xs
xsm
sm
md
lg

นิวเวิลด์ ตำนานอัปยศแห่งกทม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทันทีที่ “อาคารนิวเวิลด์ บางลำพู” ทรุดลงมาจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนทั่วทุกสารทิศก็พุ่งเป้าไปที่ “2 จำเลย” ที่เป็นต้นตอของการเกิดเรื่องทั้งหมด นั่นก็คือ “กรุงเทพมหานคร(กทม.)” ในฐานะเจ้าของพื้นที่ และ “บริษัท แก้วฟ้า ช๊อปปิ้งอาเขต จำกัด” ในฐานะเจ้าของอาคาร

ทั้งนี้ เนื่องจากจำเลยทั้งสองนั้น ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจที่จะดำเนินการรื้อถอนอาคารนิวเวิลด์ให้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง จนกระทั่งเกิดเหตุเศร้าสลดใจดังกล่าว

แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ การกระทำผิดของนิวเวิลด์ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น หากแต่สามารถย้อนหลังกลับไปได้นับเป็นสิบๆ ปี และมีความเกี่ยวพันกับผลประโยชน์และบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชน ชนิดที่ต้องบอกว่า เป็นตำนานอันอัปยศคู่กับ กทม.เลยทีเดียว

ใครอนุญาตให้ก่อสร้าง?

จากการตรวจสอบข้อมูลของ “ผู้จัดการรายวัน” พบว่า จุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2520 หรือเมื่อมีการก่อสร้างห้างนิวเวิลด์ขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องเพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ใส่ใจต่อการตรวจสอบว่า เป็นการก่อสร้างผิดไปจากแบบที่ขออนุญาตเอาไว้ 5 ชั้น เป็น 11 ชั้น ซึ่งผิดกฎหมายควบคุมอาคารในเขตพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ที่มีการกำหนดความสูงของอาคารยุคนั้นมีนายธรรมนูญ เทียนเงิน เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

“ความจริง ตอนนั้นถ้าผู้อำนวยการเขตพระนครจะเข้าไปตรวจสอบ ก็จะพบว่าเป็นการก่อสร้างที่ผิดแบบ คำถามก็คือ ทำไมจึงปล่อยให้การก่อสร้างดำเนินต่อไป ทำไมไม่ไปตรวจสอบ ขณะที่คนอนุญาตไม่เห็นใครไปเอาผิดอะไรเลย ทั้งๆ ที่ความจริง สามารถไล่สอบย้อนหลังไปได้ เพราะมีเอกสารหลักฐานการอนุญาตทุกอย่าง”แหล่งข่าวระดับสูงใน กทม.ให้ข้อมูล

เหตุการณ์ดำเนินมาเป็นปกติ และผ่านมือผู้ว่าฯ กทม.และปลัดกทม.อีกหลายคน จนในปี 2528 เมื่อพล.ต.จำลอง ศรีเมืองเข้ามาทำหน้าที่พ่อเมือง และเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ห้างนิวเวิลด์ขึ้น จึงได้มีการตรวจสอบสาเหตุของไฟไหม้และพบว่า ห้างนิวเวิลด์ก่อสร้างผิดแบบ จำเป็นที่จะต้องดำเนินการรื้อถอน

แต่จนแล้วจนรอด การรื้อถอนก็ไม่เกิดขึ้น เนื่องจากทางบริษัท แก้วฟ้าฯ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่โยกโย้ไม่ยอมให้ กทม.เข้ารื้อถอน พร้อมทั้งยื่นฟ้อง กทม.เพื่อคงสภาพของอาคารเอาไว้ และยังคงเปิดให้บริการตามปกติเหมือนเดิม โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอันตรายกับประชาชนที่จะมาใช้บริการแต่ประการใด

การต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมดำเนินต่อมาอีก 9 ปีเต็มๆ ก็ได้ข้อยุติ เมื่อศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 466/2537 ลงวันที่ 30 พ.ค.2537 ให้บริษัท แก้วฟ้าฯ ทำการรื้อถอนพื้นที่ที่ผิดกฎหมายคือตั้งแต่ชั้นที่ 5-11 ซึ่งเป็นส่วนของร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์อาหารและโรงภาพยนตร์

ทว่า เหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็นไปตามคำพิพากษานั้น และการรื้อถอนจริงก็ไม่บังเกิดขึ้น เนื่องเพราะทางนิวเวิล์ดได้พยายามยื้อและประวิงเวลาอยู่ตลอดเวลาโดยขอที่จะเป็นผู้ดำเนินการรื้อถอนเอง มีเพียงแต่ปิดพื้นที่ที่ศาลมีคำสั่งให้รื้อตั้งแต่ชั้น 5-11 ส่วนตั้งแต่ชั้น 1-4 ทางห้างเปิดให้บริการตามปกติ

เมื่อเวลาผ่านไป และผู้คนเริ่มที่จะหลงลืมเรื่องราวของห้างนิวเวิลด์ ในที่สุดคดีก็ถูกรื้อฟื้นมาอีกครั้ง เมื่อเกิดไฟไหม้ “ห้างแก้วฟ้า พลาซ่า” ซึ่งอยู่ในย่านเดียวกันและทำเลเดียวกัน แถมยังเป็นเจ้าของเดียวกันอีกต่างหากคือ “นายแก้ว ผูกทวนทอง” จนมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ และหนึ่งในผู้เสียชีวิตก็เป็นลูกสาวของนายแก้วนั่นเอง สังคมจึงเริ่มกลับมาจับตาอีกครั้งว่า กทม.จะจัดการอย่างไร

ในครั้งนั้น ผู้บริหาร กทม.กลับมาตื่นตัวอีกครั้งโดยประกาศที่จะเร่งรื้อถอนห้างนิวเวิล์ดเป็นการด่วน พร้อมกับนำป้ายไปติดเพื่อเตือนให้ประชาชนทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและไม่เข้าไปใช้บริการ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ถึงปัญหาที่ทำให้การรื้อถอนไม่บังเกิดขึ้นจนแล้วเสร็จ ส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลมาจากการที่ห้างนิวเวิลด์เป็นอาคารขนาดใหญ่ มีโครงสร้างใหญ่ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น จึงประวิงเวลาเรื่อยมา ขณะเดียวกัน ทาง กทม.เองก็ไม่ได้เร่งติดตามผลอย่างที่ควร จึงทำให้ห้างนิวเวิล์ดยังคงตั้งตระหง่านอยู่บริเวณสี่แยกบางลำพูเป็นประจักษ์พยานถึงวงจรอุบาทว์ในทำเนียบเสาชิงช้าเป็นอย่างดี

จากนั้นในปี 2545 การปฏิบัติตามคำสั่งศาลฎีกาจึงคืบไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง เมื่อทางเขตพระนครได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปรื้อถอนเอง โดยจะใช้งบประมาณปี 2545 จำนวน 36 ล้านบาท แต่เม็ดเงินจำนวนนี้ทางเขตจะไปเรียกเอาจากทางนิวเวิลด์ในภายหลัง ซึ่งท้ายที่สุดการรื้อก็ไม่ได้เกิดขึ้นเช่นเดิม
เวลาผ่านไปจนถึงปี 2547 ซึ่งครบอายุความ 10 ปีตามคำพิพากษาของศาลที่กำหนดให้ดำเนินการแล้วเสร็จ ขณะที่การรื้อถอนไม่มีความคืบหน้า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคือนายสมัคร สุนทรเวชจึงยื่นเงื่อนไขสุดท้ายให้กับทางนิวเวิลด์ 2 ข้อคือ 1.ยินยอมให้เจ้าหน้าที่โยธาของเขตพระนครส่งทีมพิเศษเข้าทำการรื้อถอน และ 2. หากทางบริษัทจะทำการรื้อถอนเอง ต้องวางเงินจำนวน 36,343,550 บาท เป็นค่าประกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรื้อถอน

การต่อสู้เพื่อเงิน 36 ล้าน

จุดนี้เอง ทำให้ กลุ่มที่ต้องการใช้พื้นที่และเจ้าของกรรมสิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วย 1.นายอานนท์ สิงห์สมบุญ ตัวแทนผู้ที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่อาคารนิวเวิลดฺ 2.นายอดิศักดิ์ วัฒนวิจารณ์ ผู้จัดการโครงการบริษัท สุณิสาก่อสร้าง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด และ 3.นายวิเชียร สุขพันธุ์ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท แก้วฟ้า ช๊อปปิ้งอาเขต จำกัด ก็ได้ออกมาแถลงข่าวโจมตี กทม.ถึงเงื่อนงำที่เกิดขึ้น เพราะเป็นการตั้งงบประมาณเอาไว้สูงเกินจริง น่าจะมีเรื่องของผลประโยชน์และความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากงบประมาณที่ทางบริษัทสุณิสาฯ ประการเอาไว้น่าจะอยู่ที่ 10-20 ล้านบาทเท่านั้น“เรื่องนี้ทางห้างต้องขอยอมรับผิด ด้วยเหตุผลเสียดายเงินลงทุนค่าก่อสร้างที่ใช้ไปแล้วกว่า 700 ล้านบาท แต่เมื่อถึงวันนี้ได้มีกลุ่มธุรกิจซึ่งจะเข้าไปลงทุนภายหลังจากรื้อถอนอาคารเพื่อทำเป็นศูนย์การค้า จึงเป็นที่มาที่บริษัทแก้วฟ้า จะเข้ารื้อถอนและว่าจ้างบริษัท สุณิสา เข้ารื้อถอนอาคารตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 46 โดยไม่ต้องจ่ายค่าจ้างใดๆ แลกกับเหล็กและวัสดุอื่นๆ ที่จะได้มาภายหลังการรื้อถอน ซึ่งทางบริษัทสุณิสา ยืนยันว่าการรื้อถอนจะเสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน”

“ขณะเข้ารื้อถอนก็ได้รายงานความคืบหน้าไปยังกทม.และขอความร่วมมือเพื่ออำนวยความสะดวกในการรื้อถอนและขออนุญาตนำเครื่องจักรหนักเข้ารื้อถอน แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ทั้งยังมีการแจ้งความข้อหาบุกรุกที่สาธารณะ เนื่องจากผู้รับเหมาได้ก่อสร้างแนวกันและแผงป้องกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชน โดยทำยื่นออกมาจากตัวอาคาร 2 เมตร และต้องรื้อถอนแผงกันดังกล่าวทันที ทำให้ไม่สามารถรื้อเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ ทางห้างจึงทำหนังสือถึงผอ.เขต แต่ได้รับคำตอบว่าต้องให้ผู้บริหารกทม.เห็นชอบถึงจะให้ความร่วมมือได้”

“ดังนั้น จึงได้ทำหนังสืออีกต่อเพื่อยื่นต่อผู้ว่าฯกทม.และได้ทำซ้ำอีกหลายฉบับ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดกลับมา จนถึงวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา กทม.ได้ส่งหนังสือเพื่อระงับการรื้อถอนที่ห้างแก้วฟ้าฯได้ทำไว้แล้ว อีกทั้งกำหนดให้ต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการที่กทม.จะเข้ารื้อถอนภายหลัง 36 ล้านไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องเสียฟรี 36 ล้านบาท ในเมื่อศาลฎีกา ก็อนุญาตให้เรารื้อถอนแล้ว กทม.จะเข้ามารื้ออีกทำไม ตอนนี้การรื้อถอนก็เหลือเพียงรื้อโครงสร้างเท่านั้น ฝ้า ท่อน้ำประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ ลิฟต์ ก็รื้อหมดแล้ว ขอเวลาแค่ 6 เดือน พร้อมให้ความสะดวก ทำไมแค่นี้กทม.ไม่ยอม เรื่องนี้ไม่มีใครเสีย เราไม่มีเจตนาประวิงเวลาหลังจากประวิงเวลามา 9 ปี แค่อยากลงทุนต่อ”นายวิเชียรกล่าวเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2547

ในระหว่างที่การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด เพราะกทม.ไม่ยินยอมและได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งให้มีคำสั่งให้ กทม.เป็นผู้ดำเนินการรื้อถอนเองอีกครั้งหนึ่ง โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ทางบริษัทสุณิสาฯ ก็ยังคงเข้าไปดำเนินการรื้อถอนอย่างต่อเนื่อง และเร่งมืออย่างหนัก โดยมีการขนเครื่องจักรหลายตัวเข้าไปยังพื้นที่รื้อถอน ซึ่งตรงนี้ น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการทรุดตัวของอาคารเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา

เปิดตัวจำเลยสังคม

ทีนี้ ก็มาถึงประเด็นที่สำคัญที่สุดว่า แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ประเด็นนี้ ถ้าหากกล่าวกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม คงจะต้องย้อนหลังกลับไปตั้งแต่มีการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อย้อนหลังไล่เลี่ยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็พบว่า มีอยู่ทั้งหมด 11 คนด้วยกันคือ

1.นายธรรมนูญ เทียนเงิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.
2.นายเชาว์วัศ สุดลาภา อดีตผู้ว่าฯ กทม.
3.พล.ร.อ.เทียม มกรานนท์ อดีตผู้ว่าฯ กทม.
4.นายอาษา เมฆสวรรค์ อดีตผู้ว่าฯ กทม.
5.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม.
6.รอ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา อดีตผู้ว่าฯ กทม.
7.ดร.พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม.
8.นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน
9.นายแก้ว ผูกทวนทอง เจ้าของกรรมสิทธิ์การเช่าอาคารนิวเวิลด์ ซึ่งหลังจากเกิดไฟไหม้ห้างแก้วฟ้า พลาซ่า เมื่อปี2528 ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐฯ
10.บริษัท สุณิสาก่อสร้าง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ในฐานะผู้รับผิดชอบการรื้อถอน
และ 11.นายอานนท์ สิงห์สมบุญ ตัวแทนผู้ที่จะเข้าไปลงทุนทำคอมเพล็กซ์


ทั้งนี้ ไม่นับรวมปลัด กทม. ผู้อำนวยการสำนักโยธา และผู้อำนวยการเขตที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งมีอีกหลายสิบคน

และทั้งหมดนั้นคือเรื่องราวแห่งความอัปยศที่เกิดขึ้นกับห้างนิวเวิลด์ ซึ่งดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องและสะท้อนให้เห็นถึงความผิดเพี้ยนในระบบราชการไทยและในสังคมไทยได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ นิวเวิลด์ไม่ใช่เป็นอาคารเพียงแห่งเดียวที่เกิดเรื่องราวในทำนองนี้ หากยังคงมีปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นกับอาคารจำนวนมากทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีกมากมายนับไม่ถ้วนแจกแจงไม่มีที่สิ้นสุด
กำลังโหลดความคิดเห็น