เคยประสบปัญหาเครื่องเล่นเสียสักครั้ง เพราะนักเรียนจะรู้สึกหวงแหนว่าอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นของพวกเขาที่ต้องช่วยกันดูแลรักษา
ขณะเดียวกันก็มีกิจกรรมเวทีคนเก่ง ให้นักเรียนได้แสดงความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ โดยมีวงดนตรีไทย สากลและโปงลาง ซึ่งเป็นดนตรีท้องถิ่น ทั้งชายและหญิงรวม 19 วง ไว้ให้ทางโรงเรียนเรียกใช้งานและฝึกประสบการณ์ให้กับนักเรียน
ด.ช.ธนวุฒิ บุญจันทร์ นักเรียนชั้น ม.3 มือเป่าโหวดประจำวงโปงลาง โรงเรียนกันทรารมณ์ เปิดเผยว่า ชอบการเรียนการสอนในโรงเรียนมาก เพราะหากให้เรียนอย่างเดียวคงจะไม่สนุกนัก ต้องนั่งอยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว แต่เมื่อโรงเรียนจัดกิจกรรมให้ก็ ทำให้ได้ผ่อนคลาย
นอกจากนี้ ยังทำให้มีรายได้อีกด้วย เพราะหากวงโปงลางรับงาน นักเรียนที่ไปร่วมแสดงก็จะได้รับส่วนแบ่งค่าแรง เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะเข้าร่วมวงโปงลางแล้วยังฝึกฝนเล่นดนตรีสากลและเข้าชุมนุมตะกร้ออีกชุมนุมหนึ่งด้วย
...จากภาพทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การสร้างโรงเรียนในแต่ละอำเภอให้เป็นโรงเรียนฝันนั้น ก็เท่ากับสร้างโรงเรียนให้มีชื่อติดตลาด และนักเรียนหันมาเข้าเรียนมากขึ้น เพราะจากตัวเลขการสมัครเข้าเรียนของโรงเรียนกันทรารมณ์ก็พบว่าสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ก็จะวนข้าสู่วัฏจักรเดิมที่โรงเรียนบางแห่งมีเด็กแห่ไปเรียนเยอะ ขณะที่บางแห่งมีเด็กสมัครเข้าเรียนบางตา เพราะยังเชื่อว่าคุณภาพมาตรฐานไม่เท่ากัน
ดังนั้น ศธ.ควรจะเร่งพัฒนาให้โรงเรียนแต่ละแห่งมีคุณภาพอยู่ในระดับเดียวกัน ที่สำคัญหวังว่าโรงเรียนในฝันเหล่านี้จะจัดรูปแบบการเรียนการสนลักษณะดังกล่าวอย่างยั่งยืน มิใช่เพียงแค่ระยะเดียวแล้วก็แผ่วปลาย
โรงเรียนจำนวน 921 โรง ถูกคัดเลือกจากทั่วประเทศอำเภอละ1 แห่ง ให้เข้าสู่โครงการในฝัน โดยมีเป้าหมาย 3 ปีในการพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนในฝัน โดยในจำนวนนี้ 85 โรง ถูกคัดให้เป็นกลุ่มโรงเรียน "เร่งสู่ฝัน" ด้วยระยะเวลาในการพัฒนา 1 ปี
โรงเรียนกันทรารมณ์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นหนึ่งใน "โรงเรียนเร่งสู่ฝัน" ที่ต้องก้าวให้ถึงฝันภายใน 1 ปี ซึ่งหลังการประกาศให้เป็นโรงเรียนในฝันนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 พร้อมกับงบประมาณจำนวนหนึ่งที่ส่งตรงไปสู่สถานศึกษาสำหรับการสร้างฝันให้เป็นจริง
ปัจจุบันโรงเรียนกันทรารมณ์เริ่มขยับเข้าใกล้ฝันมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ถึงฝันก็ตาม
ทุกแห่งคือแหล่งความรู้
"แนวทางการทำงานของโรงเรียนนั้นมุ่งพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียนรู้ให้มีหลากหลาย โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง โรงเรียนและชุมชน ด้วยระบบบริหารจัดการที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักเรียน ครู และชุมชน เพื่อพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศทางด้านวิชาการและการประกอบอาชีพ รักการแสวงหาความรู้อย่างไม่สิ้นสุด ที่สำคัญต้องมีคุณธรรมจริยธรรมสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างมีความสุข"ฤทธา นันทพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ให้ข้อมูล
ด้วยเหตุดังกล่าว นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียน เราจึงเห็นคำศัพท์ ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษหรือพุทธสุภาษิตไทย ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้า ต้นไม้ภายในโรงเรียนแทบทุกต้น
เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่เจอความรู้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ในรูปแบบห้องเรียนธรรมชาติ นอกจากนี้ภูมิทัศน์ภายในโรงเรียนยังถูกจัดให้ร่มรื่น สวยงามอีกด้วย
ส่งการบ้านทางอีเมล์ เน้นฝึกฝนวิชาชีพ
จุดเด่นของ "กันทรารมณ์" อีกประการหนึ่งคือ การจัดเครื่องคอมพิวเตอร์ เชื่อมโยงระบบ LAND ไปยังหมวด ฝ่ายงานต่างๆ รวมถึงตั้งบริการเป็นจุด กว่า 10 จุด ตามใต้ถุนอาคารเรียน ให้นักเรียนสามารถเข้าใช้สืบค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้ตลอดเวลาตั้งแต่ 7.00-17.00 น. นอกเหนือจากการเข้าใช้ห้องศูนย์ปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ในชั้นเรียน ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้บริการ จำนวน 200 เครื่อง โดยเครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้ ส่วนหนึ่งได้มาจากการระดมทรัพยากรในชุมชน
นอกจากนั้น ครู อาจารย์ในหมวดวิชาต่างๆ ยังส่งเสริมให้นักเรียนภายในโรงเรียนใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตในการส่งงาน การบ้าน และสอบถามปัญหาที่สงสัยผ่านทางอีเมล์ได้ ทำให้นักเรียนได้ฝึกฝนการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยการจัดการเรียน-การสอนที่นอกเหนือจากขอบข่ายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ โดยการรวมตัวของนักเรียนตั้งกลุ่มตามความสนใจและขอจัดตั้งเป็นชุมชน โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างใกล้ชิด
โรงเรียนกันทรารมณ์ จึงมีชุมนุมมากถึง 80 ชุมนุม โดยมีทั้งในรูปแบบวิชาชีพ เช่น ห้องปฏิบัติการตัดผม เสริมสวยให้กับครูและนักเรียน ที่มีผู้เข้าใช้บริการไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็นสุภาพบุรุษและสตรี โดยผู้ใช้บริการจะเสียค่าใช้จ่ายในราคาย่อมเยากว่าท้องตลาด
ส่วนรายได้ทั้งหมดจะถูกส่งให้กับโรงเรียนเพื่อใช้จ่ายเป็นค่าน้ำค่าไฟ หรือศูนย์จำหน่ายผลผลิตของนักเรียนที่อยู่ในตลอดสดเทศบาลกันทรารมณ์
สนุกกับคลินิกภาษาอังกฤษ
ไม่เพียงเท่านั้น ณ โรงเรียนแห่งนี้ยังได้มีการเปิด "คลินิกภาษาอังกฤษ" ที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้และสนทนากับเจ้าของภาษาโดยตรง รวมทั้งจัดห้องคาราโอเกะให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามสภาพจริง ดูแลเปิด-ปิดเครื่องเล่นด้วยตนเอง โดยนักเรียนสามารถเล่นคาราโอเกะได้ในชั่วโมงว่างและต้องไม่รบกวนการเรียนของผู้อื่น ซึ่งจากการเปิดเผยของผู้อำนวยการโรงเรียนพบว่า นับตั้งแต่เปิดคาราโอเกะภายในโรงเรียนยังไม่เคยประสบปัญหาเครื่องเล่นเสียสักครั้ง เพราะนักเรียนจะรู้สึกหวงแหนว่าอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นของพวกเขาที่ต้องช่วยกันดูแลรักษา
ขณะเดียวกันก็มีกิจกรรมเวทีคนเก่ง ให้นักเรียนได้แสดงความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ โดยมีวงดนตรีไทย สากลและโปงลาง ซึ่งเป็นดนตรีท้องถิ่น ทั้งชายและหญิงรวม 19 วง ไว้ให้ทางโรงเรียนเรียกใช้งานและฝึกประสบการณ์ให้กับนักเรียน
ด.ช.ธนวุฒิ บุญจันทร์ นักเรียนชั้น ม.3 มือเป่าโหวดประจำวงโปงลาง โรงเรียนกันทรารมณ์ เปิดเผยว่า ชอบการเรียนการสอนในโรงเรียนมาก เพราะหากให้เรียนอย่างเดียวคงจะไม่สนุกนัก ต้องนั่งอยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว แต่เมื่อโรงเรียนจัดกิจกรรมให้ก็ ทำให้ได้ผ่อนคลาย
นอกจากนี้ ยังทำให้มีรายได้อีกด้วย เพราะหากวงโปงลางรับงาน นักเรียนที่ไปร่วมแสดงก็จะได้รับส่วนแบ่งค่าแรง เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะเข้าร่วมวงโปงลางแล้วยังฝึกฝนเล่นดนตรีสากลและเข้าชุมนุมตะกร้ออีกชุมนุมหนึ่งด้วย
...จากภาพทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การสร้างโรงเรียนในแต่ละอำเภอให้เป็นโรงเรียนฝันนั้น ก็เท่ากับสร้างโรงเรียนให้มีชื่อติดตลาด และนักเรียนหันมาเข้าเรียนมากขึ้น เพราะจากตัวเลขการสมัครเข้าเรียนของโรงเรียนกันทรารมณ์ก็พบว่าสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ก็จะวนข้าสู่วัฏจักรเดิมที่โรงเรียนบางแห่งมีเด็กแห่ไปเรียนเยอะ ขณะที่บางแห่งมีเด็กสมัครเข้าเรียนบางตา เพราะยังเชื่อว่าคุณภาพมาตรฐานไม่เท่ากัน
ดังนั้น ศธ.ควรจะเร่งพัฒนาให้โรงเรียนแต่ละแห่งมีคุณภาพอยู่ในระดับเดียวกัน ที่สำคัญหวังว่าโรงเรียนในฝันเหล่านี้จะจัดรูปแบบการเรียนการสนลักษณะดังกล่าวอย่างยั่งยืน มิใช่เพียงแค่ระยะเดียวแล้วก็แผ่วปลาย


