xs
xsm
sm
md
lg

"สว.เปรมศักดิ์" เสนอ กมธ.เศรษฐกิจฯ เรียกแบงก์ชาติ-ก.ล.ต.–ปปง.แจงปมเงินเทาฟอกผ่านคริปโต ต้นตอทำค่าเงินบาทแข็งผิดปกติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สว.เปรมศักดิ์เตรียมเสนอ กมธ.เศรษฐกิจ วุฒิสภาเดินหน้าซักแบงก์ชาติ–ก.ล.ต.–ปปง. ตั้งคำถามหนัก เงินสีเทาไหลฟอกผ่านกระดานคริปโตหรือไม่หลังเงินบาทแข็งค่าผิดปกติ หลังมีข้อมูลชี้ USDT ครองสัดส่วนซื้อขายเกินครึ่ง

นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า เตรียมนำประเด็นค่าเงินบาทแข็งผิดปกติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ วุฒิสภา เพื่อสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าผิดธรรมชาติในช่วงที่ผ่านมา มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทุนสีเทา หรือการฟอกเงินผ่านกระดานซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ในประเทศไทยหรือไม่

นพ.เปรมศักดิ์ ระบุว่า ในชั้นกรรมาธิการฯ จะเสนอให้เชิญ ธปท., สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงบริษัท บิทคับ ออนไลน์ (Bitkub) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ของไทย เข้ามาชี้แจงข้อมูลต่อ กมธ. เพื่อสร้างความกระจ่างและปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ สาเหตุของข้อกังขาดังกล่าว สืบเนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลของนักวิชาการและกูรูในตลาดทุน ที่ตั้งคำถามว่า “เหตุใดแบงก์ชาติไม่รับรู้ แต่ ก.ล.ต.กลับมีข้อมูล” เกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ ซึ่งมีมูลค่าสูงเฉลี่ยเดือนละกว่า 1 แสนล้านบาท โดยรูปแบบการซื้อขายไม่ได้เป็นไปตามพฤติกรรมการเก็งกำไรปกติ กล่าวคือ เหรียญที่มีความผันผวนสูงอย่าง Bitcoin กลับมีสัดส่วนการซื้อขายเป็นเพียงอันดับสอง ไม่ถึง 20% ต่อวัน ขณะที่เหรียญ USDT ซึ่งเป็น Stablecoin ที่เคลื่อนไหวใกล้เคียงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ กลับมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าววว่า ข้อมูลล่าสุดจากรายงานของ ก.ล.ต. ประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 ระบุว่า USDT มีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 52% ขณะที่ Bitcoin อยู่เพียง 19% เท่านั้น สอดคล้องกับความเชื่อในแวดวงตลาดทุนว่า กระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยอาจถูกใช้เป็น “แหล่งฟอกเงิน” ของกลุ่มสแกมเมอร์ บ่อนพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทา โดยนำเงินผิดกฎหมายมาแปลงเป็น USDT ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จากนั้นจึงแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทและโอนออกนอกประเทศได้โดยสะดวก

อย่างไรก็ตาม กระบวนการดังกล่าว ทำให้มีเงินทุนจำนวนมหาศาลไหลเข้าสู่ระบบอัตราแลกเปลี่ยนของไทย ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าผิดปกติ โดยที่แหล่งที่มาของเงินไม่ชัดเจน ดร.ณัฐวุฒิ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องน่าประหลาดใจและน่ากังวลว่า ธปท.ระบุว่าไม่ทราบถึงที่มาของเงินทุนลักษณะนี้ ทั้งที่ ก.ล.ต.มีรายงานข้อมูลการซื้อขายดังกล่าวเป็นประจำทุกเดือน และเป็นที่รับรู้ในวงการตลาดทุนมาโดยตลอด

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า มีนักวิชาการออกมาเรียกร้องให้ ธปท.เร่งแก้ไขปัญหา และจัดทำระบบการรายงานเงินเข้า–ออกในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลให้ชัดเจนและรัดกุม ตามมาตรฐานที่ธนาคารกลางในหลายประเทศใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้เสถียรภาพทางการเงินของประเทศถูกบ่อนทำลาย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จากหลายสำนักเตือนตรงกันว่า ผลกระทบของเงินบาทแข็งจากเงินฟอกไม่ได้จำกัดอยู่เพียงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน แต่ส่งผลให้ต้นทุนของประเทศไทย “แพงขึ้น” เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม มาเลเซีย และญี่ปุ่น ภาคส่งออก ภาคเกษตร และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย จึงเผชิญแรงกดดันซ้ำเติม ในช่วงที่เศรษฐกิจจริงยังฟื้นตัวได้อย่างเปราะบาง

"สว.เปรมศักดิ"คำถามสำคัญในเวลานี้จึงไม่ใช่เพียงว่า ธปท.จะสามารถสกัดการแข็งค่าของเงินบาทได้หรือไม่ แต่คือประเทศไทยจะเลือกเดินไปในทิศทางใด ระหว่างการเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ หรือการปล่อยให้ระบบการเงินของประเทศกลายเป็นท่อผ่านของเงินสีเทาในเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทที่แข็งผิดธรรมชาติในวันนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า หากไม่เร่งรื้อโครงสร้างการกำกับดูแลทางการเงินอย่างจริงจังและบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจไม่ได้เป็นเพียงความเสี่ยงในอนาคต แต่กำลังเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน" นพ.เปรมศักดิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น