xs
xsm
sm
md
lg

“สาทิตย์” โต้ “ธรรมนัส” ย้ำ ปชป.ไม่จับมือกล้าธรรมไม่ใช่วิวาทะ โวเป็นจุดยืนการเมืองสุจริต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สาทิตย์” โต้ “ธรรมนัส” ย้ำ ปชป.ไม่จับมือกล้าธรรม ไม่ใช่วิวาทะ แต่คือจุดยืนการเมืองสุจริต ชี้ยุคศรัทธาการเมืองตกต่ำ ทุกพรรคต้องชัด ไม่คลุมเครือ ไม่กั๊กเพื่ออำนาจ ท้าสังคมจับตาใครเคลียร์ปมสีเทา ใครแค่โจมตีว่า “ดีแต่พูด”

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้กรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ออกมาวิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังประกาศจุดยืนไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม โดยระบุว่า “ดีแต่พูด” ทั้งที่เมื่ออยู่ในรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรให้ประเทศ

นายสาทิตย์กล่าวว่า การเสนอจุดยืนทางการเมืองเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองจำเป็นต้องมี โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองตกต่ำ จากความกังวลเรื่องการเมืองสีเทา พรรคการเมืองทุกพรรคจึงต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคแรกที่ประกาศจุดยืนว่าไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคกล้าธรรมได้ โดยไม่ได้มีเจตนาสร้างความขัดแย้งหรือแตกแยก และไม่ใช่การเปิดวิวาทะทางการเมืองกับพรรคกล้าธรรม

นายสาทิตย์ระบุว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนแล้ว พรรคการเมืองอื่นก็สามารถกำหนดจุดยืนของตนเองได้เช่นกัน หากพรรคกล้าธรรมจะประกาศว่าไม่สามารถร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ ก็ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง และไม่ใช่เรื่องที่ต้องโกรธเคืองกัน พร้อมระบุว่า สิ่งที่ตนอยากฟังมากที่สุดจาก ร.อ.ธรรมนัส คือการชี้แจงต่อสาธารณะในประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับความคลุมเครือและความไม่โปร่งใส หรือการมี “สีเทา” เข้ามาเกี่ยวข้องในประเด็นใดบ้าง ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ยินคำอธิบายที่ชัดเจน มีเพียงการวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ว่า “ดีแต่พูด” เท่านั้น

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ “พูดแต่เรื่องดี ไม่ใช่ดีแต่พูด” และเรื่องนี้ไม่ถือเป็นวิวาทะทางการเมือง พร้อมระบุว่าพรรคได้เตรียมข้อเท็จจริงไว้ชี้แจงแล้ว เนื่องจากข้อกล่าวหาหลายเรื่องเป็นการนำเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ ย้อนกลับไปถึง 20–30 ปีก่อน มาพูดรวมกันอย่างสับสน โดยยืนยันว่าจุดยืนไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมเป็นมติของพรรคประชาธิปัตย์ และจะเป็นจุดยืนที่ท้าทายเกมอำนาจทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการประกาศอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ ไม่อ้ำอึ้ง และไม่กั๊กเพื่อรอร่วมรัฐบาล

นายสาทิตย์กล่าวด้วยว่า การยืนหยัดอยู่ในการเมืองที่สุจริต จำเป็นต้องประกาศจุดยืนให้ชัดเจน พร้อมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่พรรคประชาชน ซึ่งในช่วงแรกยังมีท่าทีไม่ชัดเจน ได้ออกมาประกาศจุดยืนว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมเช่นเดียวกัน และยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส อ้างว่า หากไม่มีพรรคใดร่วมงาน ก็อาจไปร่วมกับพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่าอยากฟังท่าทีตอบรับจากพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน

เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาประกาศไม่จับมือกับพรรคกล้าธรรมเป็นการเสียมารยาท นายสาทิตย์กล่าวว่า ต้องแยกระหว่างจุดยืนทางการเมืองกับมารยาททางการเมืองออกจากกัน โดยการบูลลี่หรือดูหมิ่นผู้อื่นต่างหากที่เป็นเรื่องมารยาททางการเมือง

ส่วนข้อกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจ เนื่องจากมี สส. ของพรรคย้ายไปอยู่พรรคกล้าธรรมจำนวนมาก นายสาทิตย์ยืนยันว่าไม่เป็นประเด็น เพราะ สส. เดิมของพรรคประชาธิปัตย์ย้ายไปหลายพรรค และพรรคไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลในการตัดสินใจแต่อย่างใด โดยย้ำว่าการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์เป็นเรื่องของจุดยืนทางการเมืองล้วนๆ ไม่มีเรื่องความแค้นหรือการเมืองอื่นใดเข้ามาเกี่ยวข้อง

นายสาทิตย์ยังเปรียบเทียบสถานการณ์การเมืองปัจจุบันกับการเมืองยุคปี 2535 ในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งประชาชนต้องการการเมืองที่สุจริต โปร่งใส และไม่ต้องการนักการเมืองที่คลุมเครือหรือไม่ชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนติดตามถ้อยแถลงและจุดยืนทางการเมืองของแต่ละพรรคอย่างใกล้ชิด เพราะแม้การเมืองจะสร้างภาพหรือเสนอนโยบายได้หลากหลาย แต่จุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองต่างหากที่จะสะท้อนว่าพรรคการเมืองนั้นรับฟังและเคารพเสียงของประชาชนมากเพียงใด

สำหรับกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุเตรียมดำเนินคดีหมิ่นประมาท นายสาทิตย์กล่าวว่า การฟ้องร้องทางการเมืองเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ตามปกติ แต่พรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่าการประกาศจุดยืนดังกล่าวไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือใส่ร้ายใคร เนื่องจากไม่ได้กล่าวหาว่ามีความผิดในเรื่องใด เพียงสะท้อนถึงความไม่โปร่งใส ความคลุมเครือ หรือ “สีเทา” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเจตนารมณ์ด้านจริยธรรมทางการเมืองที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น