xs
xsm
sm
md
lg

เปิดผลสืบสวนเอ็นทรานซ์’ 47 ฉบับเต็ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากกรณีที่นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ แต่งตั้งนายสุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อสอบเอ็นทรานซ์ ปี 2547 ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารั่ว โดยใช้เวลาในการสืบข้อเท็จจริงนานกว่า 2 เดือนนั้น ผลสรุปที่รายงานต่อนายอดิศัย มีรายละเอียดดังนี้

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ได้รวบรวมและตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ตลอดจนสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้ว ขอเสนอรายงานการสืบสวนข้อเท็จจริงดังนี้คือ

1. มูลกรณี เรื่องนี้ปรากฏขึ้นเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2547 สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องการสอบ วัดความรู้เพื่อสมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2547 โดยมีเนื้อข่าวว่า ผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) นำข้อสอบวิชาภาษาไทย และวิชาสังคมศึกษา ไปเช็คดู และได้เสนอข่าวต่อเนื่องเป็นเวลานานและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เนื้อข่าวว่า ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ สกอ.ไปที่โรงพิมพ์ข้อสอบ และนำข้อสอบวิชาหลักทั้งหมดออกไป ตลอดจนข่าวการพิจารณาเรื่องนี้ ของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา

2. คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้รวบรวมเอกสารหลักฐาน และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความในเบื้องต้น ดังนี้

การสอบวัดความรู้เพื่อสมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2547 ใช้ระบบสอบ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 สอบเมื่อเดือนตุลาคม 2546 และครั้งที่ 2 สอบเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 11 มีนาคม 2547 มีวิชาที่จัดสอบทั้งหมด 37 วิชา แบ่งเป็นวิชาหลักและวิชาเฉพาะ ดังนี้

วิชาหลัก 15 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย (01) สังคมศึกษา (02) ภาษาอังกฤษ (03) คณิตศาสตร์ (04) และอื่นๆอีก รวม 15 วิชา
วิชาเฉพาะ 22 วิชา ได้แก่ พื้นฐานทางวิศวกรรม (16) ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ (17) วัดแววความเป็นครู (18) พลศึกษาปฏิบัติ (19) และวิชาอื่นๆอีก รวม 22 วิชา

การสร้างข้อสอบสำหรับใช้ในการสอบดังกล่าว มีคณะกรรมการดำเนินการเป็นรายวิชา วิชาละ 3 คณะ คือ คณะกรรมการการสร้างข้อสอบ คณะกรรมการกลั่นกรองข้อสอบ และคณะกรรมการจัดชุดข้อสอบ

วิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา คณะกรรมการจัดชุดข้อสอบได้ดำเนินการเสร็จเมื่อกลางเดือนมกราคม 2547 นำต้นฉบับการ์ดข้อสอบบรรจุซองปิดผนึก โดย ศ.กาญจนา นาคสกุล ประธานกรรมการวิชาภาษาไทย ลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกซองวิชาภาษาไทย และ รศ.รัตนา สายคณิต ประธานกรรมการวิชาสังคมศึกษา ลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกซองวิชาสังคมศึกษา ส่งมอบให้สำนักทดสอบกลาง สกอ. เพื่อส่งมอบให้คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ ดำเนินการจัดพิมพ์ข้อสอบส่งสนามสอบต่างๆทั่วประเทศ

นางศศิธร อหิงสโก ผู้อำนวยการสำนักทดสอบกลาง ได้รับซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา เก็บรักษาไว้ในตู้เหล็ก 4 ลิ้นชัก ในห้องทำงานชั้นที่ 13 เพื่อรอส่งมอบให้คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบรับไปดำเนินการจัดพิมพ์

ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบ วิชาภาษาไทยและ วิชาสังคมศึกษาก่อนส่งให้คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ

ข้อเท็จจริงได้ความเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 28 หรือ 29 หรือ 30 มกราคม 2547 ศ.ร.ต.อ.วรเดช ได้เรียกนางศศิธรมาพบที่ห้องทำงาน สอบถามเกี่ยวกับการสร้างข้อสอบ นางศศิธรแจ้งว่า ข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษาเสร็จแล้ว ส่วนวิชาอื่นคณะกรรมการกำลังดำเนินการอยู่
ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้สั่งให้นางศศิธรไปนำข้อสอบ 2 วิชาที่เสร็จแล้วนั้นมาให้นางศศิธรจึงไปนำซอง ต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่เก็บรักษาไว้ในตู้เหล็ก 4 ลิ้นชัก ในห้องทำงานชั้นที่ 13 ลงมามอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชที่ห้องรับแขก หน้าห้องทำงานของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช 
จากนั้น ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เปิดซอง ต้นฉบับการ์ดข้อสอบ 2 ซอง 2 วิชานั้น นำต้นฉบับการ์ดข้อสอบออกมาตรวจดู เป็นเวลาประมาณ 45 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง แล้วมอบให้นางศศิธรนำกลับไปเพื่อส่งมอบให้คณะอนุกรรมการจัดพิมพ์ข้อสอบ ซึ่งนางศศิธรได้นำส่งมอบให้คณะอนุกรรมการจัดพิมพ์ข้อสอบเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547

ศ.ร.ต.อ.วรเดช ชี้แจงเหตุผลที่เปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2546 วันที่ 5 และ 14 มกราคม 2547 ตนได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชน รวมทั้งโทรศัพท์จากผู้ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ ถึงพฤติกรรมของสถาบัน กวดวิชาแถวสยามสแควร์ และย่านเยาวราช ที่มีมาหลายปีแล้ว โดยพวกอาจารย์ที่คุมพิมพ์ข้อสอบ ซึ่งมีนายชาคร วิภูษณวนิช เป็นหัวหน้าใหญ่ หรืออาจจะมีอาจารย์ที่ออกข้อสอบบางคนนำข้อสอบไปขายหรือไปบอก

ในวันที่ 9 มกราคม 2547 ตนจึงมีบันทึกลับขอความร่วมมือตำรวจของกองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดทีมงานสืบสวนทางลับ โดยระบุชื่อนายชาคร และผู้ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบอยู่ก่อน รวม 11 คน ให้ไปเพื่อสืบสวนทางลับด้วย และได้รับรายงานการสืบสวนเป็นระยะจนถึงวันที่ 30 มกราคม 2547 ได้ตัวอย่างแบบฝึกหัดของสถาบันกวดวิชา ที่ให้นักเรียนฝึกหัดทำ พร้อมแนวข้อสอบเอ็นทรานซ์

ทางสืบสวนน่าเชื่อว่ามีกลุ่มอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับ การพิมพ์ข้อสอบ หรืออาจารย์ที่ออกข้อสอบ น่าจะแอบนำมาขายหรือให้ อาจจะเป็นขบวนการทุจริตขายข้อสอบกันมาช้านาน และปีนี้คาดว่าจะกระทำเหมือนเดิม จากรายงานของตำรวจดังกล่าว ทำให้ตนมั่นใจและสงสัยว่า ข้อสอบอาจจะรั่วถึงสถาบันกวดวิชา นำมาพิมพ์เป็นเอกสารหรือแบบฝึกหัดให้นักเรียนที่กวดวิชา หากข้อสอบรั่วหรือเอกสารนั้นตรงกับข้อสอบจริง ตนในฐานะประธานดำเนินการสอบ และประธานอำนวยการออกข้อสอบ จะได้ดำเนินการทางกฎหมายและแก้ไขได้ทันท่วงที

ดังนั้น จึงทำการตรวจสอบ เรียกข้อสอบทั้งสองวิชามาเปิดดูตรวจสอบเปรียบเทียบพบว่า เนื้อหาสาระบางส่วนใกล้เคียงกับเอกสารและแบบฝึกหัดดังกล่าวอยู่บ้าง แต่ไม่เหมือนกัน เห็นว่าข้อสอบที่เปิดดูไม่ตรงกับแบบฝึกหัดหรือเอกสารที่สงสัย จึงนำเก็บใส่ซองปิดผนึกให้นางศศิธรลงลายมือกำกับ

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพิจารณาแล้ว เห็นว่าการที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดชเปิดดูต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา ในวันที่ 30 มกราคม 2547 นั้น เป็นการเปิดก่อนส่งให้นายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ ฉะนั้น ถ้าข้อสอบรั่วจริงก็จะเป็นการรั่วในขั้นตอนของการสร้างข้อสอบ ซึ่งมีคณะกรรมการดำเนินการถึง 3 ขั้นตอน คือคณะกรรมการสร้างข้อสอบ คณะกรรมการกลั่นกรองข้อสอบ และคณะกรรมการจัดชุดข้อสอบ ซึ่งมี ศ.กาญจนา เป็นประธานวิชาภาษาไทย และ รศ.รัตนา เป็นประธานวิชาสังคมศึกษา

และตามหนังสือร้องเรียนของประชาชนที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดช อ้างเป็นต้นเหตุขอให้ตำรวจสืบสวนทางลับ แท้จริงเป็นบัตรสนเท่ห์ที่กล่าวอ้างเลื่อนลอย โดยอ้างว่าอาจารย์ที่ออกข้อสอบอาจนำข้อสอบไปขายหรือไปให้สถาบันกวดวิชา โดยไม่ระบุชื่อ จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะรับไว้พิจารณาตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร.0206/ว 218 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2541

ศ.ร.ต.อ.วรเดช ดำรงตำแหน่งสูงสุดในสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ย่อมทราบดีว่าเอกสารข้อสอบนั้นเป็นเอกสารลับที่สุด ในกระบวนการสอบวัดความรู้ ซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบซึ่งปิดผนึกและประธานวิชาลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกนี้ โดยสามัญสำนึกก็ดี โดยแบบธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาก็ดี จะเปิดก่อนถึงเวลาที่จะนำไปปฏิบัติการ หรือก่อนเวลาที่จะพ้นจากการเป็นเอกสารลับโดยไม่มีเหตุผลความจำเป็นมิได้

ศ.ร.ต.อ.วรเดชอ้างว่า เหตุที่มิได้เชิญรองเลขาธิการฯ และประธานวิชาหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาร่วมเปิดซอง เพราะเชื่อว่ามีขบวนการทุจริตสอบเอ็นทรานซ์และน่าจะมีข้อสอบรั่วไปถึงโรงเรียนกวดวิชา และจากรายงานการสืบสวนของ ตำรวจที่ได้รับเป็นระยะๆ ทำให้ไม่แน่ใจว่าจะมีข้าราชการหรืออาจารย์คนใดจากฝ่ายใด และเด็กของใครนำข้อสอบไปขาย หรือให้กับโรงเรียนกวดวิชา ตนจึงเปิดซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบโดยไม่เรียกบุคคลดังกล่าวมาร่วมเปิด

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า การกล่าวอ้างของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ไม่สมเหตุผล ไม่มีตัว ไม่มีชื่อผู้ต้องสงสัย มีแต่เพียงบัตรสนเท่ห์ที่กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย แม้แต่รายงานการสืบสวนทางลับของตำรวจที่นำมากล่าวอ้างก็เลื่อนลอย ไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆ เป็นเพียงคาดการณ์เอาโดยไม่มีตัว ไม่มีชื่อผู้ต้องสงสัยเช่นเดียวกัน และเป็นการขอความร่วมมือจากเพื่อนตำรวจเป็นการส่วนตัว

จึงไม่มีเหตุผลใดเลยที่พอจะให้คิดเชื่อมโยงไปได้ว่า น.ส.จิรณี รองเลขาธิการฯ ซึ่งเป็นกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบฯ และเป็นประธานอนุกรรมการฯ เกี่ยวกับการออกและตรวจข้อสอบ ศ.กาญจนา ประธานฯ วิชาภาษาไทย และ รศ.รัตนา ประธานฯ วิชาสังคมศึกษา อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง กับผู้ต้องสงสัยที่ไม่มีตัวตน จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่อาจรับฟังได้

ส่วนที่กล่าวอ้างว่า ตนในฐานะเป็นประธานดำเนินการสอบ และประธานกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบวัดความรู้ฯ มีหน้าที่กำกับและติดตามการดำเนินการสร้างข้อสอบให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งมีอำนาจที่จะเปิดข้อสอบดังกล่าวได้

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า การสอบวัดความรู้เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ตามเรื่องนี้การดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ล้วนดำเนินการในระบบคณะกรรมการทั้งสิ้น

ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญที่จะต้องพิจารณาวินิจฉัยอย่างเช่น กรณีนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบ ต้องการจะเปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษาที่ปิดผนึก และประธานฯ วิชาทั้งสองลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึก เพื่อรอส่งให้ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ เพื่อจะตรวจสอบกับเอกสารหรือแบบฝึกหัดของโรงเรียนกวดวิชา ว่ามีข้อสอบรั่วไปยังโรงเรียนกวดวิชาก่อนแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ
ก็ชอบที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบ ซึ่งมี น.ส.จิรณี เป็นกรรมการด้วยช่วยพิจารณาวินิจฉัยว่า จะเปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบออกตรวจสอบหรือไม่ และถ้าเปิด จะเปิดโดยวิธีใด จะเชิญประธานฯวิชาทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึก มาร่วมรู้เห็นเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยหรือไม่ เป็นต้น แล้วจึงดำเนินการตามมติของคณะกรรมการ

อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่มีความจำเป็นรีบด่วน ที่จะต้องดำเนินการทันที และ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ก็ไม่มีหน้าที่โดยตรงที่จะนำเอาซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบ 2 วิชานี้มาเปิดดูเองตามลำพัง ประกอบกับคณะกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบ ซึ่ง ศ.ร.ต.อ.วรเดชเป็นประธานนั้น ก็เป็นการแต่งตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติการสอบคัดเลือกฯ และเพิ่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2547 นี้เอง

การกระทำของ ศ.ร.ต.อ.วรเดชในวันที่ 30 มกราคม 2547 นี้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในระบบการสอบวัดความรู้ เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาอย่างยิ่ง

หลังจากที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชา ภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษาแล้ว มีเหตุการณ์ที่ตามมาคือ

เย็นวันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2547 นายชาคร วิภูษณวนิช ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ ได้รับซองสีนํ้าตาลใหญ่ บรรจุซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทย และวิชาสังคมศึกษา โดยซองใหญ่นั้นปิดผนึกมีลายมือชื่อของนางศศิธร ผอ.สำนักทดสอบกลางผู้เดียวกำกับรอยผนึก

เมื่อเปิดซองปรากฏว่าซองต้นฉบับการ์ด ข้อสอบวิชาภาษาไทย ไม่มีลายมือชื่อของ ศ.กาญจนา ประธานวิชาภาษาไทย กำกับรอยผนึก และซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาสังคมศึกษา ไม่มีลายมือชื่อของ รศ.รัตนา ประธานวิชาสังคมศึกษา กำกับรอยผนึก แตกต่างจากที่เคยปฏิบัติกันมาในครั้งก่อนๆ ซึ่งมีลายมือชื่อของประธานวิชาฯ กำกับรอยผนึกซองทุกครั้ง
นายชาครจึงโทรศัพท์สอบถามประธานวิชาฯ ทั้งสอง ได้รับการยืนยัน ว่าได้ลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกซอง ตามที่เคยปฏิบัติมาทุกครั้ง นายชาครจึงนัดพบประธานวิชาฯทั้งสองเพื่อปรึกษาหารือ

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547 นายชาคร ศ.กาญจนา และ รศ.รัตนา ได้ไปพบกันที่ สกอ.ตามนัด และนายชาครได้ไปแจ้งเรื่องให้ น.ส.จิรณีซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับการ ออกและตรวจข้อสอบทราบ และเชิญร่วมปรึกษาหารือ น.ส.จิรณี ได้เรียกนางศศิธรมาสอบถามต่อหน้าบุคคลทั้งสาม
นางศศิธรแจ้งว่า ศ.ร.ต.อ.วรเดชเรียกเอาซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบไปเปิดดูเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยนางศศิธรมิได้ร่วมดูด้วย

เมื่อนางศศิธรตอบข้อซักถามและออกจากห้องไปแล้ว บุคคลทั้งสี่มีความเห็นร่วมกันว่า เมื่อซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบถูกเปิดในลักษณะที่ผิดปกติ จะต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนข้อสอบและต่อมาเมื่อได้ปรับเปลี่ยนข้อสอบทั้งสองวิชาใหม่แล้ว จึงได้ส่งมอบต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่ปรับเปลี่ยนแล้ว ให้น.ส.จิรณี รองเลขาธิการฯเก็บรักษา และนายชาครได้รับไปจาก น.ส.จิรณีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547 เพื่อดำเนินการจัดพิมพ์

สำหรับนายชาครนั้น เมื่อได้ทราบเรื่องราวดังกล่าวในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547แล้ว นายชาครได้มีบันทึกลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 เรียนประธานอนุกรรมการออกและตรวจข้อสอบ (น.ส.จิรณี รองเลขาธิการฯ) รายงานข้อสังเกตเกี่ยวกับซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบ ซึ่งได้นัดพบพร้อมทั้งนำเสนอซองบรรจุต้นฉบับข้อสอบให้ประธานวิชาฯ ทั้งสองท่านพิจารณาและมีความเห็นร่วมกันว่า
สมควรรายงานเสนอสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นต่อประธานอนุกรรมการออกและ ตรวจข้อสอบ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงที่มีการเปิดซอง ต้นฉบับข้อสอบก่อนนำส่งให้ประธานพิมพ์ข้อสอบ
น.ส.จิรณี รองเลขาธิการฯ ได้บันทึกเสนอต่อไปยัง ศ.ร.ต.อ. วรเดช เลขาธิการฯ แต่ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ไม่ได้สั่งการใดๆ การเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บรักษาต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่ได้พิมพ์เป็นข้อสอบแล้ว โดยวิธีปฏิบัติที่ผ่านมานั้น ต้นฉบับการ์ดข้อสอบ เมื่อพิมพ์เป็นข้อสอบฉบับร่างประธานวิชาฯ ตรวจพิสูจน์อักษร และพิมพ์เป็นตัวข้อสอบที่ให้สนามสอบใช้ในการสอบจนเสร็จภารกิจปิดงานพิมพ์แล้ว คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบจึงจะรวบรวมต้นฉบับข้อสอบทุกวิชาทั้งหมด ที่เก็บรักษาไว้จัดส่งให้ สกอ.

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2547 ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติดังกล่าวข้างต้นนั้น โดยมีบันทึกข้อความลับ ด่วนที่สุด ถึงนายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบแจ้งว่า เมื่อได้ปฏิบัติภารกิจการพิมพ์ข้อสอบเสร็จสิ้นแล้ว ขอให้นำต้นฉบับข้อสอบไปเก็บไว้ที่ทำการของ สกอ. โดยเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 นายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ ได้มีบันทึกข้อความถึงประธานอนุกรรมการออกและตรวจข้อสอบ นำส่งต้นฉบับข้อสอบวิชาภาคปฏิบัติ 17 วิชา 18 ซอง แต่ละซองปิดผนึกลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึก และแต่ละซอง บรรจุในซองพลาสติกปิดผนึกบรรจุลงกล่อง โดยนางพิศมัย นันทิสิงห์ อนุกรรมการและเลขานุการ เป็นผู้นำส่งมอบให้นางศศิธร ลงลายมือชื่อตรวจรับ และนางศศิธร นำไปเก็บรักษาไว้ในตู้เหล็กในห้องทำงานชั้นที่ 13

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 นายชาครได้มีบันทึกข้อความเช่นเดียวกับครั้งแรกนำส่งต้นฉบับข้อสอบวิชาหลัก 16 วิชา 16 ซอง แต่ละซองบรรจุในซองกระดาษ และหุ้มด้วยซองพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง เช่นเดียวกับครั้งแรก แต่ครั้งนี้นางศศิธร ได้ไปขอรับด้วยตนเอง โดยมี น.ส.รุจิรา เลขานุการหน้าห้อง ศ.ร.ต.อ.วรเดช ร่วมไปด้วย เมื่อนางศศิธรได้ตรวจรับแล้ว นายชาครได้บรรจุซองลงกล่อง 1 กล่อง และรัดด้วยสายพลาสติกสีเหลืองของโรงพิมพ์แล้วนำไปส่องมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช
ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เก็บรักษากล่องดังกล่าวไว้ในตู้ในห้องทำงาน ในวันนั้น ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้ทวงให้นางศศิธรส่งมอบต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่ได้รับมาครั้งแรก และเฉลยข้อสอบทั้งหมดทุกวิชาด้วย นางศศิธรจึงไปขอเบิกเฉลย ข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา ที่ได้ปรับเปลี่ยนใหม่แล้วมาจากน.ส.จิรณี แล้วนำมารวมไว้กับเฉลยข้อสอบวิชาอื่นที่เก็บอยู่แล้ว นำออกมารวมบรรจุลงกล่องรวมกับต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาเฉพาะ ส่งมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชที่ห้องทำงาน ในวันที่ 1 มีนาคม 2547

การสั่งการให้ส่งข้อสอบเพิ่มเติมจากที่เคยปฏิบัติเดิม
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2547 นางศศิธร ผอ.สำนักทดสอบกลาง มีบันทึกข้อความถึงนายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ แจ้งว่าประธานกรรมการดำเนินการสอบฯ มีดำริว่า เมื่อจัดส่งข้อสอบให้สนามสอบแล้ว ขอให้จัดส่งข้อสอบสำหรับประธานกรรมการดำเนินการสอบฯ 1 ชุด ภายในวันที่ 27 กุมภาพัน.ธ์ 2547

การสั่งการดังกล่าวนี้ เป็นการสั่งการเพิ่มเติมจากแนวทางปฏิบัติที่เคยดำเนินการทุกครั้งที่ผ่านมา จากเดิมที่จัดส่งให้กับประธานวิชา และ ผอ.สำนักทดสอบกลางเท่านั้น โดยส่งให้ตอนเช้าของวันที่มีการสอบวิชานั้นๆ เพื่อใช้ในการประสานงานหากมีปัญหาเกี่ยวกับข้อสอบ

วันที่ 4 มีนาคม 2547 นางศศิธร ผอ.สำนักทดสอบกลาง และ น.ส.รุจิรา เลขานุการของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ได้ไปรับข้อสอบดังกล่าว รวม 21 วิชา 29 ชุด บรรจุซองปิดผนึก นายชาครลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกและหุ้มด้วยซองพลาสติกปิดผนึกอีกชั้นหนึ่ง แล้วบรรจุลงในกล่องกระดาษ ปิดผนึกด้านบนและด้านล่างของกล่องด้วยเทปกาวทั้งสองด้าน
นายชาคร และนางศศิธร ได้ลงลายมือชื่อกำกับคร่อมเทปกาวทั้งด้านบนและ ด้านล่างของกล่องแล้วจึงรัดกล่องด้วย สายรัดพลาสติกสีเหลือง ตามยาวและตามขวางของกล่อง ด้านละ 2 เส้น
นางศศิธร และ น.ส.รุจิราได้นำกล่องดังกล่าวมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชที่ห้องทำงานในวันเดียวกัน รวมเป็นกล่องบรรจุข้อสอบและสิ่งที่เกี่ยวข้อง ที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดชเก็บรักษา ทั้งหมดเป็น 3 กล่อง

การเปิดซองต้นฉบับข้อสอบครั้งที่ 2

ศ.ร.ต.อ.วรเดช และนางศศิธร ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2547 เวลาประมาณ 16.00-17.00 น. ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เรียกนางศศิธรมาพบที่ห้องทำงาน และให้นางศศิธรช่วยทำการตรวจสอบ ต้นฉบับการ์ดข้อสอบและข้อสอบฉบับร่างที่ได้รับจากนายชาคร ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ 2 กล่อง เมื่อวันที่ 13 และวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งอยู่บนโต๊ะประชุมในห้องทำงานของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช
บุคคลทั้งสองได้ช่วยกันเปิดซองบรรจุต้นฉบับการ์ดข้อสอบและข้อสอบฉบับร่าง ที่นายชาครลงลายมือชื่อกำกับรอยผนึกและบรรจุไว้ในซองพลาสติกใสปิดผนึกอีกชั้นหนึ่ง โดยนางศศิธรใช้กรรไกรสีเหลืองตัดเปิดซองที่อยู่ในกล่องแรกที่ได้รับเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 จำนวน 18 ซอง 17 วิชา ส่วน ศ.ร.ต.อ.วรเดชเปิดกล่องที่ 2 ที่ได้รับเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 นำซองออกมาใช้กรรไกรสีเหลืองตัดเปิดซอง 16 ซอง 16 วิชา รวมทั้ง 2 กล่อง 34 ซอง 33 วิชา
ผลการตรวจสอบปรากฏว่าทุกซองอยู่ในสภาพเรียบร้อย ภายในซองมีต้นฉบับการ์ดข้อสอบ ที่พิมพ์แล้วครบถ้วน และในขณะเดียวกันนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้ให้นางศศิธรตรวจรับซองเฉลยข้อสอบทุกวิชา ที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้เรียกมาเก็บรักษาไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2547 ส่งคืนให้นางศศิธร เพื่อส่งมอบให้ประธานวิชาดำเนินการต่อไป
นางศศิธรยืนยันว่าทุกซองอยู่ในสภาพเรียบร้อย ทั้งนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้ให้นางศศิธรเขียนในแบบบันทึกข้อความ ลงวันที่ 10 มีนาคม 2547 เป็นบันทึกการตรวจสอบต้นฉบับเอกสารข้อสอบ และตรวจรับเฉลยข้อสอบ โดยนางศศิธรลงลายมือชื่อเป็นผู้ตรวจรับ ศ.ร.ต.อ.วรเดชลงลายมือชื่อเป็นผู้ส่ง โดยไม่มีพยานร่วมรู้เห็นด้วย

ศ.ร.ต.อ.วรเดชอ้างว่า ในวันที่ 10 มีนาคม 2547 ที่ทำการตรวจสอบตรวจรับดังกล่าวข้างต้นนั้น การสอบวัดความรู้ได้เสร็จสิ้นแล้ว แต่ตามหลักฐานตารางวันเวลาสอบปรากฏว่า วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2547 เวลา 08.30-16.30 น. ยังมีการสอบวิชาพลศึกษาปฏิบัติอีกวิชาหนึ่ง
นอกจากนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชชี้แจงว่า การตรวจสอบตามมาตรการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบว่ามีผู้ทุจริต ในการสอบเอ็นทรานซ์หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของคณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ โดยเฉพาะนายชาคร ประธานอนุกรรมการฯ
กล่าวคือ ผลการตรวจสอบถ้ามีต้นฉบับอยู่จริง ก็แสดงว่าไม่น่าจะมีการทุจริต แต่ถ้าไม่มีต้นฉบับข้อสอบหรือขาดไปบางส่วน ก็อาจใช้เป็นหลักฐานประกอบได้ว่ามีการทุจริต

คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า มาตรการตรวจสอบของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ไม่มีน้ำหนักเหตุผลเพียงพอที่จะให้เชื่อถือได้ เพราะถ้ามีการทุจริตจริง ผู้ทุจริตคงไม่เพียงกระทำการง่ายๆด้วยวิธีเบียดบังเอาต้นฉบับการ์ดข้อสอบไป แล้วบรรจุซองเปล่าหรือซองสอดไส้อย่างอื่น
ในทางกลับกันเห็นได้ว่าซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบดังกล่าว ศ.ร.ต.อ.วรเดชได้นำมาเก็บไว้ในความครอบครองของตัวเองแต่ผู้เดียว ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ และวันที่ 1 มีนาคม 2547 ครั้นนำมาเปิดตรวจสอบในวันที่ 10 มีนาคม 2547 ก็เปิดตรวจตามลำพังกับนางศศิธร ถ้าปรากฏว่าเปิดแล้วต้นฉบับการ์ดข้อสอบภายในซองขาดหายไป ก็อาจเป็นเหตุให้นายชาครก็มีข้อ ต่อสู้ได้เช่นกันว่า ศ.ร.ต.อ.วรเดชเองนั่นแหละที่ทุจริตเบียดบังเอาไป แล้วโยนความผิดให้นายชาคร เพราะเปิดกันตามลำพัง ไม่ได้ให้ตนมาร่วมรู้เห็นด้วย
นอกจากนั้น ก็อาจเป็นไปได้เช่นกันว่า ในระหว่างที่ต้นฉบับการ์ดข้อสอบอยู่ในความครอบครองของ ศ.ร.ต.อ.วรเดชแต่ผู้เดียวนี้ ศ.ร.ต.อ.วรเดชอาจเปิดดูหรือนำไปใช้ประโยชน์ก็ได้ โดยอาจนำมาเก็บแล้วทำทีนำมาเปิดตรวจสอบครบถ้วนถูกต้อง แอบอ้างแสดงความบริสุทธิ์ของตนก็เป็นได้

อนึ่ง เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาถึงการที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ส่งชื่อนายชาคร และชื่ออนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ รวม 11 คน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทางลับ ด้วยเหตุเพียงมีการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอย จากบัตรสนเท่ห์ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2547 ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ เป็นแต่เพียงมีการยกร่างคำสั่งเสนอให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช พิจารณาเท่านั้น
จนถึงวันที่ 19 มกราคม 2547 ศ.ร.ต.อ.วรเดช จึงได้แต่งตั้งให้นายชาคร และคณะ รวม 11 คน ที่ตนระแวงสงสัยมาโดยตลอดนั้น เป็นประธานและอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนรายงานการสืบสวนทางลับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2547 (ก่อนเปิดซองตรวจสอบในวันที่ 10 มีนาคม 2547) ก็ไม่ปรากฏว่ามีความคืบหน้าเพิ่มขึ้น จากที่ได้รายงานไว้เมื่อปลายเดือนมกราคม 2547 จะมีเพิ่มเติมก็แต่เพียงการสืบหาบ้านพัก ถ่ายภาพ เฝ้าสังเกตการณ์ จึงไม่ปรากฏว่ามีข้อมูลอะไรรีบด่วน ที่จะต้องใช้มาตรการเปิดซองต้นฉบับข้อสอบ เพื่อตรวจสอบในวันที่ 10 มีนาคม 2547 ซึ่งการสอบยังไม่เสร็จสิ้น

3. คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง มีความเห็นโดยสรุปดังต่อไปนี้

3.1 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่าระบบการสอบวัดความรู้เพื่อสมัคร

(1) เข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ได้มีวิวัฒนาการต่อเนื่องมานานกว่าสี่สิบปี โดยใช้ธรรมเนียมและจารีตปฏิบัติเป็นหลัก มีการควบคุมและป้องกันอย่างรัดกุมพอสมควร จากข้อเท็จจริงที่ประมวลได้ในครั้งนี้ น่าจะมีปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามระบบดังกล่าวนั้น เช่น การที่ผู้ที่เกี่ยวข้องละเลยการควบคุมและการรักษาความปลอดภัยของข้อสอบ

(2) ความเคยชินจากการปฏิบัติต่อเนื่องมายาวนาน จนมองข้ามปัญหาต่างๆ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

(3) การที่ผู้ที่เกี่ยวข้องละเลยการควบคุมและการรักษาความปลอดภัยของข้อสอบ

(4) ความเคยชินจากการปฏิบัติต่อเนื่องมายาวนาน จนมองข้ามปัญหาต่างๆ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

(5) การที่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับแต่งตั้งหรือมอบหมายให้ทำหน้าที่ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน โดยไม่มีระบบตรวจสอบการปฏิบัติเยี่ยงนี้ จึงเป็นปัญหาและเป็นจุดอ่อน อันอาจจะนำไปสู่การรั่วไหลของข้อสอบได้

3.2 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า ความเป็นไปได้ที่ข้อสอบจะรั่วไหลในการสอบวัดความรู้ ครั้งเดือนมีนาคม 2547 ที่ผ่านมา อาจเกิดขึ้นได้ในบางกระบวนการ หรือบางขั้นตอน เช่น ในขั้นตอนการเก็บรักษาต้นฉบับการ์ดข้อสอบ ต้นฉบับข้อสอบ ข้อสอบและเฉลยข้อสอบ ซึ่งไม่ใช้ห้องมั่นคงที่มีอยู่ หรือในขั้นตอนการนำต้นฉบับข้อสอบส่งเข้าโรงพิมพ์เป็นต้น อย่างไรก็ดี จากการสืบสวนข้อเท็จจริงครั้งนี้ ยังไม่ปรากฏหลักฐานสำคัญใด ว่าจะมีการรั่วไหลของข้อสอบได้
นอกจากนั้น จากประเด็นที่มีข้อสงสัยว่า ผลการสอบวัดความรู้เพื่อใช้สมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ระหว่างการสอบ 2 ครั้ง ในปีการศึกษา 2547 (คือ ครั้งเดือนตุลาคม 2546 และครั้งเดือนมีนาคม 2547) น่าจะมีความแตกต่างจนผิดปกติ และอาจบ่งชี้ว่าข้อสอบรั่วไหลได้นั้น
คณะกรรมการฯได้พิจารณาวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการสอบวัดความรู้ฯในวิชาภาษาไทย และวิชาสังคมศึกษา จากผลการศึกษาด้วยวิธีวิทยาทางสถิติที่ถูกต้องแล้ว ปรากฏดังนี้ จำนวนผู้เข้าสอบครั้งเดือนมีนาคม 2547 ที่มีคะแนนเพิ่มมากกว่าครั้งเดือนตุลาคม 2546 จำแนกตามช่วงคะแนน

การเปลี่ยนแปลงในผลการสอบวัดความรู้ทั้งสองครั้งในปีการศึกษา 2547 ไม่มีความแตกต่าง (เพิ่มขึ้น) อย่างผิดปกติ และเป็นไปในทำนองเดียวกับในปีการศึกษาที่ผ่านๆมา จึงไม่มีข้อน่าสงสัยว่าได้มีการรั่วไหลของข้อสอบ

3.3 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า การที่ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ได้นำเอาซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา ซึ่งเป็นเอกสารลับที่สุดของทางราชการมาเปิดซอง เอาต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาทั้งสองออกมาดู ระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2547 ที่บริเวณห้องรับแขก หน้าห้องทำงานของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร
โดยไม่เรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบ ไม่เชิญประธานวิชาทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้าง กลั่นกรอง และจัดชุดข้อสอบ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อกำกับรอยปิดผนึก มาปรึกษาหารือร่วมรู้เห็นนั้น
ข้ออ้างต่างๆในการเปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบ ไม่อาจรับฟังได้ เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลอันสมควร และไม่พึงกระทำ ไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ.2544 ข้อ 30 ที่กำหนดว่า เมื่อสงสัยว่าบุคคลที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร ได้รู้หรืออาจรู้ถึงข้อมูลข่าวสารลับ หรือเมื่อสงสัยว่ามีการละเมิดการรักษาความลับของข้อมูลข่าวสารของราชการ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
 อีกทั้งที่มาของเรื่องก็เป็นเพียงนำเอาบัตรสนเท่ห์ ที่มีการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยมาเป็นข้ออ้างเพื่อดำเนินการ ซึ่งเป็นการไม่ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0206/ว 218 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2541
พฤติการณ์ของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช ได้ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจ ผู้ร่วมงานเมื่อทราบเรื่องต่างตกใจ กังวลใจ และแปลกใจในการกระทำของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ดังกล่าว ประธานวิชาภาษาไทย ประธานวิชาสังคมศึกษา ประธานอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ และ น.ส.จิรณี ตันติรัตนวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการเกี่ยวกับการออกและ ตรวจข้อสอบ และเป็นกรรมการอำนวยการสร้างข้อสอบด้วย
เมื่อได้ทราบเรื่อง ได้ประชุมปรึกษาร่วมกันลงความเห็นให้ประธานวิชาภาษาไทย และประธานวิชาสังคมศึกษา ปรับเปลี่ยนข้อสอบใหม่ ต่อมา ศ.ร.ต.อ.วรเดชก็ได้ทราบถึงการปรับเปลี่ยนข้อสอบ และยังได้กระทำซ้ำโดยมีพฤติการณ์ ทำนองเดียวกันอีก
โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2547 ขณะที่การสอบยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ได้นำเอากล่องบรรจุซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบที่พิมพ์แล้ว ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ในห้องทำงานของตน มาเปิดกล่องและใช้กรรไกรตัดซองเปิดนำเอาต้นฉบับข้อสอบวิชาหลักทุกวิชามาตรวจดู
ส่วนวิชาเฉพาะทั้งหมดให้นางศศิธรช่วยตัดเปิดซองตรวจดู อันเป็นการกระทำโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และไม่พึงกระทำเช่นเดียวกัน พฤติการณ์นั้นแตกต่างไปจากธรรมเนียมและจารีตปฏิบัติ ในการสอบวัดความรู้ที่เคยถือปฏิบัติกันมายาวนาน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร นับเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เสื่อมศรัทธาในกระบวนการจัดสอบวัดความรู้อย่างยิ่ง

พฤติการณ์ของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ และมติคณะรัฐมนตรี และฐานไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมของทางราชการตามมาตรา 85 และมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 และมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ราชการด้วย

3.4 ในกรณีนางศศิธร อหิงสโก ผอ.สำนักทดสอบกลาง สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเป็นผู้นำซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบวิชาภาษาไทย และวิชาสังคมศึกษาไปมอบให้ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ที่ห้องรับแขก ระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2547 และได้ช่วย ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ตัดเปิดซองต้นฉบับการ์ด ข้อสอบวิชาเฉพาะที่พิมพ์แล้ว ที่โต๊ะประชุมในห้องทำงานของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เมื่อเดือนมีนาคม 2547 นั้น
แม้ว่าพฤติการณ์นั้นเป็นการกระทำตามคำสั่งของ ผู้บังคับบัญชาก็ตาม แต่ก็รู้โดยตลอดว่าคำสั่งนั้นมิชอบด้วยธรรมเนียมและจารีตปฏิบัติที่เคยปฏิบัติมา โดยมิได้ทักท้วง หรือดำเนินการอื่นใดให้ผู้บังคับบัญชา ได้ทราบและทบทวน คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่า กรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย อย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ถือปฏิบัติ ตามแบบธรรมเนียมของทางราชการ ตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535

3.5 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีข้อสังเกตด้วยว่า การดำเนินการต่างๆ ในกระบวนการสอบวัดความรู้ เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ไม่ปรากฏมีระเบียบวิธีปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ กำหนดหรือวางไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เรื่องนี้เป็นราชการที่มีความสำคัญอย่างหนึ่ง กระทรวงศึกษาธิการควรจัดให้มีการศึกษา ปรับปรุง และประมวลวิธีปฏิบัติต่างๆในเรื่องนี้ และวางระเบียบปฏิบัติให้ผู้เกี่ยวข้อง ถือปฏิบัติอันจะเป็นการป้องกันมิให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับ เรื่องนี้ได้ทางหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น