“เป็นธรรม” เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ “ปิติพงศ์-ปุณยวีร์-มนต์วลี” พร้อมสโลแกนพรรค “ประชาธิปไตยที่เป็นธรรม” ชู 6 นโยบาย ปฏิเสธการเมืองทุนสีเทา-ทุจริตทุกรูปแบบ ลั่นรอบนี้มี สส. แน่นอน
เมื่อเวลา 13.10 น.วันที่ 21 ธ.ค.ที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์ พรรคเป็นธรรม(ปธ.) มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2568 โดยมีวาระสำคัญเพื่อเลือกตั้งคณะผู้บริหารและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยมีนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ อดีตหัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม และมีสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุม นายปิติพงศ์ กล่าวว่า หลังจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ตนแสดงเจตจำนงในการลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตามที่เป็นข่าวตลอดมาว่าตนลาออกเพราะพรรคมีความขัดแย้ง ขอบอกว่าไม่เป็นความจริง พรรคเป็นธรรมมีความแข็งแกร่งและมีความสามารถในการที่จะทำงานทางการเมืองต่อไปโดยไม่คำนึงว่าตนจะอยู่หรือไม่อยู่ การที่ตนลาออกไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในพรรค แต่ลาออกเพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง พรรคเป็นธรรมมีมติเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ให้ปลดนายกัณวีร์ สืบแสง ออกจากเลขาธิการพรรค เนื่องจากไปยกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรี โดยไม่ได้ขอมติพรรค จึงขอแจ้งให้ทราบว่านายกัณวีร์ไม่เคยแจ้งเรื่องนี้ให้กรรมการบริหารพรรคทราบ และวันนี้ได้แสดงเจตนาขอลาออกจากสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ภายหลังการประชุม นายปิติพงศ์ แจ้งผลการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยนายปิติพงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค นายนันทวิชช์ วรรณเสน เลขาธิการพรรค น.ส.ปุณยวีร์ เต็มเจริญ เหรัญญิกพรรค นายกร โอสถานุเคราะห์ นายทะเบียนพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรค ได้แก่ นายบุญธร อุปนันท์ นายศุรศักดิ์ คันธพรสิริ และน.ส.วีระนุช ธีระภูธร กรรมการบริหารพรรคและผู้อำนวยการพรรค ขณะทีมโฆษกพรรค ประกอบด้วย นายประสิทธิชัย หนูนวล โฆษกพรรค นายอริญชัย กาวิกุล รองโฆษกพรรค และน.ส.ศรัณย์รัชต์ อัศววงศ์ธาดา รองโฆษกพรรคและว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. เขต 32 พร้อมเปิดตัวนายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ
และเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกฯของพรรค ได้แก่ 1.นายปิติพงศ์ 2.น.ส.ปุณยวีร์ และ 3.น.ส.มนต์วลี พันธโนทัย พร้อมเปิดสโลแกนพรรค “ประชาธิปไตยที่เป็นธรรม”
นายปิติพงศ์ กล่าวว่า สัญญากับท่านว่ารอบนี้พรรคเป็นธรรมจะมี สส.ในสภามากกว่าหนึ่งคนทั้งระบบบัญชีรายชื่อและระบบเขต เท่าที่ตนทำข้อมูลไว้พรรคเป็นธรรมข้อนี้จะมาเต็มสตรีมกว่าเดิม เนื่องจากเราเริ่มจากศูนย์และยุทธศาสตร์ที่ผ่านมาเราเปิดตัวพรรคในการเลือกตั้งปี 2566 และการเลือกตั้งปีนี้พรรคเป็นธรรมพร้อมเป็นฝ่ายบริหารสร้างงานให้กับพี่น้องประชาชน ตามที่มุ่งเป้าไว้ พรรคเป็นธรรมจะมีนโยบายที่ชัดเจนในการต่อสู้รณรงค์ครั้งนี้ ฝากพี่น้องช่วยพิจารณาและช่วยกันสนับสนุนด้วย
นายปิติพงศ์ กล่าวว่า นอกจากตนแล้วจะมีทีมงานคนอื่นร่วมด้วย ได้แก่ ดร.นันทวิชช์ เป็นเลขาธิการพรรค เป็นคนรุ่นใหม่ที่เกิดจากศูนย์ เป็นคนพื้นบ้านแต่อาสามารับใช้ทำงาน กิจกรรมที่เขาทำตลอดมาและตนร่วมทำงานด้วยชื่นชมตลอดมาคือการทำซอฟต์พาวเวอร์เรื่องการฟ้อนรำเป็นอัตลักษณ์ความเป็นไทย ซึ่งพูดจริงทำจริง และรอบนี้จะลงตัวแทน สส.ขอนแก่น เขต 4 ด้วย
นายปิติพงศ์ กล่าวว่า แล้ววันนี้เรามีปัญหาชายแดนไทยมีความสามารถก็มาช่วยกัน ตนจะเอาสมเด็จฮุน เซน ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court - ICC) ถ้าพรรคเป็นธรรมเป็นรัฐบาล ตนจะเอาสมเด็จฮุน เซนเป็นอาชญากรสงครามและจะยึดพื้นดินของไทยไว้ทั้งหมดแล้วค่อยมาคุยกันทั้งทางบกและทางทะเล ของเราต้องเป็นของเราทั้งหมด โดยเฉพาะเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ทางขึ้นก็ขึ้นทางเรา เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นของเรา เราต้องรักษาไว้ ตนเชื่อว่าศักยภาพของทหารไทยปัจจุบัน ถ้าฝ่ายการเมืองสนับสนุนจริงไม่เกินปลายปีนี้สามารถปิดจ๊อบกัมพูชาได้แน่ ถ้าไม่ได้เดี๋ยวรอรัฐบาลใหม่เอามาปิดจ็อบได้แน่นอน
ต่อจากนั้น นายปิติพงศ์ กล่าวเจตนารมณ์และนโยบายพรรคว่า พรรคเป็นธรรมไม่ได้แข่งขันว่าใครจะเก่งกว่าใคร แต่เราสัญญาได้ว่าเราจะทำให้ดีที่สุด โดยเราตั้งนโยบายบนพื้นฐาน 6 ประการที่ชัดเจนคือ 1. อำนาจต้องไม่อยู่เหนือหลักการ 2. การบริหารต้องออกจากเกมการเมือง 3. การบริหารต้องมาจากความสามารถ 4. ระบบตรวจสอบถ่วงดุลต้องทำงานได้จริง 5. การเมืองต้องตรงไปตรงมารักษาคำพูด และ 6. ปฏิเสธการเมืองสีเทาและการทุจริตทุกรูปแบบ ส่วนนโยบายหลักของพรรคตั้งอยู่บน 3 แนวคิด คือ 1. ความมั่นคงด้านอาหาร 2. ความมั่นคงของผู้คน และ 3. ความมั่นคงของสังคม สังคมจะมั่นคงไม่ได้ถ้ากฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ หรือศักดิ์สิทธิ์เฉพาะบางคนเท่านั้น เพราะถ้าองค์กรอิสระไม่รับผิดชอบต่อศาล และถ้าการเมืองถูกซื้อด้วยเงินเทาและอำนาจนอกระบบ พรรคเป็นธรรมขอยืนยันว่าเราจะไม่เอาโจรมาจับโจรและไม่ยอมให้เงินผิดกฎหมายมากำหนดทิศทางของประเทศนี้
นายปิติพงศ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้คนเก่งต้องไม่แพ้การเมือง เด็กไทยไม่ควรถูกกำหนดอนาคตด้วยฐานะหรือสายสัมพันธ์ทางการเมือง และชีวิตของประชาชน, ประเทศไม่ควรถูกบริหารด้วยการลองผิดลองถูกอีกต่อไปและไม่ควรเอาอนาคตของประชาชนมาเป็นเดิมพัน ดังนั้นพรรคเป็นธรรมไม่ขอชนะเกมการเมือง
จากนั้น พรรคปธ.ร่วมแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือกับมูลนิธิอิมมานูเอล ประเทศไทย (IMF) เป็นพันธมิตรขับเคลื่อนปราบปรามการค้ามนุษย์ อย่างการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์จากปัญหาสแกมเมอร์
ต่อมาเวลา 11.40 น. นายปิติพงศ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เป็นพรรคเล็กคิดว่าจะสามารถดำเนินงานทางการเมืองแข่งกับพรรคใหญ่ได้หรือไม่ ว่า จุดมุ่งหมายของพรรคเป็นธรรมไม่ได้ต่อสู้กับพรรคใหญ่ เราทำจุดของเราให้ดีที่สุด และเสนอตัวเป็นทางเลือกกับประชาชน ถ้าพรรคใหญ่พรรคไหนเห็นความสำคัญของเราก็ดึงเราไปร่วมรัฐบาลได้ เราอาจไม่ใช่แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่เรามั่นใจว่าพรรคเป็นธรรมจะทำต่อไป จะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแน่นอน และรัฐบาลไหนใช้พรรคเป็นธรรมก็ขอให้สบายใจได้ว่าพรรคเป็นธรรมยืนอยู่บนหลักการในการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง เป็นพรรคการเมืองที่ขาวสะอาด
ผู้สื่อข่าวถามว่าครั้งนี้คาดหวังว่าจะได้กี่ที่นั่ง นายปิติพงศ์ กล่าวว่า จากข้อมูลฐานของตนอย่างน้อยเรามี สส. ที่ส่งทั้งบัญชีรายชื่อและเขต คิดว่าเราน่าจะมี สส.มากกว่าเดิม อาจจะ 5 คนทั้งบัญชีรายชื่อและเขต เมื่อถามว่าพรรคเป็นธรรมเน้นส่งผู้สมัครในพื้นที่ไหน นายปิติพงศ์ กล่าวว่า ครั้งนี้เลขาธิการพรรคลงสมัครระบบเขตเองเพราะฉะนั้นเราเชื่อมั่นในพื้นที่ขอนแก่น ซึ่งคู่แข่งมี 3-4 พรรคเท่านั้น จึงเชื่อมั่นว่าเราจะผ่านการเลือกตั้งในครั้งนี้
เมื่อถามว่าจะใช้กลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์อะไรในการเจาะเสียงให้ได้มา นายปิติพงศ์ กล่าวว่า สำหรับที่ขอนแก่นมีการเจาะมา 2 ปีกว่าแล้ว เพราะเลขาธิการพรรคทำงานอยู่กับประชาชนมาตลอด ซึ่งประชาชนเห็นแล้วว่าต้องการคนแบบไหนเข้าไปทำงาน ซึ่งเลขาธิการพรรคสามารถเชื่อมโยงกับผู้นำในหมู่บ้านและขีดความสามารถในการทำงานในสภาได้ ตนยืนยันว่าพรรคเป็นธรรมจะเล่นการเมืองอย่างตรงไปตรงมา และนี่ถือเป็นจุดขายของพรรคเป็นธรรม


