เชื้อดื้อยาคุกคาม รพ. ถึงขั้นไม่สามารถทำการผ่าตัดผู้ป่วยถึง 7 ราย ชี้อยู่ในขั้นวิกฤติเหตุใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไป สธ.ระบุเชื้อโรคมีการปรับตัวตลอดเวลาสามารถพัฒนาป้องกันตนเองจากยาปฏิชีวนะได้ เตือนแพทย์ให้ระมัดระวัง ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไป เพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาว พร้อมเตือนประชาชนอย่าวิตกเพราะไม่สามารถติดต่อได้ง่าย โรงพยาบาลทุกแห่งมีมาตรฐานในการควบคุม
จากกรณีมีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อเอ็มอาร์เอสเอ ( Methicillin Resistant Staphyllococcus Aureus) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งกระทั่งทำให้ให้ประชาชนจำนวนหนึ่งเกิดความหวาดกลัว จนไม่กล้าไปโรงพยาบาลนั้น
น.พ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องเชื้อเอ็มอาร์เอสเอนี้เป็นเชื้อโรคชนิดที่มีการพัฒนาตนเองให้สามารถดื้อต่อยาปฏิชีวนะ เนื่องจากเชื้อโรคเองมีการปรับตัวตลอดเวลา ดังนั้น ในการใช้ยาปฏิชีวนะไม่ควรใช้อย่างฟุ่มเฟือย ควรใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาว ซึ่งทำให้เชื้อดื้อกับยา
ทั้งนี้ การใช้ยาปฏิชีวนะในโรงพยาบาลนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แพทย์ทุกคนตระหนักในเรื่องการใช้ยาเป็นอย่างดี เพราะหากใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อโดยไม่ใช้วิจารณญาณที่ดีแล้วจะส่งผลกระทบในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดเชื้อดื้อยาทำให้ต้องใช้ยาใหม่ราคาแพงทำให้ค่ารักษาแพงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ต้องมีมาตรการควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม
น.พ.อนันต์ กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันเชื้อดื้อยาดังกล่าว ในโรงพยาบาลทุกแห่ง จะมีคณะกรรมการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล โดยจะมีการปรับปรุงมาตรฐานตลอดเวลา เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาแอนตี้ไบโอติกที่มากเกินไป หรือใช้ไม่ตรงกับโรค จะต้องมีเหตุผลการใช้ และมีการตรวจสอบ ซึ่งคณะกรรมการควบคุมการติดเชื้อสามารถห้ามแพทย์เพื่อไม่ให้ใช้ยาปฏิชีวนะในรายที่ไม่เหมาะสมได้
ทางด้าน น.พ.สุวัฒน์ เลิศสุขประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท กล่าวว่า เนื่องจากเชื้อโรคดังกล่าวนั้นไม่ได้พบได้ทั่วไป ในโรงพยาบาลจะพบบางที่เท่านั้น เช่น หอผู้ป่วยหนักหรือที่ห้องผ่าตัด เนื่องจากมีการใช้อุปกรณ์เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย เชื้อนี้ไม่สามารถติดต่อได้ง่าย
ที่สำคัญคือ การพบเชื้อนี้ไม่ได้หมายความว่ารักษาไม่ได้ ยังมียาอื่นสามารถใช้ได้ แต่จะต้องใช้ในปริมาณที่มากขึ้นหรือใช้ยาตัวใหม่ที่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้ ดังนั้น ผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไม่ต้องเป็นกังวล เพราะโรงพยาบาลทุกแห่งมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อที่ได้มาตรฐาน เช่น ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค การล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ขณะที่ น.พ.เสรี ตู้จินดา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การเกิดเชื้อลักษณะดังกล่าว ถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในโรงพยาบาล แต่ทุกแห่งมีมาตรการในการป้องกันการติดเชื้ออยู่ ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลรัฐและเอกชน รวมถึงโรงพยาบาลที่ถูกเสนอข่าวด้วย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โรงพยาบาลก็มีวิธีในการดำเนินการป้องกัน อย่างการแยกผู้ป่วยออกจากผู้ป่วยทั่วไปและทำการฆ่าเชื้อจนมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถทำการผ่าตัดผู้ป่วยถึง 7 ราย ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ แต่ประชาชนทั่วไปไม่ต้องตระหนกตกใจ เพราะเป็นเรื่องของแพทย์ที่จะดำเนินการได้ และโรงพยาบาลมีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขโดยเร็ว
“การติดเชื้อเป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมเกิดขึ้นได้ในโรงพยาบาล เพราะเป็นการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ฉะนั้น มีโอกาสแพร่เชื้อไปยังคนไข้หรือผู้ป่วยเหล่านี้ได้ แต่ในส่วนการดื้อยา ยังถือเป็นเรื่องปกติทางการแพทย์ ซึ่งมียาที่ใช้รักษาได้ ดังนั้น ประชาชนอย่าเป็นห่วง” น.พ.เสรี กล่าว
นาวาอากาศเอก (พิเศษ) น.พ.ไพศาล จันทรพิทักษ์ รองผู้อำนวยการ ร.พ.กรุงเทพ กล่าวว่า แต่ละโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน มีมาตรการป้องกันการติดเชื้ออยู่แล้ว ในส่วนของ ร.พ.กรุงเทพ ก็มีคณะกรรมการโรคติดเชื้อ ซึ่งมีมาตรการต่าง ๆ ที่ทำให้การดูแลคนไข้ไม่ให้เกิดมีภาวะติดเชื้อ ซึ่งเป็นภาวะติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อที่อยู่ในโรงพยาบาล เช่น การเข้าไปดูแลคนไข้ เน้นการล้างมือ การทำแผล การฉีดยาที่จะมีผลต่อการนำเชื้อโรคไปสู่คนไข้ ระวังทุกขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมาพบบ้างสำหรับการติดเชื้อของคนไข้ที่อยู่โรงพยาบาลนาน ๆ
จากกรณีมีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อเอ็มอาร์เอสเอ ( Methicillin Resistant Staphyllococcus Aureus) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งกระทั่งทำให้ให้ประชาชนจำนวนหนึ่งเกิดความหวาดกลัว จนไม่กล้าไปโรงพยาบาลนั้น
น.พ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องเชื้อเอ็มอาร์เอสเอนี้เป็นเชื้อโรคชนิดที่มีการพัฒนาตนเองให้สามารถดื้อต่อยาปฏิชีวนะ เนื่องจากเชื้อโรคเองมีการปรับตัวตลอดเวลา ดังนั้น ในการใช้ยาปฏิชีวนะไม่ควรใช้อย่างฟุ่มเฟือย ควรใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาว ซึ่งทำให้เชื้อดื้อกับยา
ทั้งนี้ การใช้ยาปฏิชีวนะในโรงพยาบาลนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แพทย์ทุกคนตระหนักในเรื่องการใช้ยาเป็นอย่างดี เพราะหากใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อโดยไม่ใช้วิจารณญาณที่ดีแล้วจะส่งผลกระทบในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดเชื้อดื้อยาทำให้ต้องใช้ยาใหม่ราคาแพงทำให้ค่ารักษาแพงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ต้องมีมาตรการควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม
น.พ.อนันต์ กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันเชื้อดื้อยาดังกล่าว ในโรงพยาบาลทุกแห่ง จะมีคณะกรรมการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล โดยจะมีการปรับปรุงมาตรฐานตลอดเวลา เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาแอนตี้ไบโอติกที่มากเกินไป หรือใช้ไม่ตรงกับโรค จะต้องมีเหตุผลการใช้ และมีการตรวจสอบ ซึ่งคณะกรรมการควบคุมการติดเชื้อสามารถห้ามแพทย์เพื่อไม่ให้ใช้ยาปฏิชีวนะในรายที่ไม่เหมาะสมได้
ทางด้าน น.พ.สุวัฒน์ เลิศสุขประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท กล่าวว่า เนื่องจากเชื้อโรคดังกล่าวนั้นไม่ได้พบได้ทั่วไป ในโรงพยาบาลจะพบบางที่เท่านั้น เช่น หอผู้ป่วยหนักหรือที่ห้องผ่าตัด เนื่องจากมีการใช้อุปกรณ์เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย เชื้อนี้ไม่สามารถติดต่อได้ง่าย
ที่สำคัญคือ การพบเชื้อนี้ไม่ได้หมายความว่ารักษาไม่ได้ ยังมียาอื่นสามารถใช้ได้ แต่จะต้องใช้ในปริมาณที่มากขึ้นหรือใช้ยาตัวใหม่ที่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้ ดังนั้น ผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไม่ต้องเป็นกังวล เพราะโรงพยาบาลทุกแห่งมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อที่ได้มาตรฐาน เช่น ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค การล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ขณะที่ น.พ.เสรี ตู้จินดา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การเกิดเชื้อลักษณะดังกล่าว ถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในโรงพยาบาล แต่ทุกแห่งมีมาตรการในการป้องกันการติดเชื้ออยู่ ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลรัฐและเอกชน รวมถึงโรงพยาบาลที่ถูกเสนอข่าวด้วย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โรงพยาบาลก็มีวิธีในการดำเนินการป้องกัน อย่างการแยกผู้ป่วยออกจากผู้ป่วยทั่วไปและทำการฆ่าเชื้อจนมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถทำการผ่าตัดผู้ป่วยถึง 7 ราย ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ แต่ประชาชนทั่วไปไม่ต้องตระหนกตกใจ เพราะเป็นเรื่องของแพทย์ที่จะดำเนินการได้ และโรงพยาบาลมีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขโดยเร็ว
“การติดเชื้อเป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมเกิดขึ้นได้ในโรงพยาบาล เพราะเป็นการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ฉะนั้น มีโอกาสแพร่เชื้อไปยังคนไข้หรือผู้ป่วยเหล่านี้ได้ แต่ในส่วนการดื้อยา ยังถือเป็นเรื่องปกติทางการแพทย์ ซึ่งมียาที่ใช้รักษาได้ ดังนั้น ประชาชนอย่าเป็นห่วง” น.พ.เสรี กล่าว
นาวาอากาศเอก (พิเศษ) น.พ.ไพศาล จันทรพิทักษ์ รองผู้อำนวยการ ร.พ.กรุงเทพ กล่าวว่า แต่ละโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน มีมาตรการป้องกันการติดเชื้ออยู่แล้ว ในส่วนของ ร.พ.กรุงเทพ ก็มีคณะกรรมการโรคติดเชื้อ ซึ่งมีมาตรการต่าง ๆ ที่ทำให้การดูแลคนไข้ไม่ให้เกิดมีภาวะติดเชื้อ ซึ่งเป็นภาวะติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อที่อยู่ในโรงพยาบาล เช่น การเข้าไปดูแลคนไข้ เน้นการล้างมือ การทำแผล การฉีดยาที่จะมีผลต่อการนำเชื้อโรคไปสู่คนไข้ ระวังทุกขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมาพบบ้างสำหรับการติดเชื้อของคนไข้ที่อยู่โรงพยาบาลนาน ๆ


