xs
xsm
sm
md
lg

สินบน "โจ๊ก" ทอง 246 บาทกับ "เอกวิทย์" วิกฤติศรัทธาที่ป.ป.ช.ต้องเร่งกู้! ** สีสันวันจับเบอร์ปาร์ตี้ลิสต์... "เพื่อไทย" เฮงสุดได้เบอร์ 9 "ภูมิใจไทย" เบอร์ 37 "ปชน." เบอร์ 46 "กล้าธรรม" เบอร์ 42

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว




++ สินบน "โจ๊ก" ทอง 246 บาทกับ "เอกวิทย์" วิกฤติศรัทธาที่ป.ป.ช.ต้องเร่งกู้!

ช่วงนี้คงไม่มีเรื่องใหญ่เรื่องไหนอื้อฉาว ระดับเป็นปรากฏการณ์ ในวงการยุติธรรมส่งท้ายปี เช่นกรณี "โจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ติดสินบน "ทอง 246 บาท" แก่คนในสำนักงานป.ป.ช.เพื่อวิ่งเต้นคดีตัวเอง

ผู้ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับคดีสินบนทองจุกๆ ครั้งนี้ ไล่เรียงไปมีตั้งแต่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล นายสมบัติ ธรธรรม นายสามารถ กอนแก้ว หรือ “เอ็ดเวิร์ด” นายสรพงษ์ วงค์สุวรรณ นายสุรสิทธิ์ แพเกิด

และที่ทำให้สังคมสะดุดใจที่สุดคือ ... “นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ” กรรมการ ป.ป.ช.!

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
เรื่องนี้วงในเล่าว่า จุดเริ่มต้น เกิดขึ้นวันที่ 31 สิงหาคม 2567 เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ได้เรียก พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย "ลูกน้องคนสนิท" เข้าพบที่อาคารรัชดาวัน ชั้น 2 โดยในห้องนั้นมี นายสามารถ กอนแก้ว รออยู่ก่อนแล้ว

คำสั่งที่ถูกกล่าวหาว่าเกิดขึ้นในวันนั้น…ไม่ธรรมดา เพราะ "โจ๊ก" สั่งให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ นำ“ทองคำแท่ง”ไปมอบให้ “เอกวิทย์ วัชชวัลคุ” กรรมการป.ป.ช.เพื่อใช้เป็นการ“วิ่งเต้นช่วยเหลือคดี” ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.

ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการกำชับให้ ถ่ายคลิปวิดีโอ ขณะส่งมอบทองไว้เป็นหลักฐาน ตามนิสัยของ “โจ๊ก”

ต่อมา นายสามารถ กอนแก้ว ได้นำทองคำแท่งมามอบให้กับ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ”

เมื่อเปิดตรวจสอบพบว่า เป็นทองคำแท่งบรรจุในกล่องกระดาษ 2 กล่อง น้ำหนักรวม 246 บาท โดยมีการบันทึกวิดีโอไว้ครบถ้วน

วันที่ 1 ก.ย.67 มีคำสั่งให้นำทองคำดังกล่าว ไปมอบให้ “เอกวิทย์ วัชชวัลคุ” ที่บริเวณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนกาญจนาภิเษก
“โจ๊ก” ได้โทรศัพท์บอกรายละเอียดว่า “เอกวิทย์” จะเดินทางมา ด้วยรถตู้ Toyota Alphard สีดำ รถประจำตำแหน่ง

เมื่อ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ” และพวกไปถึง พบว่านายสุรสิทธิ์ แพเกิด นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ และ “เอกวิทย์ วัชชวัลคุ” นั่งอยู่เบาะหลัง จึงยื่นกระเป๋าบรรจุทองคำให้ นายสุรสิทธิ์ เพื่อส่งต่อให้ “เอกวิทย์” ก่อนที่รถตู้ จะขับออกไปทันที

นี่คือการสืบสวน สอบสวน ที่เจ้าหน้าที่ได้มาอย่างแน่นหนา

เมื่อคดีนี้ไม่ใช่แค่คดีของ “โจ๊ก” แต่กลายเป็นคดีที่พาดพิงถึงความน่าเชื่อถือของป.ป.ช. โดยตรง จึงหนักหนาสาหัสยิ่ง!!
ที่ผ่านมาป.ป.ช. เผชิญข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใสมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่คดีของ “โจ๊ก”เข้าสู่กระบวนการของป.ป.ช. โดยเฉพาะกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ป.ป.ช. ถึง 5 ราย ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีพฤติการณ์ช่วยเหลือคดี ซึ่งขณะนี้ป.ป.ช. เองก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบภายใน

รวมไปถึงการตรวจสอบไปถึง “สุภา ปิยะจิตติ” ด้วยว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช. มีความเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์เหล่านี้ หรือไม่!?

ไม่เพียงเท่านี้ “สุภา” ยังถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อวุฒิสภาด้วย ภายหลังพ้นตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 ม.ค.67 โดยมีการแจ้งมูลค่ารถยนต์เพียง 108,000 บาท แต่กลับมีภาระผ่อนรถสูงถึง 182,964 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ย้อนแย้ง และชวนตั้งคำถามว่า มีการกรอกข้อมูลผิดพลาดหรือมีประเด็นอื่นซ่อนอยู่ !?

เอกวิทย์ วัชชวัลคุ
ในแวดวงกฎหมายพูดตรงกันว่า หากต้องการหยุดวิกฤตศรัทธา ... สิ่งที่ควรทำ “ทันที” คือการ พักงาน “เอกวิทย์ วัชชวัลคุ” จากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.

เพื่อเปิดทางให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างอิสระ และแสดงความจริงใจต่อสังคม

เพราะถ้าองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตถูกตั้งข้อสงสัยเสียเอง ระบบถ่วงดุลทั้งระบบ อาจเหลือแค่เปลือกในท้ายที่สุด
คำตอบของคดี “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล” อาจไม่ได้ชี้ชะตาแค่บุคคล แต่กำลังชี้วัดว่า ป.ป.ช.จะฝ่าวิกฤต เร่งกอบกู้ศรัทธาของสังคมอย่างไร?

แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ทำมือบอกเบอร์ 9
++ สีสันวันจับเบอร์ปาร์ตี้ลิสต์... "เพื่อไทย" เฮงสุดได้เบอร์ 9 "ภูมิใจไทย" เบอร์ 37 "ปชน." เบอร์ 46 "กล้าธรรม" เบอร์ 42

การสมัครรับเลือกตั้งเป็นวันที่สอง (28 ธ.ค.68) ยังคงคึกคัก เพราะเป็นการเปิดรับสมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งนอกจากจะได้รู้ว่า พรรคไหน ใครอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่เท่าไร แล้วยังลุ้นว่าจะได้หมายเลขอะไร เป็นเบอร์ประจำพรรค สำหรับการลงคะแนนของประชาชน

แต่ละพรรคต่างต้องการเลขตัวเดียว ที่จดจำง่าย ทำมือประกอบง่าย ระหว่างลงพื้นที่หาเสียง

ทั้งนี้ มีพรรคการเมืองมาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. มากถึง 52 พรรค ประธาน กกต. จึงต้องจับสลากว่า พรรคไหนจะได้สมัครก่อน จากนั้นก็จะได้จับฉลาก ที่เป็นเบอร์ประจำพรรค

พรรคแรกที่ได้จับฉลากเบอร์พรรค คือ “พรรคพลังเพื่อไทย” จับได้หมายเลข 16 จากนั้นก็เรียงลำดับ ไปตามหมายเลขที่ประธาน กกต.จับไว้ให้ ซึ่งพรรคสุดท้าย ลำดับที่ 52 คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หมายเลข 6

สำหรับพรรคที่ได้หมายเลข 1 เป็นเบอร์ประจำพรรค คือ “พรรคไทยทรัพย์ทวี”

ส่วนพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ที่อยู่ในความสนใจ ต่างลุ้นให้ได้เลขหลักเดียว แต่มีเพียง “พรรคเพื่อไทย”ที่ได้หมายเลขตัวเดียว คือเลข 9 ส่วนพรรคอื่นๆ ได้หมายเลข สองหลัก

ไชยชนก ชิดชอบ และผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ พรรคภูมิใจไทย ทำมือบอกเลข 37
อย่างเช่น พรรคภูมิใจไทย ได้หมายเลข 37, พรรคประชาชน หมายเลข 46, พรรคกล้าธรรม หมายเลข 42 , พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 27, พรรคโอกาสใหม่ หมายเลข 44 ,พรรคเศรษฐกิจ หมายเลข 11, พรรคไทยก้าวใหม่ หมายเลข 49, พรรคไทยสร้างไทย ได้หมายเลข 48 , พรรคเสรีรวมไทย หมายเลข 12 ,พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 43 เป็นต้น

“ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการได้หมายเลข 9 ว่า เป็นเบอร์ที่ดีและเป็นสิริมงคล สื่อสารง่าย ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยทำให้เราสามารถสื่อสารกับพี่น้องประชาชนได้ง่าย จำง่าย กาง่าย

ที่สำคัญคือสอกคล้องกับภารกิจของเราที่ต้องพาประเทศไทย ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน แม้นโยบายของเรามีมากกว่า 9 ข้อ แต่จะพยามสื่อสารให้สอดคล้อง กับเลขนี้

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ กล่าวเสริมว่า เป็นเบอร์ที่ดี เมื่อปี2548 พรรคไทยรักไทย เคยจับได้เบอร์ 9 มาแล้ว สมัยที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งครั้งนั้น พรรคได้ถึง377เสียง

ด้าน “อนุทิน ชาญวีรกูล” แคนดิเดตนายกฯพรรคภูมิใจไทย จับได้เบอร์ 37 บอกว่า ถ้าได้เลขตัวเดียวก็ดี สื่อสารง่าย แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เราเน้นที่นโยบาย ก็ต้องพยายามไปบอกประชาชนว่า ภูมิใจไทยเบอร์ 37

เมื่อถูกถามว่า ได้เบอร์ 37 มีเลข 7 เด็ดตรงไหน อนุทิน ตอบว่า“เด็ดตรงหนู”

ขณะที่ “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พยายามกางนิ้ว ทำมือ สื่อสารถึงเลข 37

แคนดิเดตนายกฯพรรคประชาชน ทำมือบอกเลข 46
ส่วน“เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และแคนดิเดตนายกฯ พูดถึงเบอร์ 46 ที่เป็นหมายเลขประจำพรรคว่า เป็นเลขที่เชื่อว่าประชาชนทุกคนจะเลือก และเชื่อว่าประชาชนทุกคนให้ความสนใจ เพราะเป็นการเลือกตั้ง ที่ชี้ชะตาประเทศ ซึ่งพรรคประชาชน ก็จะลงพื้นที่เพื่อนำเสนอนโยบาย และทำให้ประชาชนรับรู้ถึงหมายเลขพรรคของเรา

ขณะที่ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล แคนดิเดตนายกฯของพรรค บอกว่า ถ้าจะให้ง่ายเหมือนการเลือกตั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา ก็ขอให้จำแค่ “สามเหลี่ยมหัวกลับ” เข้าคูหา แล้วมองหาโลโก้ของพรรคส้มได้เลย ทุกอย่างคล้ายเดิมหมด แล้วก็กาตรงช่องนั้น

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ได้หมายเลข 6 บอกว่า เป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับภารกิจหลัก 6 ด้าน ที่พรรคเราจะเข้าไปแก้ปัญหาให้ตรงจุด เพื่อนำพาประเทศออกจากวิกฤต นั่นคือ...

“พิทักษ์เอกราช...พิฆาตคนชั่ว... กอบกู้เศรษฐกิจฐานราก... ทุบค่าพลังงาน... สร้างสังคมคุณภาพ และ หนุนเกษตรทำเงิน”
ดังนั้น เบอร์ 6 คือสัญลักษณ์ของการแก้จุดตายของประเทศ!!

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” แคนดิเดตนายกฯพรรคประชาธิปัตย์ จับได้หมายเลข 27 บอกว่า เป็นเลขที่ถูกโฉลก เพราะตนเองเคยเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย ถือว่า ดวงสมพงษ์กัน

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แคนดิเดตนายกฯ พรรคกล้าธรรม ทำมือบอกเลข 42
ด้าน “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงหมายเลข 42 ว่า ส่วนตัวชอบหมายเลขนี้ ไม่กลัวคนจำยาก เพราะคนจำ “ธรรมนัส จำ “นฤมล” จำ “ปวีณา” ไม่ได้รู้สึกเครียด ได้หมายเลขอะไรก็ถือว่าเป็นเลขมงคล เพราะพรรคเรามีตัวตนอยู่แล้ว

ส่วนท่าที่จะใช้แทนหมายเลข 42 ก็ง่ายมาก ว่าแล้ว “ร.อ.ธรรมนัส” ชูนิ้วข้างขวา 4 นิ้ว และนิ้วข้างซ้าย 2 นิ้ว ปิดหน้าตัวเอง และค่อยๆ เลื่อนมือออกก็จะเห็นหน้าเห็นตา พร้อมย้ำว่า ได้เบอร์อะไรก็แฮปปี้ เบอร์ยิ่งมากยิ่งดี

เป็นอันว่า ขณะนี้ชัดเจนเกือบหมดแล้วว่า พรรคไหนใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ ใครอยู่ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่เท่าไร และผู้สมัคร สส.เขต ที่มีโอกาสลุ้นเข้าสภา เป็นใครกันบ้าง แต่ถ้าจะให้ชัดก็ต้องรอวันที่ 8 ก.พ.69 ที่เป็นวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น