วันนี้(22 ธ.ค.)มูลนิธิเมาไม่ขับและเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายพลังผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ เครือข่ายชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง เป็นภาคีเครือข่ายที่ทำงานลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งในมิติ สุขภาพ ความรุนแรงในครอบครัว และลดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ร่วมกันส่งหนังสือถึงนายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด เพื่อยื่นข้อเสนอและสนับสนุนนโยบายเมาแล้วขับให้ริบรถในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2569 โดยมี นายเสวต อภัยรัตน์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับเรื่องแทน
นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่ปลอดภัยทางถนนในประเทศไทยอยู่ในขั้นวิกฤต มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เฉลี่ย 40 คนต่อวัน คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ปีละประมาณ 5-6 แสนล้านบาท ยิ่งข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี มีคนไทยเสียชีวิตถึง 2 แสนคน ส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานที่เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ทั้งนี้สาเหตุสำคัญของความสูญเสียดังกล่าวคือผู้ขับขี่เมาสุรา ดังนั้นในช่วง 7 วันอันตราย ของเทศกาลปีใหม่ 2569 ที่กำลังจะถึงนี้เป็นช่วงที่มีประชาชนเดินทางจำนวนมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการควบคุม ป้องกันการดื่มแล้วขับ ฝ่าฝืนกฎจราจร โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ในขณะที่ภาครัฐ มีนโยบายผ่อนปรนการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายๆเรื่อง เช่น ให้สถานบริการในพื้นที่นำร่อง ขายได้ยันตี 4 การยกเลิกเวลาห้ามขายช่วง 14.00-17.00 น. ทำให้ขายได้ตั้งแต่ 11.00 – 24.00 น. ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเพิ่มคนเมาบนท้องถนน เสี่ยงต่อการเกิดอุบติเหตุเมาแล้วขับ
“เมื่อมีการผ่อนปรนการควบคุม เปิดโอกาสให้ขายให้ดื่มได้มากขึ้น สิ่งที่จะตามมาย่อมหนีไม่พ้นอุบัติเหตุ ผลกระทบทางสังคมที่จะตามมา ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องจริงจังกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่ ซึ่งเพิ่มโทษหนักกับผู้ที่ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ขายให้คนเมา มีโทษปรับสูงถึง 100,000 บาท สูงกว่ากฎหมายเดิม 5 เท่า และยังเพิ่มความรับผิดทางละเมิดกับผู้ขายที่ขายให้เด็กและคนเมาจนไปก่อเหตุต่อผู้อื่นอีกด้วย ซึ่งถือเป็นเครื่องมือใหม่ที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเพิ่มความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ทางผู้ประกอบการร้านเหล้าผับบาร์ คนขายเหล้าก็ต้องปรับตัวทำตามกฎหมาย” นายสุรสิทธิ์ กล่าว
นางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กล่าวว่า ในช่วง 7 วันอันตราย ของเทศกาลปีใหม่ 2569 เครือข่ายฯ ขอยื่นข้อเสนอ ต่ออัยการสูงสุด ดังนี้1.เครือข่ายขอสนับสนุนมาตรการของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่กำหนดให้อัยการที่ได้รับสำนวนคดีกับผู้ขับรถขณะเมาสุราแล้วให้พิจารณาว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหา เมาแล้วขับ มีลักษณะเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. จราจร มาตรา 43 (8) ด้วยหรือไม่ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าผิดขอให้สั่งให้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา และในการฟ้องคดีให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสั่งริบรถของกลางด้วย ซึ่งเป็นความก้าวหน้าในการบังคับใช้กฎหมายที่ตรงจุด
“2.เครือข่ายขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์มาตรการริบรถของกลาง กรณีเมาแล้วขับ ให้รับรู้กันโดยกว้างขวางเพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำความผิด3. ลงโทษจริงจังกับผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 /2568 อาทิ มาตรา 29 เพิ่มโทษหนักสำหรับผู้ที่ขายให้เด็กและคนเมา กำหนดให้ผู้ขายต้องตรวจบัตรประชาชน ตรวจสอบอาการมึนเมา และต้องร่วมรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนกรณีคนเมาเหล่านั้นไปก่อความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตผู้อื่น 4.ขอให้พิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.จราจร เพื่อเพิ่มโทษเมาแล้วขับทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ให้มีบทลงโทษมากกว่า จำคุกไม่เกิน 10 ปี เพื่อทำให้ผู้ทำผิดต้องติดคุกจริงโดยไม่มีการรอลงอาญา ตัดช่องว่าเรื่องดุลยพินิจ 5.เครือข่ายยินดีทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในการเฝ้าระวัง การบังคับใช้กฎหมายและรณรงค์เพื่อลดปัญหาเมาแล้วขับในสังคมไทย” นางสาวเครือมาศ กล่าว


